โคเปอร์นิคัสเกิดเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1473 ที่เมืองตูรัน ประเ การแปล - โคเปอร์นิคัสเกิดเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1473 ที่เมืองตูรัน ประเ อังกฤษ วิธีการพูด

โคเปอร์นิคัสเกิดเมื่อวันที่ 19 กุมภ

โคเปอร์นิคัสเกิดเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1473 ที่เมืองตูรัน ประเทศโปแลนด์ บิดาของเขาเป็นพ่อค้าผู้มั่งคั่งนามว่า นิโคลัส คอปเปอร์นิงค์ (Nicolaus Koppernigk) ส่วนมารดาของเขาชื่อบาร์บารา แวคเซนโรด (Barbara Waczenrode) ต่อมาเมื่อเขาอายุได้ 10 ปี เท่านั้น บิดาของเขาก็เสียชีวิต เขาจึงต้องอยู่ในความอุปการะของลุง (พี่ชายของมารดา) ซึ่งเป็นพระใน ตำแหน่งบิชอบ แห่งเออร์มแลนด์ ชื่อว่า ลูคัส แวคเซนโรด (Lucas Waczenrode) ลุงของเขาเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในชีวิต ของเขาอย่างมาก เพราะเป็นอาจารย์คนแรก จึงทำให้เขามีความสนใจเกี่ยวกับศาสนาอย่างจริงจัง แต่ความคิดข้อนี้ก็ล้มเลิกไปใน ภายหลัง เมื่อเขามีความสนใจวิชาแพทย์มากกว่า และได้ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งเมืองคราโคว (University of Cracow) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศโปแลนด์ ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้เขามีโอกาสได้ศึกษาวิชาต่าง ๆ มากมาย เพื่อเตรียมความพร้อม ในการศึกษาวิชาแพทย์ต่อไป เช่น ปรัชญา คณิตศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และดาราศาสตร์ เป็นต้น การที่เขามีโอกาสได้ศึกษาวิชา เกี่ยวกับดาราศาสตร์ ทำให้เขาเปลี่ยนแนวความคิดที่จะเรียนต่อแพทย์ ไปเรียนต่อเกี่ยวกับดาราศาสตร์แทน แต่ยังไม่ทันสำเร็จ วิชาดาราศาสตร์ เขาก็ย้ายไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในเมืองโบโลญญา (University of Bologna) ในประเทศอิตาลี จากนั้น จึงไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเฟอร์รารา (Ferrara University) และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก ในวิชากฎหมายจาก มหาวิทยาลัยแห่งนี้ หลังจากสำเร็จการศึกษาโคเปอร์นิคัสได้เดินทางกลับบ้าน แต่เมื่อลุงเขารู้ว่าเขาไม่ได้เรียนแพทย์ก็ไม่พอใจ อย่างมาก และเพื่อเป็นการเอาใจลุง โคเปอร์นิคัสจึงต้องกลับไปศึกษาต่อวิชาแพทย์อีกครั้งหนึ่งที่มหาวิทยาลัยปาดัว ในระหว่าง ที่เขาเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เขามีโอกาสได้ศึกษาวิชาดาราศาสตร์ที่เขาชอบอีกด้วย เนื่องจากวิชาดาราศาสตร์เป็นส่วนหนึ่ง ของวิชาแพทย์ โคเปอร์นิคัสเรียนจบแพทย์ในปี ค.ศ. 1506 และเดินทางกลับบ้านในปีเดียวกัน

