ในขณะที่ฉันกำลังเดินอยู่ริมชายหาด ฉันรู้สึกได้ว่าจิตใจที่เลื่อนลอย ทำให้ร่างกายของฉันไร้น้ำหนัก ฉันเดินเซไปเซมา ตั้งแต่ขวาสุดของหาด ไปยังซ้ายสุดของหาด ฉันเดินเท้าเปล่า ในมือหิ้วรองเท้าแตะ พร้อมกับคำถามที่แบกไว้ในหัวว่า “ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไป” “ทำไมเขาถึงเปลี่ยนใจ” “ทำไมเราถึงเป็นเหมือนเดิมไม่ได้” ดูเป็นคำถามที่ยากจะหาคำตอบ จนเมื่อฉันหยุดเดินและยืนมองเท้าของตัวเองที่แช่อยู่ในน้ำ อยู่ดีดีฉันก็นึกถึงประโยคนึงที่เพื่อนเคยบอกกับฉันว่า “น้ำทะเลทำให้ทรายเปลี่ยนไป เวลาทำให้ใจคนไม่เหมือนเดิม”
การเดินทาง สามวันสองคืน คนเดียวในครั้งนี้ทำให้ฉันคิดได้ว่า ในขณะที่ฉัน “เสีย” บางอย่าง ฉันก็ “ได้” อะไรบางอย่าง กลับมาเหมือนกัน เราเสียน้ำตาทำให้เราได้รู้ว่าเรายังมีความรู้สึก เราร้องไห้จนเสียการทรงตัวทำให้เราได้รู้ว่าเราเข้มแข็งขนาดไหนตอนลุกขึ้นยืน เราเสียใจกับรักที่ไม่สมหวังแต่อย่างน้อยครั้งหนึ่งความหวังก็ทำให้เรามีความสุข เราเสียแรงที่ทำสิ่งต่างๆให้เขาแต่อย่างน้อยเราก็ได้เรียนรู้ที่จะให้ เราเคยคิดว่าเราเสียเวลาไปกับคนคนนี้ แต่อย่างน้อยเราได้บทเรียนครั้งใหญ่ ถ้าเราได้อะไรบางอย่างนั้นไม่เรียกว่าเสียเวลา
การเดินทางคนเดียวครั้งนี้ ช่วยให้ฉันมองเห็นสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวชัดขึ้น คนบนเกาะ นักท่องเที่ยว ธรรมชาติ เวลาเดินไปและเราทุกคนต้องเดินตาม ฉันเริ่มต้นเดินทางด้วยความรู้สึกว่างเปล่าและไม่เข้าใจอะไรเลย แต่ฉันกลับกลับมาพร้อมกับ ความเข้าใจบางอย่างและปล่อยวางในสิ่งที่ยากจะเข้าใจ เรือไม่ว่ามันจะบรรทุกคน บรรทุกของ หรือไม่บรรทุกอะไรเลย มันก็ยังแล่นไปข้างหน้า ความรู้สึกผิดหวัง เสียใจ อาจทำให้เราเดินช้าลงได้ แต่มันไม่ทำให้เราหยุดเดินลงไดสำหรับตัวฉันเองการเดินทางไม่ว่าจะเป็นแบบไหน มันก็คือโอกาสที่ทำให้เราได้เจอกับ คนใหม่ๆ โลกใบใหม่ๆ และความคิดใหม่ๆ เพราะฉะนั้นฉันอย่าบอกทุกคนว่า จงอย่าหยุดที่จะเดินทาง