ภายใต้หัวข้อนี้มีประเด็นที่เกี่ยวข้องที่ควรทำความเข้าใจ คือ การพึ่งตนเ การแปล - ภายใต้หัวข้อนี้มีประเด็นที่เกี่ยวข้องที่ควรทำความเข้าใจ คือ การพึ่งตนเ อังกฤษ วิธีการพูด

ภายใต้หัวข้อนี้มีประเด็นที่เกี่ยวข้




ภายใต้หัวข้อนี้มีประเด็นที่เกี่ยวข้องที่ควรทำความเข้าใจ คือ การพึ่งตนเองของครัวเรือนและชุมชน รูปแบบหรือกระบวนการวิจัย และประโยชน์จากการวิจัยเป็นสำคัญ ผู้เขียนเข้าใจว่าผู้ที่จะนำใช้ประโยชน์จากบทความสั้นๆนี้คือ ใช้เป็นเครื่องมือสำหรับกระตุ้นให้เกิดการอภิปรายระหว่างนักวิจัย หรือผู้ที่สนใจในการใช้ความรู้ในการพัฒนาชุมชน เพื่อทำให้ชุมชนสามารถพึ่งตนเองได้ จึงขอจำกัดการเสนอเนื้อหาเฉพาะในสามประเด็นหลักที่จะกล่าวต่อไปนี้ เพื่อนนำไปสู่การอภิปราย โดยจะใช้คำถามสำคัญๆเป็นตัวนำ
ประเด็นแรกคือการพึ่งตนเอง การพึ่งตนเองของชุมชนหมายถึงอะไร? จะมีอะไรเป็นตัวบ่งชี้ว่าชุมชนสามารถพึ่งตนเองได้? เราอาจไม่สามารถหาคำตอบที่สมบูรณ์ได้ แต่ควรทำความเข้าใจ โดยเฉพาะประวัติความเป็นมาว่าทำไมชุมชนจึงไม่พึ่งตนเองในปัจจุบัน หากเราย้อนไปดูประวัติศาสตร์การพัฒนาของมนุษย์ เราอาจเข้าใจความหมายของชุมชนพึ่งตนเองได้ในบริบทของแต่ละยุคสมัย มนุษย์ได้หยุดการเร่ร่อน ไล่ล่า มาทำการเพาะปลูกแบบไร่เลื่อนลอย และเข้าสู่การพัฒนาการเกษตรขึ้น จากการใช้เครื่อมือง่ายๆกลายมาเป็นการใช้เทคโนโลยี และการจัดการที่ทันสมัยขึ้น (แต่จะดีหรือไม่ดีเป็นอีกประเด็นหนึ่ง) ทำการผลิตทางการเกษตร มีผลผลิตมากเกินการบริโภค ต้องมีการปกป้องผลผลิตจากการปล้น เกิดความมั่งคั่ง เกิดระบบการคุมครองผลผลิต ในที่สุดกลายเป็นระบบภาษี มีระบบราชการคอยดูแล เกิดการขายการค้าของผลผลิตส่วนเกิน มีการติดต่อกับภายนอกชุมชน เป็นการพึ่งพาตลาดและปัจจัยการผลิตจากภายนอก ก่อนหน้ายุคการพึ่งพาวิถีชีวิตเป็นไปแบบยังชีพ ประชากรส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีความแตกต่างของสถานะทางเศรษฐกิจและสังคม และในระยะหลังคือช่องว่างของความรู้ ยิ่งการพึ่งพาภายนอกทวีความรุนแรงมาขึ้น ความแตกต่างทางสถานะดังกล่าวยิ่งมีมากขึ้น และยิ่งทวีความซับซ้อนและรวดเร็วในยุคปัจจุบัน เนื่องจากเทคโนโลยีทางการสื่อสารและคมนาคม การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เกิดในภาคอีสานเช่นกัน ไม่ว่าอดีตหรือปัจุบัน ผู้ปกครองรัฐจึงจำเป็นต้องแก้ปัญหาความแตกต่างนี้ คือช่องวางระหว่างความรวยและความจน และระหว่างความรู้ของคนในชุมชนกับคนในเมือง แต่การแก้ปัญหาเรากลับไปมองต้นแบบจากแหล่งที่ต่างวัฒนธรรม เศรษฐกิจ การศึกษา และนิเวศ ยิ่งทำให้เกิดการพึ่งพาภายนอกมากขึ้น ซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะการแก้ปัญหาในชนบท เช่น การละเลยการเกษตร เกษตรกรรายย่อย แต่เน้นด้านอื่น เห็นความสำคัญของการผลิตเพื่อการค้า การให้เครดิต การสร้างค่านิยมที่นำไปสู่บริโภคนิยม และการพัฒนาเชิงประชาสงเคราะห์ หรืออุปถัม เป็นที่ชัดเจนว่าการพัฒนาเชิงประชาสงเคราะห์ เป็นตัวแปรผกผันกับการพึ่งตนเอง ถึงแม้จะทำโดยความปรารถนาดีก็ตาม มีผลทำให้ประเด็นการพึ่งพาจากภายนอกของชุมชนกลายเป็นหัวใจของปัญหาที่จะต้องแก้ ทั้งในระยะสั้นและยาว ก่อนที่จะหาทางแก้ไขหรือบรรเทาการพึ่งพา จึงมีคำถามว่า เราจะสามารถทำให้ชุมชนกลับไปพึ่งพาตนเองและกันเอง (เครืองข่ายรูปแบบใดแบบหนึ่ง ซึ่งเป็นฐานของการพึ่งกันเอง) เหมือนในอดีต ยุคยังชีพได้หรือไม่? ในเมื่อบริบทด้านต่างๆเปลี่ยนไปและอิทธิพลจากภายนอกไม่ลดลงแต่อาจทวีความรุนแรงขึ้น หากคำตอบคือได้ จะทำอย่างไร และหากไม่ได้ รูปแบบการพึ่งพาตนเองและกันเองของชุมชนควรเป็นอย่างไร ตัวบ่งชี้การพึ่งพาหรือไม่พึ่งพาควรมีอะไรบ้าง จะสร้างมาได้อย่างไร?
