ท่านท้าวสักกะเทวราช (ท่านปู่พระอินทร์) เมตตา
คนบำเพ็ญธรรมอยู่เหนือชะตากรรม ธรรมะรักษา เจ้าไม่ต้องกลัวภัยอันตราย จงเจริญในธรรม ใช้ปัญญาบารมีให้มาก บารมีอีก 9 อย่างจะตามมาเอง จนครบบารมี 10 ให้อธิษฐาน จิตตั้งตรงนิพพานใกล้ตาย จิตรวมตัวกันก็ถึง อรหัตตผลได้ เมื่อใดมีกาย คือขันธ์ 5 และจิตยึดติดขันธ์ 5 ก็คือ มีกิเลส ตัณหา อุปาทานจะเป็นทุกข์ตลอดกาล
โลกกับสรรค์ไม่มีอะไรจริง สวรรค์ต้องเกิด หมดบุญจากสวรรค์ ก็มาเกิดในโลกมนุษย์ ทุกคนจะเกิดต้องผ่านเราท้าวสักกะเทวราชทั้งสิ้น (เป็นหัวหน้าเทพเทวดา 6 ชั้น) เมื่อใดจิตเรายังหลง กายคนเหม็นเน่าทุกวันนี้ จิตก็สกปรกเศร้าหมองไม่ผ่องใส ไม่เป็นประภัสสร เมื่อใดจิตวางเฉย ไปตามกฎของธรรมดาของธรรมชาติ เมื่อนั้นจิตหลุดพ้นแน่นอน
พิจารณา อนัตตา คือ ความพังสลายของร่างกาย
ทุกๆสิ่งในโลกเสื่อมสลาย คือ ร่างกายไม่ใช่ของเจ้า เจ้าไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีไม่ใช่ของเจ้า เจ้านั้นคือ จิตประภัสสรมาก่อน ไม่ใช่อันเดียวกับกาย คนละส่วนกัน อย่าเอาไปปะปนกัน มองดูทุกอย่างในโลกไปตามกฎธรรมดา เป็นธรรมชาติ ธรรมะอยู่ในตน เราไม่ต้องไป ไปแสวงหาข้างนอก ข้างนอกเป็นเพียงของ ชั่วครูชั่วคราว สมมุติทั้งสิ้นจึงไม่ใช่ธรรมะที่แท้จริง ธรรมะแท้จริงคือ จิตซึ่งไม่มายึดติดในรูป+นาม หลงรักร่างกายปลอมนี้ ไม่ยึดติดในรูปกายไม่ยึดในนาม
ความคิด ความจำ ความรู้สึกประสาทตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เลิกยึดติดก็เข้าถึง อรหัตตผลทันที
ธรรมะเป็นยาวิเศษ เป็นสิ่งที่รักษาได้สารพัดโรคผู้ใดรักษาไม่หายก็เพียรบอกให้ไปบำเพ็ญธรรม พิจารณาว่ากาย ไม่ใช่ตัวเราจริง เราคือจิต จิตก็ไม่ใช่กาย พุทธานุภาพไม่อาจประมาณได้
อนันตมหาจักรวาลที่กว้างใหญ่มีพระรัตนตรัย นี่แหละ เป็นสิ่งที่คุ้มกันสิ่งใดก็ดี ในมหาจักรวาล ไม่สามารถจะทำลายพระรัตนตรัยได้ พระรัตนตรัยเป็นสิ่งที่คลุมทั่วจักรวาล