โคเปอร์นิคัสถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถในหลายสาขาวิชา ทั้งกฎหมาย แพทย์ ปรัชญา ศาสนา ภาษาละตินและ ดาราศาสตร์ ต่อมาในปีค.ศ. 1512 ลุงของเขาเสียชีวิต เขาจึงเดินทางไปอยู่ที่เมืองฟรอนบูร์ก (Frauenburg) เพื่อศึกษาค้นคว้า เกี่ยวกับดาราศาสตร์อย่างจริงจัง ส่วนวิชาแพทย์ที่เขาเล่าเรียนมาก็ไม่ละทิ้งให้เสียประโยชน์ เขายังช่วยรักษาผู้ป่วยที่ยากจน ในเมืองโดยไม่คิดค่ารักษาพยาบาลส่วนงานค้นคว้าดาราศาสตร์ ในระยะแรกของโคเปอร์นิคัส ส่วนใหญ่จะเป็นการนำทฤษฎีที่ ว่าด้วยเรื่องศูนย์กลางของสุริยจักรวาลของนักปราชญ์ในอดีตมาศึกษา โดยเริ่มตั้งแต่ทฤษฎีของอาคีสทาร์คัส (Akistarchus) ที่กล่าวว่า "ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของสุริยจักรวาล" ทฤษฎีของปโตเลมี (Ptolemy) ที่กล่าวว่า "โลกเป็นศูนย์กลางของ สุริยจักรวาล" ซึ่งมีอาริสโตเติล นักปราชญ์เอก เป็นผู้สนับสนุนทฤษฎีของปโตเลมี โดยอาริสโตเติลกล่าวว่า "โลกอยู่กับที่ไม่ได้หมุน ส่วนดวงอาทิตย์นั้นโคจรรอบโลก" รวมถึงทฤษฎีของปีทาโกรัส (Pythagoras) ก็สนับสนุนทฤษฎีนี้เช่นกัน โดยกล่าวว่า "โลก ดวงอาทิตย์และดวงดาวต่าง ๆ โคจรรอบดวงไฟดวงใหญ๋ ทฤษฎีเกี่ยวกับสุริยจักรวาลทั้งหมดนี้ โคเปอร์นิคัสเชื่อถือเพียงทฤษฎี ของอาคีสทาร์คัสเท่านั้น เขาจึงเริ่มทำการค้นคว้าและหาข้อพิสูจน์ทฤษฎีเหล่านี้ แต่เนื่องจากในสมัยนั้นขาดแคลนอุปกรณ์ทาง ดาราศาสตร์ โคเปอร์นิคัสจึงใช้วิธีเจาะช่องบนฝาผนัง เพื่อให้แสงสว่างผ่านเข้ามา แล้วเฝ้าสังเกตการเดินทางของโลกผ่านทาง ช่องนี้เอง ซึ่งเขาพบว่าแสงสว่างจะเดินทางผ่านช่องหนึ่ง ๆ ในทุก ๆ 24 ชั่วโมง ซึ่งหมายถึงการที่โลกหมุนรอบตัวเอง นอกจากนี้ เขาได้กำหนดเส้นเมอร์ริเดียนเพื่อใช้เป็นหลักการคำนวณทางดาราศษสตร์อีกด้วย ในที่สุดเขาก็สามารถสรุปหาข้อเท็จจริงได้ว่า ทฤษฎีของอาร์คีสทาร์คัสที่เขาเชื่อถือนั่นถูกต้องที่สุด คือ ดวงอาทิตย์เป็นศนย์กลางของสุริยจักรวาล โลกและดาวเคราะห์อื่น ๆ ต้องหมุนรอบดวงอาทิตย์ แต่เขาไม่ได้เผยแพร่ผลงานชิ้นนี้ออกไป เพราะเกรงกลัวต่ออันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเขา เนื่องจาก ความเชื่อในทฤษฎีของอาริสโตเติลที่ว่า โลกเป็นศูนย์กลางของสุริยจักรวาล อีกทั้งทฤษฎีนี้ก็ไปตรงกับความเชื่อทางศาสนาคริสต์ เพราะฉะนั้นทฤษฎีของโคเปอร์นิคัสจึงขัดแย้งทั้งทฤษฎีของอาริสโตเติล และหลักศาสนา

