ในช่วง 3 ทศวรรษก่อนทศวรรษที่ 1980 อ

ในช่วง 3 ทศวรรษก่อนทศวรรษที่ 1980 อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของบราซิลสูงถึงร้อยละ 7.3 แต่ช่วงทศวรรษที่ 1980 ได้เกิดวิกฤตการณ์เสถียรภาพทางการเงิน โดยมีปัญหาเงินเฟ้อและขาดดุลการชำระเงิน รัฐบาลจึงดำเนินมาตรการต่างๆ ในชื่อ “Real Plan” เพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเงิน โดยสร้างวินัยการเงิน ปล่อยค่าเงินลอยตัว และลดภาวะเงินเฟ้อ รวมถึงทบทวนนโยบายการผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้าซึ่งดำเนินมาตรการมากว่า 35 ปีและทำให้เศรษฐกิจมีลักษณะปิดและปกป้องตัวเอง
โดยในช่วงทศวรรษที่ 1990 บราซิลหันมาใช้นโยบายเปิดเศรษฐกิจ และได้เข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2538 และในเวลาต่อมา รัฐบาลของประธานาธิบดี Lula ได้แสดงเจตจำนงในการใช้หนี้ต่างประเทศทำให้ลดลงจากร้อยละ 58.7 ของ GDP ในปี 2546 เหลือร้อยละ 51.6 ในปี 2548 และในปี 2552 หนี้ต่างประเทศของบราซิลลดเหลือร้อยละ 11.6 ของ GDP นอกจากนี้ การตัดสินใจให้กู้เงินจำนวน 14 พันล้านเหรียญสหรัฐแก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศในปลายปี 2552 แสดงถึงความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของบราซิลเป็นอย่างมาก และ ในปี 2554 บราซิลคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการขยายตัวของ GDP ประมาณร้อยละ 8
อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญที่รัฐบาล Rousseff ถูกจับตามองในขณะนี้ได้แก่ แนวทางการดำเนินการของรัฐบาลใหม่ในเรื่องการแข็งค่าอย่างต่อเนื่องของเงินเฮอัล ซึ่งเรื้อรังมาตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้ว โดยในช่วงเดือนตุลาคม 2553 ที่ผ่านมา บราซิลได้ให้ความสำคัญกับนโยบายการดูแลค่าเงินมากขึ้น เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศของบราซิลเมื่อเทียบกับในช่วงแรกของปี 2552 ค่าเงินเฮอัล (real) แข็งค่าขึ้น ถึงร้อยละ 37 โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐใช้นโยบายการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าในระบบ (Quantitative Easing) ซึ่งทำให้ปริมาณเงินดอลลาร์ในตลาดเพิ่มมากขึ้น ทำให้ให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวอย่างต่อเนื่อง กระทบต่อภาคการส่งออกของบราซิล และยังส่งผลให้เงินตราต่างประเทศยังคงไหลเข้าบราซิลอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามธนาคารกลางบราซิลรายงานว่าจะพยายามคงอัตราแลกเปลี่ยนให้อยู่ที่ 1.7 เฮอัล ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ในระหว่างการประชุม G20 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2553 ที่สาธารณรัฐเกาหลี ประธานาธิบดีบราซิลได้วิจารณ์นโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐอย่างรุนแรง ว่าเป็นชนวนก่อให้เกิดสงครามเงินตรา (Currency War) ทั่วโลก และจะทำให้เศรษฐกิจของโลกล้มละลายหากทุกประเทศลดค่าเงินของตนเพื่อความได้เปรียบในการส่งออก