หลายท่านอาจจะมีความเห็นว่าการพึ่งพาไม่ใช่ประเด็นหรือปัญหาสำคัญ ลองคิดดูว่าหากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไม่สามารถพึ่งตนเองได้ รัฐจะต้องอุ่มชูหลายอย่างตลอดกาล กลายเป็นสวัสดิการ หรือสิทธิที่ต่างตนต่างอ้างว่าต้องได้ หมายถึงว่ารัฐจะต้องไปเก็บภาษีที่สูงจากประชากรส่วนน้อย กลายเป็นรัฐสวัสดิการ เมื่อเป็นรัฐสวัสดิการ ผลิตภาพของชาติจะลดลง คุณภาพทรัพยากรมนุษย์จะด้อยลงหรือไม่? เพราะขาดแรงจูงใจหรือแรงบันดาลใจ และจะมีปัญหาอื่นๆตามมาอีกมากมายหรือไม่?
เรามักคิดไม่ถึงว่าการพึ่งพาตนเองซึ่งส่วนใหญ่ไม่ใช่ในรูปของเศรษฐกิจเงินตรา เป็นฐานให้เศรษฐกิจเงินตราสร้างตัวตนขึ้นได้ เศรษฐกิจที่ไม่อยู่บนฐานเงินตรา Alvin Toffler (ในหนังสือ Revolutionary Wealth 2006) ใช้คำว่า Prosuming หรือ ผลิต-บริโภค เขาคาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในอนาคตมากขึ้น เช่น การลงแขกที่ไม่มีค่าจ้าง การที่แม่หรือพ่อเลี้ยงลูก ทั้งแม่และพ่อมีความภูมิใจในตัวลูก ให้และได้ความรัก แต่ตีเป็นตัวเงินไม่ได้ แต่ลูก หากมีคุณภาพจะเป็นฐานสำหรับสร้างเศรษฐกิจเงินตราได้มากมาย แม่และพ่อ หรือ ปู่ย่าตายายส่วนใหญ่เลี้ยงลูกหรือหลานด้วยตัวเอง ไม่ได้เงินเดือนหรือค่าจ้าง หรือการผลิตข้าวของเกษตรกรรายย่อยเช่นกัน เรามักทราบกันมาว่าทำนาแล้วขาดทุน แต่ก็ยังผลิต เพราะเขาผลิตไว้กินเองบางส่วน ที่เหลือขาย ลองคิดดูว่าหากเกษตรกรส่วนใหญ่เลิกผลิตข้าว สำหรับกินเอง เนื่องจากไม่ได้ค่าจ้าง หันไปซื้อกินหรือรับจากรัฐ จะเกิดอะไรขึ้น การเลี้ยงลูกหลาน การผลิตกินเอง เป็นการพึ่งพาแบบหนึ่ง นอกจากนี้ ลูกหลานที่ทำงาน นอกการเกษตรที่อื่น ยังได้รับส่วนแบ่งข้าวไปกินโดยไม่เสียเงินซื้อ และลูกหลานเหล่านี้เป็นคนทำรายได้เป็นตัวเงินไว้ใช้เองและส่งกลับให้ พ่อ แม่ ปูย่า ตา ยาย เงินนี้อาจเป็นทุนสำหรับการผลิตข้าวในรอบต่อไป สำหรับคนในเมืองอาจทำงานด้วยเลี้ยงพ่อแม่ที่แก่ชราไปด้วย ด้วยความกตัญญู และความรัก ไม่ได้ค่าจ้าง ผลที่ได้ไม่ได้เป็นตัวเงิน แต่หากลูกหลานส่วนใหญ่หยุดเลี้ยงพ่อ แม่ ที่แก่ชรา จะเกิดอะไรขึ้น จะเห็นได้ว่า การพึ่งตนเอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็น ลักษณะ ผลิต-บริโภคจึงสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่าเศรษฐกิจฐานเงินตรา อาจสรุปได้ว่าการผลิต-บริโภคเป็นการสร้างทุนอย่างหนึ่งที่ไม่ใช่เงินตรา แต่เป็นฐานของเศรษฐกิจเงินตราที่สำคัญ การที่ปราช์ชาวบ้านออมน้ำ ออมดิน ออมต้นไม้ อื่นๆ ก็เป็นตัวอย่างที่ดี หากเราเห็นว่าการผลิต-บริโภคโยงกับการพึ่งตนเอง คำถามมีอยู่ว่าอะไรบ้างที่เป็นกิจกรรมผลิต-บริโภคในชุมชน? จากอดีตถึงปัจจุบัน มีอะไรที่เปลี่ยนไปและอะไรที่ยังคงอยู่ เพราะอะไร? อาจจะทำให้เราเข้าใจกลไกการพึ่งพาได้ชัดเจนขึ้นในระดับชุมชนหรือกว้างกว่า กลไกเหล่านี้จะนำมาปรับปรุงช่วยลดการพึ่งพาในโลกปัจจุบันได้อย่างไร? หากเราสามารถทำการวิจัยแล้วทำให้ทั้งชุมชนและนักวิจัยเข้าใจกลไกดังกล่าว ขอเปิดประเด็น
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1: [สำเนา]
คัดลอก!



