การเมืองประเทศยูเครน ซึ่งลากยาวมาตั

การเมืองประเทศยูเครน ซึ่งลากยาวมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันกับไทย ขณะที่ผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองของไทยยังคงจำกัดอยู่ภายในประเทศ แต่สำหรับยูเครน ปัญหาดังกล่าวดูเหมือนจะกลายเป็นปัญหาระดับโลกไปแล้ว เมื่อมีประเทศมหาอำนาจของโลก อย่างสหรัฐฯ สหภาพยุโรป (EU) และรัสเซียเข้ามาเกี่ยวข้อง จนทำให้เกิดความกังวลในตลาดการเงิน และส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกตั้งแต่เปิดเดือนมีนาคมมาต่างก็ปรับตัวลงกันถ้วนหน้าทั้งนี้ ประเด็นเรื่องความขัดแย้งในยูเครน ได้ลุกลามขึ้นหลังจากรัฐบาลได้ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของประชาชน ส่งผลให้ประธานาธิบดียูเครนต้องหลบหนีไปพึ่งพันธมิตรอย่างรัสเซีย ขณะที่รัสเซียเอง ก็ได้ทำการส่งกำลังทหารเข้าไปยังเขตปกครองอิสระไครเมียของยูเครนเพื่อเข้ายึดสถานที่ราชการ และทำให้ขั้วอำนาจตะวันตก ซึ่งต้องการถ่วงดุลอำนาจรัสเซียอย่างสหรัฐฯและ EU แสดงความไม่พอใจ และต้องการให้มีการถอนกำลังทหารของรัสเซียออก ซึ่งอาจจะส่งผลไปถึงการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย หรือลุกลามเป็นสงครามขึ้นได้

จากประเด็นที่ลุกลาม และมีการดึงชาติอื่นๆ ทั้งสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และรัสเซียเข้ามาเกี่ยวข้องนี้เอง ส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลก เกิดความปั่นป่วนอย่างหนักหลังเปิดเดือนมีนาคมมา ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตลาดหุ้นเอเชีย ที่ต่างก็ปรับตัวลงกว่า 1% โดยเฉพาะตลาดหุ้นยุโรป ซึ่งดูจะได้รับผลกระทบเต็มๆ เพราะปรับตัวลงไปกว่า 3% เนื่องจากยุโรปเป็นภูมิภาคที่มีความใกล้ชิดทางด้านเศรษฐกิจกับรัสเซียเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะด้านพลังงาน เนื่องจากยุโรปมีการพึ่งพาพลังงานด้านน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเป็นหลัก โดยส่วนหนึ่ง มีการขนส่งผ่านทางยูเครน การคว่ำบาตรรัสเซีย และความไม่สงบในยูเครนที่อาจจะทำให้รัสเซียมีอิทธิพลเหนือยูเครนจะส่งผลในเชิงลบต่อเศรษฐกิจของบริษัทยุโรป และต้นทุนด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ตลาดหุ้นยุโรปดูจะได้รับผลกระทบมากกว่าตลาดอื่นๆ

