เซลล์ต้นตอจากเอ็มบริโอ เซลล์ต้นตอจา

เซลล์ต้นตอจากเอ็มบริโอ
เซลล์ต้นตอจากเอ็มบริโอเป็นเซลล์ที่ยังไม่มีการเปลี่ยนสภาพ (undifferentiated cells) มีคุณสมบัติที่สำคัญประการแรก คือสามารถแบ่งตัวเพิ่มจำนวนได้ในอาหารเลี้ยงเชื้ออย่างไม่สิ้นสุด เนื่องจากภายหลังการแบ่งเซลล์แต่ละครั้งจะมีเซลล์ลูก (daughter cells) อย่างน้อยจำนวน 1 เซลล์ที่ยังคงมีคุณสมบัติของเซลล์ต้นตออยู่ และสามารถแบ่งตัวเพิ่มจำนวนต่อๆไปได้ตลอดช่วงชีวิต และคุณสมบัติที่สำคัญประการที่สองของเซลล์ต้นตอคือ สามารถที่จะเจริญไปเป็นเซลล์เฉพาะชนิด (specialized cells) ต่างๆของร่างกายต่อไปได้ เช่น เซลล์กล้ามเนื้อ เซลล์ประสาท เซลล์เม็ดเลือด ฯลฯ ซึ่งเซลล์ต้นตอจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในแนวทางใดนั้นขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกเซลล์เป็นปัจจัยที่กำหนด1-6 การได้มาซึ่งเซลล์ต้นตอสามารถอธิบายได้โดยสังเขปดังนี้ ภายหลังที่เกิดการปฏิสนธิโดยเชื้ออสุจิไปรวมเข้ากับเซลล์ไข่ ทำให้เกิดเซลล์ใหม่เซลล์หนึ่งที่มีความสามารถเจริญและพัฒนาไปเป็นส่วนต่างๆของร่างกายต่อไป เซลล์ใหม่ที่เกิดขึ้นนี้เรียกว่า ไซโกต (zygote) ซึ่งไซโกตอาจถูกเรียกว่าเป็นเซลล์ต้นตอชนิด totipotent stem cells (totus หมายถึง ทั้งหมด) เนื่องจากเซลล์ๆนี้สามารถที่จะเจริญต่อไปเป็นส่วนต่างๆของร่างกายได้นั่นเอง1 ในคนพบว่าประมาณ 1 ชั่วโมงหลังการปฏิสนธิ ไซโกตจะเริ่มมีการแบ่งตัวระยะคลีเวจ (cleavage) ผลจากการแบ่งเซลล์ครั้งแรกทำให้ได้เซลล์ลูก 2 เซลล์ ที่มีลักษณะเหมือนกัน เรียกว่า identical totipotent stem cells หรือ เซลล์บลาสโตเมียร์ (blastomere) ถ้าหากนำเซลล์ใดเซลล์หนึ่งหรือแยกเอาทั้งสองเซลล์ไปฝากในมดลูกที่ถูกเตรียมให้มีความพร้อมในการรองรับการฝังตัวของเอ็มบริโอแล้ว เซลล์เหล่านี้สามารถที่จะเจริญไปเป็นเอ็มบริโอได้ในที่สุด ประมาณวันที่ 3 หลังการปฏิสนธิไซโกตที่ได้จะมีลักษณะเป็นลูกทรงกลมตัน ประกอบด้วยเซลล์บลาสโตเมียร์ จำนวน 12-16 เซลล์ ในระยะนี้เรียกว่าระยะมอรูลา (morula) และในวันที่ 4 เซลล์เหล่านี้จะมีการจัดเรียงตัวกันเป็นรูปทรงกลมกลวง เรียก บลาสโตซีสต์ (blastocyst) ซึ่งเป็นระยะที่มีเซลล์บลาสโตเมียร์ จำนวน 32 เซลล์ และเซลล์เหล่านี้จะสร้างของเหลวเข้ามารวมกันในช่องที่อยู่ตรงกลางกลุ่มเซลล์ซึ่งเรียกว่าบลาสโตซีล (blastocoel) ระยะนี้บลาสโตซีสต์จะประกอบด้วยเซลล์ 2 กลุ่ม โดยเซลล์กลุ่มแรกอยู่ด้านนอกเป็นผนังของลูกทรงกลม เรียกว่า โทรโฟบลาสต์ (trophoblast) ซึ่งต่อไปจะเจริญไปเป็นส่วนประกอบส่วนหนึ่งของรก (placenta) และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันอื่นๆที่จำเป็นต่อการเจริญของเอ็มบริโอ กลุ่มเซลล์กลุ่มที่สองรวมกันเป็นกลุ่มอยู่ด้านในของลูกทรงกลม เรียกว่า อินเนอร์ เซลล์ แมสส์ (inner cell mass; ICM) ซึ่งเซลล์กลุ่มหลังนี้จะเจริญไปเป็นเนื้อเยื่อระยะต่างๆของเอ็มบริโอต่อไป ดังนั้นเซลล์ต้นตอจากเอ็มบริโอที่นำมาใช้ในการศึกษาจึงหมายถึง อินเนอร์ เซลล์ แมสส์ ที่แยกมาจากเอ็มบริโอระยะบลาสโตซีสต์ นั่นเอง