Under this topic, there is a related issue that is important to understand is that self-reliance of households and communities. The format or the research process and benefit from the research as a priority. Used as a tool to induce discussions between researchers or people interested in the use of knowledge in the development of the community in order to make the community can depend on ourselves. A friend, leading to a debate by the critical question will be used as a release
. The first issue is to rely on ourselves. The self-reliance of the Community mean? Is there anything as an indicator of whether the community can depend on themselves? We may not be able to find a complete answer, but you should understand, especially the history why not community self-reliance. If we look back to the history of human development. A man has strange Chase came to the cultivation and slash into agricultural development from a simple tool to use is the use of technology and modern management. Agricultural production is made with excess output consumed must be stripped from the output protection and wealth. Birth control system on productivity in a tax system became a public care system. The sale of excess output. It just cant be phat and inputs from outside. Before the era of dependence on their way of life is still life. Most people rarely have the differences in economic and social status, and the latter term is the knowledge gap. The difference to the State more and more compressed and underscored the complexity and rapidly in modern times due to transportation and communications technology. This change happened in the Northeast as well. No matter how many past or Is the channel position between rich and poor and between the knowledge of the people in the community with the people in the city, but the problem we get back to the underlying view from different cultures. Study of economy and ecology Furthermore, reliance on outside. Especially in rural areas, such as solutions to neglect agriculture. On the other side, small farmers. The importance of manufacturing to trading credited Create values that lead to consumerism and social welfare-oriented development or Vice tham. An inverse variable to self-reliance Although it is made by the good wishes, according to the result, the issue of dependence on outside of chumchonklai is at the heart of the issues that must be correct. In both the short and long before they find a way to solve or mitigate our dependence on. We will be able to make self-reliance and asks for the same to themselves (a ngakhai one of the formats, which is the base of just themselves) as in the past, the era still living? When the context changes and influences from the outside are not dropped, but the severity may be. If the answer has to do, and if it does not. Model of self-reliance and friendly community should be? Be created?