ทั้งนี้ แม้ยากที่จะคาดเดาถึงผลลัพธ์สุดท้ายที่จะเกิดขึ้น ว่าจะลุกลามไปจนถึงขนาดไหน แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ เชื่อกันว่า ปัญหาในยูเครน น่าจะกระทบต่อตลาดในระยะสั้น เนื่องจากปัญหาดังกล่าว ไม่ก่อให้เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศใด ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ สหภาพยุโรป หรือแม้กระทั่งรัสเซียเอง ซึ่งท้ายที่สุด สหรัฐฯ รัสเซีย และสหภาพยุโรป น่าจะหันมาเจรจาเพื่อหาทางออกในการแก้ไขปัญหา มากกว่าจะมุ่งเน้นตอบโต้กันด้วยมาตรการคว่ำบาตร หรือมาตรการทางการทหาร ผลกระทบในเชิงลบต่อตลาด จึงน่าจะจบลงได้ในระยะสั้น ดังจะเห็นได้จากสถานการณ์ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 มีนาคม หลังจากรัสเซียมีมติให้ถอนกำลังทหารออกมาจากชายแดนยูเครน ก็ทำให้ตลาดหุ้นคลายความกังวลและเด้งกลับมาได้ อย่างไรก็ดี ทางรัสเซียเองยังคงกำลังทหารไว้ในบริเวณเขตปกครองพิเศษไครเมียอยู่ ซึ่งก็จะยังคงกดดันสถานการณ์การลงทุนอยู่เป็นระยะๆ ดังนั้น ในช่วงที่ตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงมา จึงอาจจะเป็นจังหวะเข้าทยอยสะสมการลงทุนในหุ้นเพิ่มเติมได้ โดยเฉพาะหุ้นในภูมิภาคยุโรปที่ดูจะปรับตัวลงแรงกว่าภูมิภาคอื่น

ด้วยปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจของยุโรปเอง ซึ่งได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วในปีที่ผ่านมา และกำลังเริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง อย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่บริษัทจดทะเบียนยุโรปเองยังมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และธนาคารกลางยังแสดงจุดยืนที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากนโยบายผ่อนคลายทางการเงินหากจำเป็น ล้วนแต่ส่งสัญญาณปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นยุโรป ขณะที่ระดับราคาเอง แม้จะปรับขึ้นมาพอสมควรในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าอดีต โดยอัตราส่วน Forward P/E ของดัชนี MSCI Europe ในเดือนกุมภาพันธ์ อยู่ที่ประมาณ 14 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ประมาณ 16 เท่า (Bloomberg มีนาคม 2557) ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีแนวโน้มที่สดใสจากเศรษฐกิจ แต่ระดับราคาปัจจุบันได้ปรับขึ้นมาค่อนข้างเยอะตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยยังไม่มีการปรับฐานลงมาอย่างชัดเจน จึงควรจะต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าหากจะเข้าลงทุนในช่วงนี้

จากความกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองดังกล่าว ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้น และหันกลับมาถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอีกครั้ง และผลักดันราคาทองคำขึ้นมาที่เหนือระดับ 1,350 ดอลล่าร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี หากความกังวลในสถานการณ์การเมืองคลี่คลายแล้ว ราคาทองคำน่าจะอ่อนตัวลงมา เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยสนับสนุนในเชิงบวกต่อราคาทองคำ โดยเฉพาะนโยบายการปรับลดเม็ดเงินในมาตรการ QE ของสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลลบต่อทองคำ ดังนั้น ผู้ลงทุนอาจถือจังหวะที่ราคาปรับขึ้นมาในช่วงนี้ทำการขาย และรอเข้าซื้อเมื่ออ่อนตัว โดยมองการเคลื่อนไหวกรอบราคาทองคำในปีนี้ที่ 1,150 – 1,350 ดอลล่าร์ต่อออนซ์ เช่นเดียวกับน้ำมัน ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าปัญหาความไม่สงบจะส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมัน แต่เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ก็น่าจะอ่อนตัวลงมา จึงยังไม่ใช่จังหวะที่จะเข้าลงทุนในช่วงนี้