เซลล์ อินเนอร์ เซลล์ แมสส์ นี้ถึงแม้ว่าในที่สุดสามารถเจริญ และเปลี่ยนแปลงไปเป็นเนื้อเยื่อส่วนต่างๆของร่างกายได้ก็ตาม แต่ถ้าหากนำเอาเฉพาะเซลล์เหล่านี้ไปฝากในมดลูกที่เตรียมพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ เซลล์เหล่านี้ไม่สามารถเจริญไปเป็นเอ็มบริโอได้ เนื่องจากไม่มีเซลล์ที่จะเจริญไปเป็นส่วนของรกและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันอื่นๆที่จำเป็นต่อการตั้งครรภ์1 จากความสามารถในการเจริญและเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ได้หลายชนิด บางครั้งอาจเรียกเซลล์ต้นตอจากเอ็มบริโอนี้ว่า pluripotent stem cells (plures หมายถึง จำนวนมาก) อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับไซโกตจะเห็นได้ว่าเซลล์จาก อินเนอร์ เซลล์ แมสส์ มีขีดความสามารถในการเจริญที่จำกัดเนื่องจากไม่สามารถเจริญไปเป็นส่วนประกอบของรกและเนื้อเยื่อที่จำเป็นต่อการตั้งครรภ์ได้
สารกระตุ้นการเจริญ (Growth factors)
เป็นกลุ่มของสารโปรตีนโพลีเปปไทด์ (polypeptide) ที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นหรือเหนี่ยวนำให้เกิดการแบ่งตัวและเพิ่มจำนวนเซลล์ทั้งในสภาพของร่างกาย (in vivo) และในหลอดทดลอง (in vitro) โดยสารกระตุ้นการเจริญทุกชนิดสามารถที่จะออกฤทธิ์ต่อเซลล์แม้มีในปริมาณที่น้อยมาก (ประมาณ 10-9- 10-11 Molar) และตามปกติแล้วในร่างกายหรือเนื้อเยื่อต่างๆก็จะมีสารกระตุ้นการเจริญอยู่ในปริมาณน้อยมากเช่นกัน แม้จะมีความคล้ายคลึงกันมากระหว่างสารกระตุ้นการเจริญกับโกรทฮอร์โมน (growth hormone) จากต่อมใต้สมองส่วนหน้า (adenohypophysis) หรือกับฮอร์โมนอื่นๆ แต่จะมีความแตกต่างที่สำคัญระหว่างสารทั้งสองกลุ่มนี้อยู่ 2 ประการ ก็คือ ประการแรกฮอร์โมนจะถูกสร้างจากอวัยวะที่มีความจำเพาะ เช่น ฮอร์โมนอินซูลินจะถูกสร้างจากบีตาเซลล์ (b-cells) ในบริเวณ islet of Langerhan ของตับอ่อน เป็นต้น ในขณะที่สารกระตุ้นการเจริญชนิดใดชนิดหนึ่งอาจถูกสร้างจากเซลล์หรือเนื้อเยื่อหลายชนิด ความแตกต่างที่สำคัญประการที่สองก็คือ หลังจากที่ถูกสร้างและคัดหลั่งออกจากเซลล์ที่สร้างแล้ว ฮอร์โมนจะถูกลำเลียงเข้าสู่กระแสโลหิตและถูกส่งไปยังเซลล์ เนื้อเยื่อ หรือ อวัยเป้าหมายอื่นๆต่อไป แต่ในขณะที่ สารกระตุ้นการเจริญที่ถูกสร้างและหลั่งออกมาจะไปมีผลต่อเซลล์หรือเนื้อเยื่อที่ทำหน้าที่สร้าง (autocrine หรือ paracrine) นั่นเอง จึงทำให้ไม่สามารถตรวจหาสารกระตุ้นการเจริญได้จากเลือดหรือของเหลวอื่นๆของร่างกาย
สำหรับคุณสมบัติในการกระตุ้นการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนเซลล์ของสารกระตุ้นการเจริญชนิดต่างๆนั้นพบว่ามีความแตกต่างกันไปโดยพบว่าสารกระตุ้นการเจริญบางชนิดสามารถกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์ได้หลายชนิด ในขณะที่สารกระตุ้นการเจริญบางตัวสามารถกระตุ้นการเจริญของเซลล์ได้เพียงไม่กี่ชนิด และในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน พบว่าเซลล์หรือเนื้อเยื่อเองก็มีการตอบสนองต่อสารกระตุ้นการเจริญแตกต่างกันไปด้วย โดยมีเซลล์บางชนิดสามารถตอบสนองต่อสารกระตุ้นการเจริญได้หลายชนิด ในขณะที่เซลล์หรือเนื้อเยื่อบางชนิดมีความจำเพาะต่อสารกระตุ้นการเจริญค่อนข้างสูงจึงตอบสนองต่อสารในกลุ่มนี้เพียงไม่กี่ชนิด

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