Many of you may have seen that dependence is not an important issue or problem. Imagine that if the majority of citizens of the country can no longer depend on ourselves. The State will require multiple lifts UM forever become a benefit. This means that the State will need to keep taxes high, from the minority population became the State benefit. When is the State of national productivity benefits will decrease the quality of human resources is poor? Because of the lack of motivation or inspiration, and there will be many other issues followed?
.We often think that self-reliance, most of which are not in the form of a monetary economy, monetary economy as a base to create your identity. The economy is not on the monetary base, Alvin Toffler (in the book Revolutionary Wealth 2006) uses the term "Prosuming or? He is expected to play an important role in the future, more like a barn with no pay. The mother or father of father, mother and son, both parties are proud on the ball, and love, but hit a child, but no money. Mother and father or grandparents raising grandchild or daughter mostly by themselves. Not salary or wages or rice production of small farmers. We often know that farming and loss, but they also produce. The remaining sales. Imagine that the majority of farmers rice production? For eats itself because it does not pay to buy or eat from facing state what will happen. Raising sons To eat one's own dependence on In addition In addition to the other products continue to receive allotments of rice to eat without money, and these are the children who made it as income and returns, Grandpa Grandma grandfather laid the parents this may be a cost for the production of rice in the next cycle. With gratitude and love does not pay. The result is not a subsidy but if most children stop raising dad. The old template as well as what will happen to see that self reliance, which mainly features. May conclude that production-consumption is to create one or more of the cost of non-monetary economic base but also a major denomination. The Australian water saving soil pra banom saving trees. So it is a good example. The question is what is the activity-in the community? From the past to the present What has changed and what remains is why? May we understand more clearly rely on mechanisms in the community or wider than? These mechanisms will be adjusted to reduce the world's dependence on the current? If we can do the research and make the entire community and researchers to understand the mechanisms. Ask for open issues
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:[สำเนา]
คัดลอก!