ต่อมาจอร์จ โจคิม เรติคัส (George Joachim Rheticus) ักดาราศาสตร์ชาวเยอรมันและศาสตราจารย์ทางคณิตศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยวิทเทนเบิร์ก (Wittenburg University) ได้เดินทางมาพบโคเปอร์นิคัส เพื่อทำการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่อง ดาราศาสตร์ร่วมกัน ทั้งสองทำงานอยู่รวมกันนานถึง 2 ปี จอร์จผู้นี้เองที่มีส่วนสำคัญที่ทำให้โคเปอร์นิคัสเผยแพร่ผลงานเกี่ยวกับ ระบบสุริยจักรวาลที่เขาค้นพบให้กับสาธารณชนได้รับรู้ จอจ์รได้พยายามขอร้องโคเปอร์นิคัสให้เปิดเผยผลงาน เพื่อให้สาธารณชน ได้รับรู้ในสิ่งที่ถูกต้อง และเป็นการพัฒนาด้านดาราศาสตร์ไปอีกก้าวหนึ่ง ในที่สุดโคเปอร์นิคัสก็ยอมทำตามที่จอร์จขอร้องจอร์จจึง ได้ส่งผลงานของโคเปอร์นิคัสไปให้เพื่อนเขาที่อยู่เมืองนูเรมเบิร์ก (Nuremburg) ในประเทศเยอรมนีตีพิมพ์ แต่เพื่อนของจอร์จ ก็ไม่
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
โคเปอร์นิคัสเกิดเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1473 ที่เมืองตูรัน ประเทศโปแลนด์ บิดาของเขาเป็นพ่อค้าผู้มั่งคั่งนามว่า นิโคลัส คอปเปอร์นิงค์ (Nicolaus Koppernigk) ส่วนมารดาของเขาชื่อบาร์บารา แวคเซนโรด (Barbara Waczenrode) ต่อมาเมื่อเขาอายุได้ 10 ปี เท่านั้น บิดาของเขาก็เสียชีวิต เขาจึงต้องอยู่ในความอุปการะของลุง (พี่ชายของมารดา) ซึ่งเป็นพระใน ตำแหน่งบิชอบ แห่งเออร์มแลนด์ ชื่อว่า ลูคัส แวคเซนโรด (Lucas Waczenrode) ลุงของเขาเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในชีวิต ของเขาอย่างมาก เพราะเป็นอาจารย์คนแรก จึงทำให้เขามีความสนใจเกี่ยวกับศาสนาอย่างจริงจัง แต่ความคิดข้อนี้ก็ล้มเลิกไปใน ภายหลัง เมื่อเขามีความสนใจวิชาแพทย์มากกว่า และได้ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งเมืองคราโคว (University of Cracow) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศโปแลนด์ ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้เขามีโอกาสได้ศึกษาวิชาต่าง ๆ มากมาย เพื่อเตรียมความพร้อม ในการศึกษาวิชาแพทย์ต่อไป เช่น ปรัชญา คณิตศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และดาราศาสตร์ เป็นต้น การที่เขามีโอกาสได้ศึกษาวิชา เกี่ยวกับดาราศาสตร์ ทำให้เขาเปลี่ยนแนวความคิดที่จะเรียนต่อแพทย์ ไปเรียนต่อเกี่ยวกับดาราศาสตร์แทน แต่ยังไม่ทันสำเร็จ วิชาดาราศาสตร์ เขาก็ย้ายไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในเมืองโบโลญญา (University of Bologna) ในประเทศอิตาลี จากนั้น จึงไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเฟอร์รารา (Ferrara University) และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก ในวิชากฎหมายจาก มหาวิทยาลัยแห่งนี้ หลังจากสำเร็จการศึกษาโคเปอร์นิคัสได้เดินทางกลับบ้าน แต่เมื่อลุงเขารู้ว่าเขาไม่ได้เรียนแพทย์ก็ไม่พอใจ อย่างมาก และเพื่อเป็นการเอาใจลุง โคเปอร์นิคัสจึงต้องกลับไปศึกษาต่อวิชาแพทย์อีกครั้งหนึ่งที่มหาวิทยาลัยปาดัว ในระหว่าง ที่เขาเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เขามีโอกาสได้ศึกษาวิชาดาราศาสตร์ที่เขาชอบอีกด้วย เนื่องจากวิชาดาราศาสตร์เป็นส่วนหนึ่ง ของวิชาแพทย์ โคเปอร์นิคัสเรียนจบแพทย์ในปี ค.