Origins from embryo cells. เซลล์ต้นตอจากเอ็มบริโอเป็นเซลล์ที่ยังไม่มีการเปลี่ยนสภาพ (undifferentiated cells) มีคุณสมบัติที่สำคัญประการแรก คือสามารถแบ่งตัวเพิ่มจำนวนได้ในอาหารเลี้ยงเชื้ออย่างไม่สิ้นสุด เนื่องจากภายหลังการแบ่งเซลล์แต่ละครั้งจะมีเซลล์ลูก (daughter cells) อย่างน้อยจำนวน 1 เซลล์ที่ยังคงมีคุณสมบัติของเซลล์ต้นตออยู่ และสามารถแบ่งตัวเพิ่มจำนวนต่อๆไปได้ตลอดช่วงชีวิต และคุณสมบัติที่สำคัญประการที่สองของเซลล์ต้นตอคือ สามารถที่จะเจริญไปเป็นเซลล์เฉพาะชนิด (specialized cells) ต่างๆของร่างกายต่อไปได้ เช่น เซลล์กล้ามเนื้อ เซลล์ประสาท เซลล์เม็ดเลือด ฯลฯ ซึ่งเซลล์ต้นตอจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในแนวทางใดนั้นขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกเซลล์เป็นปัจจัยที่กำหนด1-6 การได้มาซึ่งเซลล์ต้นตอสามารถอธิบายได้โดยสังเขปดังนี้ ภายหลังที่เกิดการปฏิสนธิโดยเชื้ออสุจิไปรวมเข้ากับเซลล์ไข่ ทำให้เกิดเซลล์ใหม่เซลล์หนึ่งที่มีความสามารถเจริญและพัฒนาไปเป็นส่วนต่างๆของร่างกายต่อไป เซลล์ใหม่ที่เกิดขึ้นนี้เรียกว่า ไซโกต (zygote) ซึ่งไซโกตอาจถูกเรียกว่าเป็นเซลล์ต้นตอชนิด totipotent stem cells (totus หมายถึง ทั้งหมด) เนื่องจากเซลล์ๆนี้สามารถที่จะเจริญต่อไปเป็นส่วนต่างๆของร่างกายได้นั่นเอง1 ในคนพบว่าประมาณ 1 ชั่วโมงหลังการปฏิสนธิ ไซโกตจะเริ่มมีการแบ่งตัวระยะคลีเวจ (cleavage) ผลจากการแบ่งเซลล์ครั้งแรกทำให้ได้เซลล์ลูก 2 เซลล์ ที่มีลักษณะเหมือนกัน เรียกว่า identical totipotent stem cells หรือ เซลล์บลาสโตเมียร์ (blastomere) ถ้าหากนำเซลล์ใดเซลล์หนึ่งหรือแยกเอาทั้งสองเซลล์ไปฝากในมดลูกที่ถูกเตรียมให้มีความพร้อมในการรองรับการฝังตัวของเอ็มบริโอแล้ว เซลล์เหล่านี้สามารถที่จะเจริญไปเป็นเอ็มบริโอได้ในที่สุด ประมาณวันที่ 3 หลังการปฏิสนธิไซโกตที่ได้จะมีลักษณะเป็นลูกทรงกลมตัน ประกอบด้วยเซลล์บลาสโตเมียร์ จำนวน 12-16 เซลล์ ในระยะนี้เรียกว่าระยะมอรูลา (morula) และในวันที่ 4 เซลล์เหล่านี้จะมีการจัดเรียงตัวกันเป็นรูปทรงกลมกลวง เรียก บลาสโตซีสต์ (blastocyst) ซึ่งเป็นระยะที่มีเซลล์บลาสโตเมียร์ จำนวน 32 เซลล์ และเซลล์เหล่านี้จะสร้างของเหลวเข้ามารวมกันในช่องที่อยู่ตรงกลางกลุ่มเซลล์ซึ่งเรียกว่าบลาสโตซีล (blastocoel) ระยะนี้บลาสโตซีสต์จะประกอบด้วยเซลล์ 2 กลุ่ม โดยเซลล์กลุ่มแรกอยู่ด้านนอกเป็นผนังของลูกทรงกลม เรียกว่า โทรโฟบลาสต์ (trophoblast) ซึ่งต่อไปจะเจริญไปเป็นส่วนประกอบส่วนหนึ่งของรก (placenta) และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันอื่นๆที่จำเป็นต่อการเจริญของเอ็มบริโอ กลุ่มเซลล์กลุ่มที่สองรวมกันเป็นกลุ่มอยู่ด้านในของลูกทรงกลม เรียกว่า อินเนอร์ เซลล์ แมสส์ (inner cell mass; ICM) ซึ่งเซลล์กลุ่มหลังนี้จะเจริญไปเป็นเนื้อเยื่อระยะต่างๆของเอ็มบริโอต่อไป ดังนั้นเซลล์ต้นตอจากเอ็มบริโอที่นำมาใช้ในการศึกษาจึงหมายถึง อินเนอร์ เซลล์ แมสส์ ที่แยกมาจากเอ็มบริโอระยะบลาสโตซีสต์ นั่นเอง เซลล์ อินเนอร์ เซลล์ แมสส์ นี้ถึงแม้ว่าในที่สุดสามารถเจริญ และเปลี่ยนแปลงไปเป็นเนื้อเยื่อส่วนต่างๆของร่างกายได้ก็ตาม