ภายใต้หัวข้อนี้มีประเด็นที่เกี่ยวข้องที่ควรทำความเข้าใจ คือ การพึ่งตนเองของครัวเรือนและชุมชน รูปแบบหรือกระบวนการวิจัย และประโยชน์จากการวิจัยเป็นสำคัญ ผู้เขียนเข้าใจว่าผู้ที่จะนำใช้ประโยชน์จากบทความสั้นๆนี้คือ ใช้เป็นเครื่องมือสำหรับกระตุ้นให้เกิดการอภิปรายระหว่างนักวิจัย หรือผู้ที่สนใจในการใช้ความรู้ในการพัฒนาชุมชน เพื่อทำให้ชุมชนสามารถพึ่งตนเองได้ จึงขอจำกัดการเสนอเนื้อหาเฉพาะในสามประเด็นหลักที่จะกล่าวต่อไปนี้ เพื่อนนำไปสู่การอภิปราย โดยจะใช้คำถามสำคัญๆเป็นตัวนำ
ประเด็นแรกคือการพึ่งตนเอง การพึ่งตนเองของชุมชนหมายถึงอะไร? จะมีอะไรเป็นตัวบ่งชี้ว่าชุมชนสามารถพึ่งตนเองได้? เราอาจไม่สามารถหาคำตอบที่สมบูรณ์ได้ แต่ควรทำความเข้าใจ โดยเฉพาะประวัติความเป็นมาว่าทำไมชุมชนจึงไม่พึ่งตนเองในปัจจุบัน หากเราย้อนไปดูประวัติศาสตร์การพัฒนาของมนุษย์ เราอาจเข้าใจความหมายของชุมชนพึ่งตนเองได้ในบริบทของแต่ละยุคสมัย มนุษย์ได้หยุดการเร่ร่อน ไล่ล่า มาทำการเพาะปลูกแบบไร่เลื่อนลอย และเข้าสู่การพัฒนาการเกษตรขึ้น จากการใช้เครื่อมือง่ายๆกลายมาเป็นการใช้เทคโนโลยี และการจัดการที่ทันสมัยขึ้น (แต่จะดีหรือไม่ดีเป็นอีกประเด็นหนึ่ง) ทำการผลิตทางการเกษตร มีผลผลิตมากเกินการบริโภค ต้องมีการปกป้องผลผลิตจากการปล้น เกิดความมั่งคั่ง เกิดระบบการคุมครองผลผลิต ในที่สุดกลายเป็นระบบภาษี มีระบบราชการคอยดูแล เกิดการขายการค้าของผลผลิตส่วนเกิน มีการติดต่อกับภายนอกชุมชน เป็นการพึ่งพาตลาดและปัจจัยการผลิตจากภายนอก ก่อนหน้ายุคการพึ่งพาวิถีชีวิตเป็นไปแบบยังชีพ ประชากรส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีความแตกต่างของสถานะทางเศรษฐกิจและสังคม และในระยะหลังคือช่องว่างของความรู้ ยิ่งการพึ่งพาภายนอกทวีความรุนแรงมาขึ้น ความแตกต่างทางสถานะดังกล่าวยิ่งมีมากขึ้น และยิ่งทวีความซับซ้อนและรวดเร็วในยุคปัจจุบัน เนื่องจากเทคโนโลยีทางการสื่อสารและคมนาคม การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เกิดในภาคอีสานเช่นกัน ไม่ว่าอดีตหรือปัจุบัน ผู้ปกครองรัฐจึงจำเป็นต้องแก้ปัญหาความแตกต่างนี้ คือช่องวางระหว่างความรวยและความจน และระหว่างความรู้ของคนในชุมชนกับคนในเมือง แต่การแก้ปัญหาเรากลับไปมองต้นแบบจากแหล่งที่ต่างวัฒนธรรม เศรษฐกิจ การศึกษา และนิเวศ ยิ่งทำให้เกิดการพึ่งพาภายนอกมากขึ้น ซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะการแก้ปัญหาในชนบท เช่น การละเลยการเกษตร เกษตรกรรายย่อย แต่เน้นด้านอื่น เห็นความสำคัญของการผลิตเพื่อการค้า การให้เครดิต การสร้างค่านิยมที่นำไปสู่บริโภคนิยม และการพัฒนาเชิงประชาสงเคราะห์ หรืออุปถัม เป็นที่ชัดเจนว่าการพัฒนาเชิงประชาสงเคราะห์ เป็นตัวแปรผกผันกับการพึ่งตนเอง ถึงแม้จะทำโดยความปรารถนาดีก็ตาม มีผลทำให้ประเด็นการพึ่งพาจากภายนอกของชุมชนกลายเป็นหัวใจของปัญหาที่จะต้องแก้ ทั้งในระยะสั้นและยาว ก่อนที่จะหาทางแก้ไขหรือบรรเทาการพึ่งพา จึงมีคำถามว่า เราจะสามารถทำให้ชุมชนกลับไปพึ่งพาตนเองและกันเอง (เครืองข่ายรูปแบบใดแบบหนึ่ง ซึ่งเป็นฐานของการพึ่งกันเอง) เหมือนในอดีต ยุคยังชีพได้หรือไม่? ในเมื่อบริบทด้านต่างๆเปลี่ยนไปและอิทธิพลจากภายนอกไม่ลดลงแต่อาจทวีความรุนแรงขึ้น หากคำตอบคือได้ จะทำอย่างไร และหากไม่ได้ รูปแบบการพึ่งพาตนเองและกันเองของชุมชนควรเป็นอย่างไร ตัวบ่งชี้การพึ่งพาหรือไม่พึ่งพาควรมีอะไรบ้าง จะสร้างมาได้อย่างไร?