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

Politics of Ukraine, which is a long haul since this past November. On a par with the same period in Thai While the impact of the political problems of the Thai is still limited to within the country, but for Ukraine. The problem seems to have become a global problem then. When the superpowers of the world. However, the United States, European Union (EU) and Russia involves until it causes anxiety in financial markets and as a result, stock markets around the world since March had turned it all into one common adaptation. The conflict issue in Ukraine is to spread after the Government has the power to break up gatherings of people. As a result, the President of Ukraine must rely on allies fled Russia. While Russia itself has sent a military force into the municipality of independent Ukraine based ramia Chrysler to the Government premises, and make the West pole to balance charasmuang Dynasty Shanghai yo Grill u.s. and EU lists are not satisfied and want to withdraw the forces of Russian yo chest. Which may result in the boycott against Russia, or to spread the war. จากประเด็นที่ลุกลาม และมีการดึงชาติอื่นๆ ทั้งสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และรัสเซียเข้ามาเกี่ยวข้องนี้เอง ส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลก เกิดความปั่นป่วนอย่างหนักหลังเปิดเดือนมีนาคมมา ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตลาดหุ้นเอเชีย ที่ต่างก็ปรับตัวลงกว่า 1% โดยเฉพาะตลาดหุ้นยุโรป ซึ่งดูจะได้รับผลกระทบเต็มๆ เพราะปรับตัวลงไปกว่า 3% เนื่องจากยุโรปเป็นภูมิภาคที่มีความใกล้ชิดทางด้านเศรษฐกิจกับรัสเซียเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะด้านพลังงาน เนื่องจากยุโรปมีการพึ่งพาพลังงานด้านน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเป็นหลัก โดยส่วนหนึ่ง มีการขนส่งผ่านทางยูเครน การคว่ำบาตรรัสเซีย และความไม่สงบในยูเครนที่อาจจะทำให้รัสเซียมีอิทธิพลเหนือยูเครนจะส่งผลในเชิงลบต่อเศรษฐกิจของบริษัทยุโรป และต้นทุนด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ตลาดหุ้นยุโรปดูจะได้รับผลกระทบมากกว่าตลาดอื่นๆ ทั้งนี้ แม้ยากที่จะคาดเดาถึงผลลัพธ์สุดท้ายที่จะเกิดขึ้น ว่าจะลุกลามไปจนถึงขนาดไหน แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ เชื่อกันว่า ปัญหาในยูเครน น่าจะกระทบต่อตลาดในระยะสั้น เนื่องจากปัญหาดังกล่าว ไม่ก่อให้เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศใด ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ สหภาพยุโรป หรือแม้กระทั่งรัสเซียเอง ซึ่งท้ายที่สุด สหรัฐฯ รัสเซีย และสหภาพยุโรป น่าจะหันมาเจรจาเพื่อหาทางออกในการแก้ไขปัญหา มากกว่าจะมุ่งเน้นตอบโต้กันด้วยมาตรการคว่ำบาตร หรือมาตรการทางการทหาร ผลกระทบในเชิงลบต่อตลาด จึงน่าจะจบลงได้ในระยะสั้น ดังจะเห็นได้จากสถานการณ์ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 มีนาคม หลังจากรัสเซียมีมติให้ถอนกำลังทหารออกมาจากชายแดนยูเครน ก็ทำให้ตลาดหุ้นคลายความกังวลและเด้งกลับมาได้ อย่างไรก็ดี ทางรัสเซียเองยังคงกำลังทหารไว้ในบริเวณเขตปกครองพิเศษไครเมียอยู่ ซึ่งก็จะยังคงกดดันสถานการณ์การลงทุนอยู่เป็นระยะๆ ดังนั้น ในช่วงที่ตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงมา จึงอาจจะเป็นจังหวะเข้าทยอยสะสมการลงทุนในหุ้นเพิ่มเติมได้ โดยเฉพาะหุ้นในภูมิภาคยุโรปที่ดูจะปรับตัวลงแรงกว่าภูมิภาคอื่น
ด้วยปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจของยุโรปเอง ซึ่งได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วในปีที่ผ่านมา และกำลังเริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง อย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่บริษัทจดทะเบียนยุโรปเองยังมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และธนาคารกลางยังแสดงจุดยืนที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากนโยบายผ่อนคลายทางการเงินหากจำเป็น ล้วนแต่ส่งสัญญาณปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นยุโรป ขณะที่ระดับราคาเอง แม้จะปรับขึ้นมาพอสมควรในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าอดีต โดยอัตราส่วน Forward P/E ของดัชนี MSCI Europe ในเดือนกุมภาพันธ์ อยู่ที่ประมาณ 14 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ประมาณ 16 เท่า (Bloomberg มีนาคม 2557) ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีแนวโน้มที่สดใสจากเศรษฐกิจ แต่ระดับราคาปัจจุบันได้ปรับขึ้นมาค่อนข้างเยอะตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยยังไม่มีการปรับฐานลงมาอย่างชัดเจน จึงควรจะต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าหากจะเข้าลงทุนในช่วงนี้

จากความกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองดังกล่าว ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้น และหันกลับมาถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอีกครั้ง และผลักดันราคาทองคำขึ้นมาที่เหนือระดับ 1,350 ดอลล่าร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี หากความกังวลในสถานการณ์การเมืองคลี่คลายแล้ว ราคาทองคำน่าจะอ่อนตัวลงมา เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยสนับสนุนในเชิงบวกต่อราคาทองคำ โดยเฉพาะนโยบายการปรับลดเม็ดเงินในมาตรการ QE ของสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลลบต่อทองคำ ดังนั้น ผู้ลงทุนอาจถือจังหวะที่ราคาปรับขึ้นมาในช่วงนี้ทำการขาย และรอเข้าซื้อเมื่ออ่อนตัว โดยมองการเคลื่อนไหวกรอบราคาทองคำในปีนี้ที่ 1,150 – 1,350 ดอลล่าร์ต่อออนซ์ เช่นเดียวกับน้ำมัน ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าปัญหาความไม่สงบจะส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมัน แต่เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ก็น่าจะอ่อนตัวลงมา จึงยังไม่ใช่จังหวะที่จะเข้าลงทุนในช่วงนี้

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:

Ukraine politics The long haul since November last. At the same time with Thailand. While the impact of Thailand's political problems remains limited within the country. But for Ukraine The problem seems to have become a global problem, then. The world's major powers as the US, European Union (EU) and Russia are involved. The cause anxiety in the financial markets. As a result, stock markets around the world since its launch in March, fell to the universal. The issue of conflicts in Ukraine It escalated after the government used force to disperse the gathering of the people. The Ukrainian president to flee to rely on allies such as Russia. While Russia itself He sent troops into the autonomous region of Crimea, Ukraine to seize government buildings. And the power connector Which wants to counterbalance Russia, the US and the EU expressed their displeasure. And the need for the withdrawal of Russian troops out. This may lead to sanctions against Russia. Or an aggressive war was the issue of progression. And other nations are pulling the US, the EU and Russia to get involved themselves. As a result, financial markets around the world. Caused a stir after the march came hard. Whether the US market Asian stocks Who were dropped by almost 1%, especially in Europe. Which seems to have affected her. It fell more than 3%, as Europe is a region with its proximity to the Russian economy is enormous. Specific energy The European energy dependence on oil. And natural gas from Russia is a major part of transit via Ukraine. Russian sanctions And unrest in Ukraine could be Russia's influence over Ukraine will negatively affect the economy of Europe. And energy costs are rising. It is not surprising that Europe will be more affected than other markets due. Although difficult to predict the final outcome will happen. That will spread to much. But most analysts believe that the problem in Ukraine. Likely to affect the market in the short term. Because of such problems, Do not cause a great impact on the economy of any country. Whether the US, EU or even Russia itself. Ultimately, the US, Russia and the European Union. He will turn to negotiations to find a solution to the problems. Rather than focusing on sanctions with retaliation. Or military measures The negative impact on the market. Therefore, likely to end up in the short term. As can be seen from the recent situation on 4 March after Russia agreed to withdraw troops from the border with Ukraine. It makes the stock market Worrying and bounce back, however, the Russian troops have remained in the area is a special administrative region of Crimea. This will continue to weigh on investment scenarios at intervals so during the stock market dropped. It could be a stroke accumulate more stocks. In particular, shares in Europe, which would sharply than other regions with economic fundamentals of Europe itself. Which has passed its lowest point in years. And are recovering steadily. Gradual The European company has strong fundamentals. And central banks also stand to additional stimulus from monetary policy if necessary. But signaling positive for European equities. While the price itself Despite a moderate rise in the coming years. However, it remained at a level lower than the ratio Forward P / E of the MSCI Europe Index in February. Is about 14 times, compared with an average term of approximately 16 times (Bloomberg March 2557), while the US markets. Although there is a brighter outlook for the economy. The current price level has increased quite a lot since last year. By no correction clearly. You should be careful if they invest more in this period of concerns over the political situation. As a result, investors sell the stock. And turn to gold as a safe haven again. And pushing gold up to above 1,350 dollars per ounce, however, if it concerns political situation defused. Gold prices will come down. Because there is no positive factors supporting the gold price. The policy of QE measures to cut spending in the US, which would adversely affect gold, so investors may hold prices up pace during the sale. And wait to buy on weakness. By looking at the price movement of gold this year at 1150-1350 dollars per ounce. As well as oil Which rose after investors speculated that the turmoil would affect oil. But when the situation began to unravel It seems to be weakness. It is not the stroke to invest in this period.