แต่ถ้าหากนำเอาเฉพาะเซลล์เหล่านี้ไปฝากในมดลูกที่เตรียมพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ เซลล์เหล่านี้ไม่สามารถเจริญไปเป็นเอ็มบริโอได้ เนื่องจากไม่มีเซลล์ที่จะเจริญไปเป็นส่วนของรกและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันอื่นๆที่จำเป็นต่อการตั้งครรภ์1 จากความสามารถในการเจริญและเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ได้หลายชนิด บางครั้งอาจเรียกเซลล์ต้นตอจากเอ็มบริโอนี้ว่า pluripotent stem cells (plures หมายถึง จำนวนมาก) อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับไซโกตจะเห็นได้ว่าเซลล์จาก อินเนอร์ เซลล์ แมสส์ มีขีดความสามารถในการเจริญที่จำกัดเนื่องจากไม่สามารถเจริญไปเป็นส่วนประกอบของรกและเนื้อเยื่อที่จำเป็นต่อการตั้งครรภ์ได้Growth stimulant (Growth factors) เป็นกลุ่มของสารโปรตีนโพลีเปปไทด์ (polypeptide) ที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นหรือเหนี่ยวนำให้เกิดการแบ่งตัวและเพิ่มจำนวนเซลล์ทั้งในสภาพของร่างกาย (in vivo) และในหลอดทดลอง (in vitro) โดยสารกระตุ้นการเจริญทุกชนิดสามารถที่จะออกฤทธิ์ต่อเซลล์แม้มีในปริมาณที่น้อยมาก (ประมาณ 10-9- 10-11 Molar) และตามปกติแล้วในร่างกายหรือเนื้อเยื่อต่างๆก็จะมีสารกระตุ้นการเจริญอยู่ในปริมาณน้อยมากเช่นกัน แม้จะมีความคล้ายคลึงกันมากระหว่างสารกระตุ้นการเจริญกับโกรทฮอร์โมน (growth hormone) จากต่อมใต้สมองส่วนหน้า (adenohypophysis) หรือกับฮอร์โมนอื่นๆ แต่จะมีความแตกต่างที่สำคัญระหว่างสารทั้งสองกลุ่มนี้อยู่ 2 ประการ ก็คือ ประการแรกฮอร์โมนจะถูกสร้างจากอวัยวะที่มีความจำเพาะ เช่น ฮอร์โมนอินซูลินจะถูกสร้างจากบีตาเซลล์ (b-cells) ในบริเวณ islet of Langerhan ของตับอ่อน เป็นต้น ในขณะที่สารกระตุ้นการเจริญชนิดใดชนิดหนึ่งอาจถูกสร้างจากเซลล์หรือเนื้อเยื่อหลายชนิด ความแตกต่างที่สำคัญประการที่สองก็คือ หลังจากที่ถูกสร้างและคัดหลั่งออกจากเซลล์ที่สร้างแล้ว ฮอร์โมนจะถูกลำเลียงเข้าสู่กระแสโลหิตและถูกส่งไปยังเซลล์ เนื้อเยื่อ หรือ อวัยเป้าหมายอื่นๆต่อไป แต่ในขณะที่ สารกระตุ้นการเจริญที่ถูกสร้างและหลั่งออกมาจะไปมีผลต่อเซลล์หรือเนื้อเยื่อที่ทำหน้าที่สร้าง (autocrine หรือ paracrine) นั่นเอง จึงทำให้ไม่สามารถตรวจหาสารกระตุ้นการเจริญได้จากเลือดหรือของเหลวอื่นๆของร่างกาย สำหรับคุณสมบัติในการกระตุ้นการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนเซลล์ของสารกระตุ้นการเจริญชนิดต่างๆนั้นพบว่ามีความแตกต่างกันไปโดยพบว่าสารกระตุ้นการเจริญบางชนิดสามารถกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์ได้หลายชนิด ในขณะที่สารกระตุ้นการเจริญบางตัวสามารถกระตุ้นการเจริญของเซลล์ได้เพียงไม่กี่ชนิด และในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน พบว่าเซลล์หรือเนื้อเยื่อเองก็มีการตอบสนองต่อสารกระตุ้นการเจริญแตกต่างกันไปด้วย โดยมีเซลล์บางชนิดสามารถตอบสนองต่อสารกระตุ้นการเจริญได้หลายชนิด ในขณะที่เซลล์หรือเนื้อเยื่อบางชนิดมีความจำเพาะต่อสารกระตุ้นการเจริญค่อนข้างสูงจึงตอบสนองต่อสารในกลุ่มนี้เพียงไม่กี่ชนิด

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:

Embryonic Stem Cells