หลายท่านอาจจะมีความเห็นว่าการพึ่งพาไม่ใช่ประเด็นหรือปัญหาสำคัญ ลองคิดดูว่าหากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไม่สามารถพึ่งตนเองได้ รัฐจะต้องอุ่มชูหลายอย่างตลอดกาล กลายเป็นสวัสดิการ หรือสิทธิที่ต่างตนต่างอ้างว่าต้องได้ หมายถึงว่ารัฐจะต้องไปเก็บภาษีที่สูงจากประชากรส่วนน้อย กลายเป็นรัฐสวัสดิการ เมื่อเป็นรัฐสวัสดิการ ผลิตภาพของชาติจะลดลง คุณภาพทรัพยากรมนุษย์จะด้อยลงหรือไม่? เพราะขาดแรงจูงใจหรือแรงบันดาลใจ และจะมีปัญหาอื่นๆตามมาอีกมากมายหรือไม่?
เรามักคิดไม่ถึงว่าการพึ่งพาตนเองซึ่งส่วนใหญ่ไม่ใช่ในรูปของเศรษฐกิจเงินตรา เป็นฐานให้เศรษฐกิจเงินตราสร้างตัวตนขึ้นได้ เศรษฐกิจที่ไม่อยู่บนฐานเงินตรา Alvin Toffler (ในหนังสือ Revolutionary Wealth 2006) ใช้คำว่า Prosuming หรือ ผลิต-บริโภค เขาคาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในอนาคตมากขึ้น เช่น การลงแขกที่ไม่มีค่าจ้าง การที่แม่หรือพ่อเลี้ยงลูก ทั้งแม่และพ่อมีความภูมิใจในตัวลูก ให้และได้ความรัก แต่ตีเป็นตัวเงินไม่ได้ แต่ลูก หากมีคุณภาพจะเป็นฐานสำหรับสร้างเศรษฐกิจเงินตราได้มากมาย แม่และพ่อ หรือ ปู่ย่าตายายส่วนใหญ่เลี้ยงลูกหรือหลานด้วยตัวเอง ไม่ได้เงินเดือนหรือค่าจ้าง หรือการผลิตข้าวของเกษตรกรรายย่อยเช่นกัน เรามักทราบกันมาว่าทำนาแล้วขาดทุน แต่ก็ยังผลิต เพราะเขาผลิตไว้กินเองบางส่วน ที่เหลือขาย ลองคิดดูว่าหากเกษตรกรส่วนใหญ่เลิกผลิตข้าว สำหรับกินเอง เนื่องจากไม่ได้ค่าจ้าง หันไปซื้อกินหรือรับจากรัฐ จะเกิดอะไรขึ้น การเลี้ยงลูกหลาน การผลิตกินเอง เป็นการพึ่งพาแบบหนึ่ง นอกจากนี้ ลูกหลานที่ทำงาน นอกการเกษตรที่อื่น ยังได้รับส่วนแบ่งข้าวไปกินโดยไม่เสียเงินซื้อ และลูกหลานเหล่านี้เป็นคนทำรายได้เป็นตัวเงินไว้ใช้เองและส่งกลับให้ พ่อ แม่ ปูย่า ตา ยาย เงินนี้อาจเป็นทุนสำหรับการผลิตข้าวในรอบต่อไป สำหรับคนในเมืองอาจทำงานด้วยเลี้ยงพ่อแม่ที่แก่ชราไปด้วย ด้วยความกตัญญู และความรัก ไม่ได้ค่าจ้าง ผลที่ได้ไม่ได้เป็นตัวเงิน แต่หากลูกหลานส่วนใหญ่หยุดเลี้ยงพ่อ แม่ ที่แก่ชรา จะเกิดอะไรขึ้น จะเห็นได้ว่า การพึ่งตนเอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็น ลักษณะ ผลิต-บริโภคจึงสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่าเศรษฐกิจฐานเงินตรา อาจสรุปได้ว่าการผลิต-บริโภคเป็นการสร้างทุนอย่างหนึ่งที่ไม่ใช่เงินตรา แต่เป็นฐานของเศรษฐกิจเงินตราที่สำคัญ การที่ปราช์ชาวบ้านออมน้ำ ออมดิน ออมต้นไม้ อื่นๆ ก็เป็นตัวอย่างที่ดี หากเราเห็นว่าการผลิต-บริโภคโยงกับการพึ่งตนเอง คำถามมีอยู่ว่าอะไรบ้างที่เป็นกิจกรรมผลิต-บริโภคในชุมชน? จากอดีตถึงปัจจุบัน มีอะไรที่เปลี่ยนไปและอะไรที่ยังคงอยู่ เพราะอะไร? อาจจะทำให้เราเข้าใจกลไกการพึ่งพาได้ชัดเจนขึ้นในระดับชุมชนหรือกว้างกว่า กลไกเหล่านี้จะนำมาปรับปรุงช่วยลดการพึ่งพาในโลกปัจจุบันได้อย่างไร? หากเราสามารถทำการวิจัยแล้วทำให้ทั้งชุมชนและนักวิจัยเข้าใจกลไกดังกล่าว ขอเปิดประเด็น
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:[สำเนา]
คัดลอก!