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

In the past 3 decades before the 1980s the economic growth rate of 7.3 percent but Brazil during the 1980s has been crisis financial stability with inflation problem and the payment deficits, the Government has taken various measures in the name of "Real Plan" to create financial stability by creating a financial discipline. A floating currency is released and reduce inflation, including the review of the policy to import substitution, which operated for more than 35 years, and measures to make the economy look close and defend themselves. By the early 1990s, Brazil 1990 adopt the policy of economic opening and joined the World Trade Organization (WTO) on January 1, 1995, and subsequently. The Government of President Lula has shown 3 to use foreign debts make it down from 58.7 per cent of GDP in the year 2546 (2003) 51.6 per cent support in the year 2548 (2005) and in the year 2552 (2009) Brazil's foreign debt fell 11.6 percent in the rest of GDP also decided to lend the number 14 billion US dollars to the IMF by the end of the year 2552 (2009) represents Brazil's economic confidence is enormous, and in the year 2554 (2011) Brazil expected to have GDP growth of about 8 percent.อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญที่รัฐบาล Rousseff ถูกจับตามองในขณะนี้ได้แก่ แนวทางการดำเนินการของรัฐบาลใหม่ในเรื่องการแข็งค่าอย่างต่อเนื่องของเงินเฮอัล ซึ่งเรื้อรังมาตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้ว โดยในช่วงเดือนตุลาคม 2553 ที่ผ่านมา บราซิลได้ให้ความสำคัญกับนโยบายการดูแลค่าเงินมากขึ้น เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศของบราซิลเมื่อเทียบกับในช่วงแรกของปี 2552 ค่าเงินเฮอัล (real) แข็งค่าขึ้น ถึงร้อยละ 37 โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐใช้นโยบายการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าในระบบ (Quantitative Easing) ซึ่งทำให้ปริมาณเงินดอลลาร์ในตลาดเพิ่มมากขึ้น ทำให้ให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวอย่างต่อเนื่อง กระทบต่อภาคการส่งออกของบราซิล และยังส่งผลให้เงินตราต่างประเทศยังคงไหลเข้าบราซิลอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามธนาคารกลางบราซิลรายงานว่าจะพยายามคงอัตราแลกเปลี่ยนให้อยู่ที่ 1.7 เฮอัล ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐทั้งนี้ ในระหว่างการประชุม G20 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2553 ที่สาธารณรัฐเกาหลี ประธานาธิบดีบราซิลได้วิจารณ์นโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐอย่างรุนแรง ว่าเป็นชนวนก่อให้เกิดสงครามเงินตรา (Currency War) ทั่วโลก และจะทำให้เศรษฐกิจของโลกล้มละลายหากทุกประเทศลดค่าเงินของตนเพื่อความได้เปรียบในการส่งออก

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

During the decade before the decade 3 1980 economic growth rate of Brazil reach as high as 7.3 but the past decade has 1980 crisis, financial stability. The inflation and the lack of balance of payments. The various measures in the name "Real Plan" to create financial stability by the financial disciplineAnd reduce the inflation. Including policy review production for import substitution, which measures that 35 years and make economic กิจมี look off and protect yourself!By the decade 1990 Brazil turned the economy. Membership in the World Trade Organization (and WTO) on January 1 2538 and later, the government of President Lula.58.7 of GDP in 2546% 51.6 in 2548 and in 2552 foreign debt of Brazil only 11 percent.6 of GDP also deciding loan amount, 14 billion US dollars for the International Monetary Fund in late 2552 represents the Brazilian economic confidence greatly. And in 2554.GDP approximately 8
.However, the government Rousseff being watched now include Guidelines for the implementation of the new government on the recovery of money hae al The chronic, since the government in October.The past, Brazil emphasizes care policy value more and more. Since the exchange rate of the Brazilian versus in early years 2552 money hae Al (real) exports. 37%.(Quantitative Easing), which increased the dollar in the market more and more. Make the US dollar market. Impact on the export sector of Brazil. And also result in foreign exchange money continues to flow into the Brazilian continues.1.7 hae al to 1)
.However, during the meeting G20 last November 2553 at the Republic of Korea. The Brazilian president criticized U.S. economic policy. A fuse caused the currency wars (Currency War) around the world.