Embryonic Stem Cells are cells that have not been changed. (Undifferentiated cells) are important features first. Is to divide multiply in culture endlessly. Because after each cell division to daughter cells (daughter cells) at least one cell that retains the properties of stem cells exist. The division continued to increase throughout life. And the key feature of stem cells is second. The ability to develop into specific cell types (specialized cells) of the body to be like muscle cells, nerve cells, etc., stem cells will change in a way which is dependent on the environment both inside and outside the cell. 1-6 is the determining factor To obtain the stem cells can be described briefly as follows. After the fertilized by sperm, egg cells are joined. The new cell is a cell that can grow and develop into different parts of the body further. The new cells formed is called a zygote (zygote), which zygote may be called as stem cells are totipotent stem cells (totus means all) of the cells, the ability to further grow into different parts of the body. 1 block The people found that about 1 hours after fertilization. Zygote will begin to divide, long Clive Savage (cleavage) resulting from cell division first made ​​the cells the two cells that look like each other are identical totipotent stem cells or cell growth Blast Mir (blastomere). If you bring one cell or two cells separate deposited in the uterus that is prepared to be ready to support the implantation of the embryo ago. These cells can develop into an embryo in the end, about three days after fertilization, the zygote can be characterized as the sphere. Cellular growth Blast Meir of 12-16 cells called long-term morula (morula) and on day 4 of these cells are arranged together to form a hollow sphere called growth Blast. Cysts (blastocyst), which is a cell growth Blast Mir 32 cells, and these cells are created in the liquid come together in the middle of the cell, called a growth Blast Seals (blastocoel. ) This term growth Blast cysts are composed of two groups of cells, the first outside wall of the sphere is called Call Flow Blast (trophoblast), which will further develop into a constituent part of. placenta (placenta), and other connective tissues that are essential to embryonic development. The second group of cells are grouped together on the inside of the sphere is called the inner cell mass Inc. (inner cell mass; ICM) cells that develop into a tissue, this latter group stages of the embryo. So Embryonic Stem Cells used in the study thus represents inner cell mass was isolated from embryos term growth Blast cysts that