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

Politics, Ukraine. The long haul since November. At similar times to Thailand. While the impact of Thai political problems still are limited to domestic but for Ukraine.When the power of the world, US, EU and Russia (EU) involved. To cause anxiety in the financial market. And result in global stock markets since the opening March to both dropped all theHave spread up after the government force to disperse the of the people. Result the Ukrainian presidential to escape just as Russia, while Russia alliance.The western power connectors The need to balance the power and Russia the United States EU show dissatisfaction. And want to have a withdrawal of Russian troops. Which may affect the boycott against Russia. Or spread as war up
.
.From the point that spread and pulling the other nations, the US, EU and Russia in related to this. Due to the global financial markets. What the commotion hard after opening the March. Whether the U.S. stock marketThat were dropped over 1% especially European stock markets. Which seems to be affected in because adjust down than 3% due to the European regions with the close economic and Russia greatly. The energy.And natural gas from Russia, primarily by the part is transported through Ukraine boycott of Russia. And the unrest in the Ukraine may make Russia Ukraine will result in negative influence on the economy of Europe company.It is not surprising that the European stock markets seems to be more affected than other markets
.
.However, even hard to predict the final results will occur. How to spread to, but most analysts believed that problems in Ukraine should affect the market in the short term, due to such problems.Whether the US, EU, or even Russia, which in the end, the United States, Russia and the European Union should turn to negotiate to find a way out to solve the problem. Rather than focus on the counter with the sanctions.The negative impact on the market is likely to end up in the short term. As can be seen from the situation last on 4 March. After Russia agreed to withdraw the troops from the Ukrainian border Make the stock market to relieve anxiety and bounced back.The Russians still soldiers in the Crimean SAR. It will continue to push investment situation is periodically, so in the stock market decline down.Especially in the European region seems to be the stock remains fragile than other regions
.
.With the fundamentals of the economy of Europe. Which passed recovery in recent years. , and is beginning to recover continuous gradual. While listed companies Europe has strong fundamentals.All positive factors to signal the European stock markets, while the price level, despite some fine up over the past years. However, it remains at the lower level than the former by the ratio Forward P / E index MSCI Europe in February is approximately.As compared to the average long-term about 16 times (Bloomberg March 2557) as US stocks, though it is likely from bright economy. But the current price levels, set up quite a lot since last year.It should use caution if going to invest in more recently
.
of concern to the political situation Investors, resulting in short-sale And turn to gold as a safe holding assets again. And push gold prices up above that level, 1350 dollars per ounce. However, if the anxiety in the political situation is solved. The price of gold would be driven down. Since no positive factors supporting the gold price. Especially the policy to reduce spending in QE measures.