ตัวอย่างเช่น ฝ่ายจัดการสตาร์บัคส์ได้ ขยายขนาดของร้านให้มีพื้นที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการของลูกค้า และได้ ปรับเปลี่ยนรูปแบบของการให้บริการให้สอดคล้องกับสภาพของตลาดมากขึ้น เช่น แนวคิดเรื่องสัดส่วนของการ “ดื่มที่นี่” หรือ “นำไปดื่มที่อื่น” ซึ่ง ในสหรัฐประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ จะเป็นการ “นำไปดื่มที่อื่น” แต่ที่ประเทศ จีนนั้นกลับกัน โดย 80 เปอร์เซ็นต์ของลูกค้าจะนั่งดื่มที่ร้าน ด้วยการสร้างความเข้าใจกับลูกค้าและตลาดให้ดีขึ้น และทำการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับ ความต้องการที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวเหล่านั้น สตาร์บัคส์ก็สามารถแจ้งเกิดในจิตใจของบรรดาลูกค้าชาวจีนได้ในฐานะของร้านอาหารที่น่าไปทานไม่ได้เป็นแค่ร้านเครื่องดื่มของอเมริกัน ชาวจีนรุ่นใหม่เริ่มมองภาพลักษณ์ของสตาร์บัคส์ หรือที่เรียกเป็นภาษาจีนว่า ชิง บา กู ว่าเป็นลัญลักษณ์ของความสำเร็จ สถานะทางสังคม ความร่ำรวย ลูกค้าสตาร์บัคส์ชาวจีนจะเดินถือถ้วย กาแฟไปตามท้องถนน หันตราสีเขียวออกด้านนอกด้วยความภาคภูมิใจ” จากการสร้างความเข้าใจและปรับตัวเองให้เข้ากับลักษณะพิเศษเฉพาะตัว ของตลาด ทำให้ผู้นำสตาร์บัคส์สามารถสร้างแบรนด์ที่มีความหมายมากกว่าการเป็นแค่สินค้าทั่วๆ ไปได้สำเร็จงดงาม ในตลาดค้าปลีกของประเทศจีนที่มีรูปแบบเฉพาะตัวไม่เหมือนที่ไหนๆ บทเรียนที่ได้รับจากความสำเร็จของสตาร์บัคส์ในจีนมีสองประการ ด้วยกันคือ นอกจากธุรกิจจะต้องทำให้สินค้าและบริการเป็นที่ต้องการใน ตลาดใหม่แล้ว ธุรกิจยังต้องเข้าใจในความสำคัญของผู้คนที่อยู่ในตลาดนั้นด้วย และต้องแสดงให้เห็นถึงความห่วงใยต่อความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คนเหล่านั้นด้วย
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ อย่าเอาเปรียบพวกเขาแต่ให้เข้าร่วมเป็นพวกเดียวกัน
คนดื่มกาแฟในวัฒนธรรมเอเชีย มักจะใช้เวลาห้านาทีในการคนเนสกาแฟในนํ้าร้อน และนั่นคือกาแฟ สำหรับเขา มีคนน้อยมากที่จะรู้ว่ากาแฟมาจากเมล็ดกาแฟ การต่อต้านสินค้าหรือบริษัทอาจเป็นผลโดยตรงของการไม่ได้รับข้อมูลของบริษัท สินค้า หรือบริการ พาร์ตเนอร์สตาร์บัคส์ประสบกับความยากลำบากในช่วงต้นของการเข้าตลาดญี่ปุน เพียงเพราะพวกเขาพยายามนำเสนอวัฒนธรรมกาแฟในสังคมที่นิยมชามายาวนาน ผู้บริหารของสตาร์บัคส์รู้ดีว่ามีโอกาสที่ดีมากในญี่ปุน ถึงแม้ว่าชาจะ เป็นเครื่องดื่มยอดนิยม เนื่องจากปริมาณการบริโภคกาแฟเพิ่มขึ้นอย่าง รวดเร็ว มากกว่าที่หลายๆ คนจะคาดถึง ความท้าทายในตลาดญี่ปุนก็คือ การทำให้คนญี่ปุนยกระดับความชื่นชอบกาแฟที่มีคุณภาพ การสอนให้ผู้บริโภครู้จักแยกแยะระหว่างกาแฟที่ วางขายอยู่ทั่วไป กับกาแฟสตาร์บัคส์ที่มีคุณภาพสูงกว่า ด้วยวิธีการให้ ความรู้นี่เอง ที่ทำให้สตาร์บัคส์ข้ามผ่านแรงต้านที่ได้รับในช่วงแรก จากการเริ่มต้นที่ไม่มีใครเข้าร้านกาแฟคุณภาพเลย จนกลายเป็นที่นิยมและ ชื่นชอบของตลาดกาแฟชั้นสูง
บริษัทที่มีความสามารถในการปรับเปลี่ยนจะตอบสนองความต้องการของตลาดที่มีลูกค้าหลากหลายได้ดี ดังนั้นผู้นำจึงควรมองหาทางช่วยพนักงานลดแรงต้าน และเตรียมการล่วงหน้าสำหรับปัญหา ด้วยการปรับตัวให้สอดคล้องกับเอกลักษณ์ของชุมชนผู้บริหารจำเป็นต้องมองเห็นปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นใน อนาคต ในขณะที่ยังเฝ้าติดตามแก้ไขปัญหาเก่าที่กัดกร่อนบริษัทอยู่ ใน มุมมองของผู้นำสตาร์บัคส์ การน้อมรับแรงต้านไม่ได้มีความหมายแค่การ รับมือกับแรงต่างๆ ที่มาจากข้างหลัง แต่จะต้องมองไปในอนาคตข้างหน้า ด้วย ทั้งวิธีแก้ไขตลอดจนปัญหาหรือความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น
ปัจจัยที่สำคัญอีกเรื่องคือ แรงต้านภายในร้าน การดำเนินธุรกิจในปัจจุบันเป็นเรื่องยุ่งยาก หลายสิ่งหลายอย่างอาจ เห็นได้ชัดว่าเป็นขาวหรือดำ การสร้างธุรกิจให้เติบโต หรือการนำทีมมัก ต้องการความเต็มใจที่จะคิดเรื่องต่างๆ ให้เป็นสีเทาๆ ผู้นำธุรกิจที่เติบโต มักกระตุ้นให้พนักงานไม่ถามคำถามว่า “ใช่หรือไม่ใช่” แต่ให้ถามว่า “อย่างไร” พวกเขาจะตั้งเป้าที่ยืดให้สูงขึ้นและกระตุ้นให้ตัวเองและเพื่อน ร่วมงานทำให้ได้มากกว่าที่คิดว่าจะเป็นไปได้ผู้นำสตาร์บัคส์ช่วยพาร์ตเนอร์มองหาร่องรอยแรงต้านจากลูกค้าที่ ไม่ใช่คำพูด รวมถึงกรณีที่ลูกค้าไม่ได้บ่นว่าให้พาร์ตเนอร์ได้ยินโดยตรงมันเป็นศิลปะในการอ่าน ให้ออกว่าลูกค้าไม่พอใจ ด้วยการดูภาษากาย คุณควรจัดการแก้ไขก่อนที่ คุณจะได้รับการร้องขอ อย่ารอให้ลูกค้าเข้ามาหาคุณเพื่อบอกว่าเขาไม่พอใจ ถ้าเขากระทืบเท้าหรือกอดอก คุณควรจะรู้ได้ทันทีว่ามีบางสิ่งบางอย่างไม่ถูกต้องเกิดขึ้นแล้ว
มีธุรกิจน้อยมากที่จะรับแรงต้านด้วยวิธีที่สร้างสรรค์ได้อย่างชัดเจน เช่นการกระตุ้นให้พนักงานคอยสังเกตความไม่พอใจอ่อนๆ ของลูกค้าที่ไม่ ได้แสดงออกอย่างโจ่งแจ้ง แต่สำหรับบริษัทที่จะประสบความสำเร็จอย่าง แท้จริง แล้ว พนักงานทุกระดับไม่เพียงจะต้องสนองตอบต่อความต้องการ ที่ลูกค้าร้องขออย่างเดียว แต่จะต้องสนองตอบความต้องการที่ลูกค้าไม่ได้ออกปากขอด้วย