inner cell mass cells, although this was eventually able to flourish. And changes to the tissues of the body confirmed. If you take these cells deposited in the uterus in preparation for pregnancy. These cells can develop into an embryo is. Since none of the cells that develop into the placenta and other tissues needed to conceive one. The ability to grow and differentiate into cell types. Sometimes called Embryonic Stem Cells that pluripotent stem cells (plures means a lot), however, compared to the zygote can be seen that the cells from the inner cell mass has a capacity for growth is limited because it does. can develop into a component of the placenta and tissues necessary to conceive
of growth stimulants (Growth factors)
are a group of proteins poly peptide. (Polypeptide) has the ability to stimulate or induce the proliferation and cell proliferation in both the condition of the body (in vivo) and in vitro (in vitro) passenger stimulate the growth of any kind can act on the cells. Even a very small amount (about 10-9- 10-11 Molar) and normal tissues in the body, or it will be stimulating growth in small amounts as well. Despite the many similarities between the stimulants of growth hormone (growth hormone) from the anterior pituitary gland. (Adenohypophysis) or with other hormones. But a key difference between the two compounds, this group is two respects, it is the first hormone is made ​​of organ specificity, such as insulin is created by beta cells (b-cells) in the islet of Langerhan. the pancreas, etc., while stimulating the growth of any kind may be generated from cells or tissue types. The second major difference is. After being created, and secretion from the cell that is already built. Hormones are transported into the blood stream and sent to a cell, tissue or their other goals next, but while stimulating the growth that has been created and released to affect the cells or tissues generates. (autocrine or paracrine) itself, thus making it impossible to detect substances stimulate the growth of blood or other fluids of the body
for the ability to stimulate the proliferation proliferation of stimulating the growth of various types were found to have differences. It was found that the compounds to stimulate the growth of some species can stimulate cell division in several species. While some growth stimulants can stimulate cell growth, only a few species. And in a similar manner It has been found that the cell or tissue response to stimulants of growth varies with. There are some types of cells can respond to a variety of growth stimulants. While some types of cells or tissue specificity, thus stimulating growth rather than respond to the substance of this group, only a few species.