Under this topic are issues related to understanding is the formation of the household and community patterns or research Advantage and research is importantUsed as a tool to stimulate debate among researchers Or who is interested in using the knowledge in the community development To make the community could be self-reliantA friend to the discussion The key question is in the leadThe first issue is self-reliance Community self-reliance mean?? What could be an indicator that the community can depend on?We may not be able to find the perfect answer, but should understand Especially the history why community is not independent at present If we are to look past the historical development of human beingsHuman stop wandering chase, cultivated a shifting cultivation And into the development of Agriculture From the use of simple hand become the use of Technology And modern managementThe agricultural production has produced many surpasses the consumption Need to protect productivity from Rob's wealth, what the system output control. Finally become the tax system, government system to take care of, what the sale of surplus production tradeIt is to rely on market and inputs from the outside The previous generation techniques rely on subsistence lifestyle possible Most of the population don't have the difference of economic and social status And in the back is the gap of knowledgeThe difference in such a state, the more is more And the more complex and fast nowadays Since the communication technology and transport This change happened in the East as well, whether past or erectThe gap between the rich and the poor And between knowledge of people in the community, with people in the city But the problem we look back to the master from the source to the different culture, economy, education and ecotourism, the cause to rely on outside more and moreParticular solution in the countryside, such as neglecting agriculture, farmer, but focusing on the other side, see the importance of production to trade, providing credit Creating values lead to consumerism And the development of public welfare, or equipment damBe inversely proportional to self-reliance Even if they do the best wishes The issues of dependency from outside of the community become the heart of the problem to solve, in both the short and long before solve or alleviate dependenceWe can make the community back to rely on themselves and each other Net (network any form of the traditional one Which is the base of just each other) as in the past, the living?Since the context change and influence from the outside is not reduced, but may be deteriorating. If the answer is, what to do, and if not Model of self-reliance and each of the community should be?To create?
Many of you may have the opinion that rely on is not the issue or problem Imagine if the majority of people of the country can't be self-reliant The state will be holding Chu many forever. Become welfareMeans that the state must levy higher from minority populations become welfare state when a welfare state, national productivity will decrease the quality of human resource will dwindle down?Because of lack of motivation or inspiration And there will be other problems follow?
We always thought that rely on themselves, most of which are not in the form of economic currency As the base to build their currency economy better The economy that is not on the base currency Alvin Toffler (in the book Revolutionary Wealth 2006) use the word ProsumingHe is expected to play a major role in the future more, such as getting that no wages to the mother or stepfather Both you and I have pride in you, and loved, but hit is not money, but youMom and dad or grandparents most feeding or you yourself No salary or wages Or rice production of small farmers as well We always know that farmers and loss, but also produceThe rest of the sale. Imagine if the farmers stopped production of rice for eat, because it does not pay to buy, eat or get out of state, what will happen? Raising children, production to eat. As the dependency of oneNon - agriculture elsewhere Also has had its share of rice to eat for free And of the sons of these made the income is the money used to own and returned to my dad, mom, grandma, Grandpa, grandma crab. This money may be the capital for rice production in the next roundWith gratitude and love does not pay the result that is not money But if the children most stop raising the father, mother, the old, what will happen, you will see how to rely on their own, most of which are characteristicIt may be concluded that the production consumption is a capital one is not money But as the foundation of the economy, money matters. That active water saving soil patches, residents savings savings other tree is a good exampleThe question is what is the activity production consumption in the community?From the past to the present, what has changed and what remains?Can make us understand the mechanism to rely on the community level or wider These mechanisms will improve reduce dependence on in the world today?If we can research and make the whole community and researchers understand such mechanism for open issues
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: