The Starry Night painting named Vincent Van Gogh, artist's portfolio for a person in art circles, and especially those who love the works of the artist, the world famous people. This is the image that phap, well-known and favorite Sunflowers photos. Waad. that mental illnesses are brain and mind of Van Gogh then imagery. He wrote with the use of lobha hot color. Round brushes are raw and the format of the lines used. Van Gogh The Starry Night painting, which is an oil painting on canvas, 92 x 72.5 size floor cm in 1889. When staying at Saint Paul de Mausole nervous hospital Saint-Rémy city, South France. He moved there from 1903-1965 by May 8 with a brother who sent money to treatment, and he was allowed to write the next photo. แม้ในภาวะที่ Van Gogh สับสนและทุกข์ทรมานจากโรคที่เป็นอยู่ แต่เขาก็ยังเค้นอัจฉริยะภาพของเขาออกมาเป็นผลงานอันอมตะ ให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชม ภาพนี้ตรึงตราตรึงใจเราด้วยก้อนเมฆที่ม้วนขดเป็นวง ดวงจันทร์อันสุกสว่าง ดวงดาวที่ส่องแสงเจิดจรัสท่ามกลางความมืดมิดในยามค่ำคืน เพื่ออวดรัศมีแข่งกับแสงสว่างอันจอมปลอมที่ส่องจากตึกรามบ้านช่อง และต้นไซเปรสที่มีรูปทรงเหมือนเปลวไฟ ภาพของแสงสีในยามค่ำคืนนั้น เป็นภาพที่ Van Gogh ใฝ่ฝันอยากเขียนมานาน เขาใช้เวลาเกือบหนึ่งปีเต็มในการเขียนและ ไม่ได้นอนถึงสามคืนติดๆกัน เพื่อเขียนภาพนี้ให้เสร็จ ทุกคืนเขาจะมองออกไปนอกหน้าต่าง ชื่นชมกับความงามยามค่ำคืน “อันเป็นเวลาที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งชีวิต และมีสีสันตระการตายิ่งกว่ายามกลางวันเป็นยิ่งนัก” ตามความเห็นของเขา ครั้งหนึ่ง Van Gogh เคยเขียนจดหมายไปหาน้องชายของเขาว่า "เมื่อเช้ามืดวันนี้ ก่อนตะวันขึ้นนานอยู่ ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่เห็นอะไรเลย นอกจาก ดาวรุ่ง ที่ดูดวงใหญ่ยิ่งนัก" "ดาวรุ่ง" ที่เขากล่าวถึงคือ ดาวศุกร์ น่าจะเป็นดาวดวงใหญ่พะเยิบพะยาบด้วยแสงสีขาว ที่อยู่ตรงกลางค่อนไปด้านซ้ายในภาพเขียนของเขา Van Gogh ไม่ได้เพียงแค่บันทึกวิวจากหน้าต่างที่เขามองเห็น ยอดแหลมจากอาคารสีดำ แสดงถึงหลังคาโบสถ์ยอดแหลมที่มีอยู่ทั่วไปในฮอลแลนด์ บ้านเกิดของเขา จินตภาพในนี้ มาจากจินตนาการของเขา ที่แสดงถึงความตระการตา และความน่าสะพรึงกลัวในอำนาจของฟ้ายามค่ำ พลังอันคักคึกฮึกโหมแห่งจักรวาลช่างขัดกันกับบรรยากาศอันสงบของหมู่บ้านในหุบเขา ในขณะที่ศิลปินส่วนใหญ่ จะแสดงภาพความสงบสันติยามค่ำคืน ภาพของ Van Gogh กลับเปี่ยมไปด้วยพลัง ที่เขาแสดงออกด้วยเส้นพู่กันสบัดกวัดแกว่งไปทั่ว ราวกับท้องฟ้ากำลังครืนครั่นสั่นสะท้านไปด้วยพลังอันไม่รู้จักหมดสิ้น
ว่ากันว่าแนวต้นไซเปรส เป็นสัญลักษณ์ของป่าช้า หรือความตาย ที่เขาเขียนให้ดูเหมือนเปลวไฟเชื่อมต่อระหว่างแผ่นดินกับสรวงสวรรค์
เพราะสำหรับ Van Gogh แล้ว ความตายหาใช่ความร้ายกาจน่าสะพรึงกลัวไม่ หากเป็นหนทางสู่สรวงสวรรค์นั่นเอง
“... มองดูดาวครั้งใด มักทำให้ฉันฝันใฝ่ไปเรื่อย... ฉันมักถามตัวเองเสมอว่า ทำอย่างไรนะ ฉันถึงจะได้เดินทางไปยังจุดขาวพราวพร่างกลางฟ้ามืด อย่างนี้ได้ง่ายๆ เหมือนเราเดินทางไปหาจุดดำบนแผนที่ประเทศฝรั่งเศสได้ไม่ยาก เช่นเดียวกับการจับรถไฟไปเมืองทาราซอน หรือ โรน เราก็น่าจะขี่ความตายไปหาดวงดาวได้เช่นกัน
การแปล กรุณารอสักครู่..