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

For property in stimulating the cell proliferation of stimulant growth types nectar that is different it was found that the growth of some stimulants can stimulate proliferation of cells of various kinds.Stem cell from embryonic
.Stem cell from embryonic cells with no change (undifferentiated cells) possesses important respects first. Is able to break increase in medium endlessly.(daughter cells) at least the 1 cells that remain of the property. And can split the next possible throughout life. An important feature of cell and secondly the source. Able to grow to a specific cell type.Cells) of the body on, such as muscle cells, nerve, blood cells, etc. which side will change way depends on the environment both inside and outside the cell are factors determining the 1-6.After the fertilization by sperm to combine with the egg cell. Cause of new cells one cell with the ability of growth and development to various parts of the body to go. The new cells formed this is called a zygote (zygote).Totipotent stem cells (totus mean all) because this cells able to grow on different parts of the body itself 1. In found that approximately 1 hours after fertilization Seiko will begin to break the cleavage (cleavage).These cells are able to grow into the embryo has finally estimated date of 3 after fertilization can be characterized as recycle Cote ball sphere Includes cell blastomere of 12-16 cells. In this stage called the morula stage (morula).2 cells that look alike, called identical totipotent stem cells or cell blastomere (blastomere).4 these cells are arranged as a hollow sphere called blast grow cyst (blastocyst) which is a period with the cell blastomere. The 32 cells.(blastocoel) recently Blas grow cyst consists of cells 2 group. The first group cells outside the walls of the spheres called trophoblast components (trophoblast), which further progress is a component part of the placenta. (placenta).Cell group second group together as a group in the interior of the sphere is called in for cell mass (inner cell mass;ICM) which cells this latter group will thrive as different stages of embryo tissue. Therefore, from the embryo stem cell used in the mean in NER cell mass, isolated from the embryo stage blast grow cyst itself
.Cells in NER cell mass, though eventually can thrive. And change is the tissue of different parts of the body. But if the only these cells to deposit in the uterus to prepare for pregnancy.Since there is no cells to progress as part of hell and other connective tissue that is attached to a pregnant 1. The ability to grow and change as the cell types.Pluripotent stem cells (plures mean lots) however when compared with Seiko will see that cells from in. The cell. Mass.Stimulant growth (Growth factors)
.The bulk of the protein polypeptide (polypeptide) who is qualified to stimulate or induced to divide and to increase the number of cells in both images of the body. (in vivo) and in vitro (in vitro).(about 10-9 - 10-11 Molar). And, as usual, then in the body or tissues have stimulant growth is less than มากเช่นกัน. Despite the many similarities between the stimulant growth with growth hormone (growth hormone).(adenohypophysis) or with other hormones But there are important differences between the two groups in the 2 substance is firstly hormones are constructed from an organ specificity Such as insulin is created from the beta cells (B-cells).Islet of Langerhan of pancreas, etc., while the stimulant growth types may be created from the cell or tissue types. The second is important After being created and sends out of the cell to create.Tissue, or other organ target next, but while the stimulant growth created and shed out is going to affect cell or tissue that acts created. (autocrine or paracrine).For property in stimulating the cell proliferation of stimulant growth types nectar that is different it was found that the growth of some stimulants can stimulate proliferation of cells of various kinds.And, in a similar manner. Found that the cells or tissues have a response to growth stimulants are also different. By some kind of cells can respond to stimulant growth species.