ขนมกุยช่าย
ขนมกุยช่ายเป็นขนมอย่างหนึ่งจากประเทศจีน ซึ่งประเทศไทยก็ได้นำมาจัดกลุ่มอาหารว่างที่นิยมแพร่หลาย มีทั้งไส้กุยช่าย
ไส้เผือก มันแกงหน่อไม้หรือไส้ผักเป็นอาหารเจในช่วงเทศกาลกินเจ ตัวแป้งสูตรดังเดิมจะใช้แป้งข้าวเจ้า และแป้งมันสำปะหลัง
เป็นหลักปัจจุบันมีการเติมแป้งข้าวเหนียวเพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัสของแป้งที่เหนียวนุ่มยิ่งขึ้น
วัตถุดิบ ที่ใช้ในการทำกุยช่าย
1. แป้งข้าวเจ้า ผลิตจากข้าวสารหรือปลายข้าว มีทั้งชนิดแป้งแห้งและแป้งสด สามารถหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป
มีลักษณะเป็นผงสีขาวละเอียด เป็นส่วนผสมแป้งหลักในการทำขนมกุยช่าย เมื่อถูกความร้อนแป้งจะขุ่นข้นเป็นวุ้นอ่อนใส
2. แป้งมันสำปะหลัง ผลิตจากมันสำปะหลัง โดยทั่วไปจะมีขายในลักษณะเป็นแป้งแห้ง มีลักษณะเป็นผงสีขาวละเอียด
เมื่อสัมผัสผงจะลื่นใส่ในขนมกุยช่ายเพื่อให้ตัวแป้งใสและเหนียว ลักษณะของแป้งเมื่อถูกความร้อนจะจับกันเป็นก้อนเหนียวใส
3. แป้งข้าวเหนียว ผลิตจากแป้งข้าวเหนียว มีทั้งชนิดสดและชนิดแห้ง มีลักษณะเป็นผงสีขาวละเอียด เป็นตัวที่ทำให้ขนมกุยช่าย
เหนียวนุ่มเมื่อแป้งถูกความร้อนจะมีลักษณะขุ่นเหนียว
4. แป้งเท้ายายม่อม แป้งมีลักษณะเป็นเกล็ดสีขาว ช่วยทำให้เนื้อขนมเนียน เหนียวปริมาณที่จะใส่น้อยกว่าแป้งมันสำปะหลัง
5. กระเทียม สำหรับทำน้ำมันกระเทียวเจียว ใช้พรมขนมเมื่อนึ่งสุกใหม่ๆ ทำให้เนื้อขนมไม่ติดกัน มีกลิ่นหอม น่ารับประทานยิ่งขึ้น
6. ใบตอง ใช้สำหรับปูลังถึงเพื่อนึ่งขนม ทำให้ขนมไม่ติดลังถัง
7. ส่วนผสมของไส้ต่างๆ เช่น มันแกว หน่อไม้เผือก กุยช่าย ฯลฯ
8. เบคกิ้งโซดา ใช้สำหรับผัดกับใบกุยช่าย เพื่อป้องกันไม้ให้กุยช่ายที่ผัดเสร็จแล้วเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ทำให้สีของใบกุยช่ายเขียว
อยู่ตลอดเวลา
เทคนิคการทำขนมกุยช่าย
1. น้ำเดือดที่ใช้ในส่วนผสมเป็นน้ำที่เพิ่งเดือดใหม่ๆ หรือกำลังเดือดอยู่ ถ้าใช้น้ำที่เย็นจะทำให้แป้งดูดน้ำไม่หมด อาจทำให้ส่วนผสม
แฉะได้น้ำเดือดที่ใส่ลงไปจะทำให้แป้งมันสำปะหลังสุกทันที ทำให้ได้แป้งที่เหนียวและนุ่ม
2. แป้งที่ใช้ในหารทำขนมกุยช่ายควรใช้แป้งใหม่ แป้งที่เก็บไว้นานจะทำให้ขนมมีกลิ่นเหม็นและอาจจะมีมอดด้วย
3. แป้งนวลที่ใช่ในระหว่างการห่อไส้ควรใช้แป้งมันสำปะหลัง เพราะเมื่อโดนความร้อนจะละลายกลายเป็นเจลใส แตกต่างกับ
การใช้แป้งข้าวเจ้าเป็นนวล ผิวขิงขนมจะแข็ง
4. ไส้ของขนมกุยช่ายควรผัดให้สุกดี เนื่องจากการนึ่งขนมจะใช้เวลาในการนึ่งที่สั้นเพื่อให้แป้งสุก ดังนั้นถ้าไส้ยังไม่สุกดี ระยะเวลา
ในการนึ่งอาจจะไม่เพียงพอที่จะทำให้ไส้สุก ถ้าใช้เวลาในการนึ่งนานเกินไปก็จะทำให้ขนมแฉะ ออกมามีลักษณะแบนไม่สวยงาย
5. ก่อนที่จะนำขนมไปนึ่งก่อนทุกครั้ง ควนใช้กระบอกฉีดน้ำพรมให้ทั่วๆ ก่อนจึงจะนำไปนึ่ง จะทำให้ขนมที่นึ่งออกมามีลักษณะนุ่ม
น่ารับประทาน
6. ใบตองที่นำมารองลังถึงควรจะต้องทำความสะอาดก่อน แล้วทาด้วยน้ำมัน ก่อนที่จะนำขนมไปวาง ถ้าไม่ทาน้ำมัน ขนมจะติดลังถึง
7. ขนมที่นึ่งเสร็จแล้วควรจะทาน้ำมันทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ขนมติดกัน และควรเก็บในภาชนะที่มีฝาปิด เพื่อป้องกันไม่ให้ผิว
ของขนมแข็ง
8. กระเทียมเจียวเรียบร้อยแล้วควรแยกเนื้อและน้ำมันออกจากกัน เวลาเก็บจะทำให้กระเทียมกรอบได้นานขึ้นกว่าการแช่กระเทียม
อยู่ในน้ำมัน
9. การกวนขนมกุยช่ายควรใช้ไฟปานกลางกวนเพื่อให้แป้งสุก แล้วหรี่ไฟลงเพื่อให้แป้งเกิดการเป็นเจลใสและเหนียวขึ้น
10. เบคกิ้งโซดาที่ใส่ในไส้กุยช่าย ใส่เพื่อต้องการให้ใบกุยช่ายมีสีเขียวตลอดเวลา ถ้าไม่ใส่กุยช่ายที่ผัดเสร็จแล้วเมื่อตั้งทิ้งไว้ระยะ
เวลาหนึ่งจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง
11. ขนมกุยช่ายที่ขายเหลือสามารถนำมาดัดแปลงเป็นแบบทอดได้