ศ. 1506 และเดินทางกลับบ้านในปีเดียวกัน โคเปอร์นิคัสถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถในหลายสาขาวิชา ทั้งกฎหมาย แพทย์ ปรัชญา ศาสนา ภาษาละตินและ ดาราศาสตร์ ต่อมาในปีค.ศ. 1512 ลุงของเขาเสียชีวิต เขาจึงเดินทางไปอยู่ที่เมืองฟรอนบูร์ก (Frauenburg) เพื่อศึกษาค้นคว้า เกี่ยวกับดาราศาสตร์อย่างจริงจัง ส่วนวิชาแพทย์ที่เขาเล่าเรียนมาก็ไม่ละทิ้งให้เสียประโยชน์ เขายังช่วยรักษาผู้ป่วยที่ยากจน ในเมืองโดยไม่คิดค่ารักษาพยาบาลส่วนงานค้นคว้าดาราศาสตร์ ในระยะแรกของโคเปอร์นิคัส ส่วนใหญ่จะเป็นการนำทฤษฎีที่ ว่าด้วยเรื่องศูนย์กลางของสุริยจักรวาลของนักปราชญ์ในอดีตมาศึกษา โดยเริ่มตั้งแต่ทฤษฎีของอาคีสทาร์คัส (Akistarchus) ที่กล่าวว่า "ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของสุริยจักรวาล" ทฤษฎีของปโตเลมี (Ptolemy) ที่กล่าวว่า "โลกเป็นศูนย์กลางของ สุริยจักรวาล" ซึ่งมีอาริสโตเติล นักปราชญ์เอก เป็นผู้สนับสนุนทฤษฎีของปโตเลมี โดยอาริสโตเติลกล่าวว่า "โลกอยู่กับที่ไม่ได้หมุน ส่วนดวงอาทิตย์นั้นโคจรรอบโลก" รวมถึงทฤษฎีของปีทาโกรัส (Pythagoras) ก็สนับสนุนทฤษฎีนี้เช่นกัน โดยกล่าวว่า "โลก ดวงอาทิตย์และดวงดาวต่าง ๆ โคจรรอบดวงไฟดวงใหญ๋ ทฤษฎีเกี่ยวกับสุริยจักรวาลทั้งหมดนี้ โคเปอร์นิคัสเชื่อถือเพียงทฤษฎี ของอาคีสทาร์คัสเท่านั้น เขาจึงเริ่มทำการค้นคว้าและหาข้อพิสูจน์ทฤษฎีเหล่านี้ แต่เนื่องจากในสมัยนั้นขาดแคลนอุปกรณ์ทาง ดาราศาสตร์ โคเปอร์นิคัสจึงใช้วิธีเจาะช่องบนฝาผนัง เพื่อให้แสงสว่างผ่านเข้ามา แล้วเฝ้าสังเกตการเดินทางของโลกผ่านทาง ช่องนี้เอง ซึ่งเขาพบว่าแสงสว่างจะเดินทางผ่านช่องหนึ่ง ๆ ในทุก ๆ 24 ชั่วโมง ซึ่งหมายถึงการที่โลกหมุนรอบตัวเอง นอกจากนี้ เขาได้กำหนดเส้นเมอร์ริเดียนเพื่อใช้เป็นหลักการคำนวณทางดาราศษสตร์อีกด้วย ในที่สุดเขาก็สามารถสรุปหาข้อเท็จจริงได้ว่า ทฤษฎีของอาร์คีสทาร์คัสที่เขาเชื่อถือนั่นถูกต้องที่สุด คือ ดวงอาทิตย์เป็นศนย์กลางของสุริยจักรวาล โลกและดาวเคราะห์อื่น ๆ ต้องหมุนรอบดวงอาทิตย์ แต่เขาไม่ได้เผยแพร่ผลงานชิ้นนี้ออกไป เพราะเกรงกลัวต่ออันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเขา เนื่องจาก ความเชื่อในทฤษฎีของอาริสโตเติลที่ว่า โลกเป็นศูนย์กลางของสุริยจักรวาล อีกทั้งทฤษฎีนี้ก็ไปตรงกับความเชื่อทางศาสนาคริสต์ เพราะฉะนั้นทฤษฎีของโคเปอร์นิคัสจึงขัดแย้งทั้งทฤษฎีของอาริสโตเติล และหลักศาสนา
ต่อมาจอร์จ โจคิม เรติคัส (George Joachim Rheticus) ักดาราศาสตร์ชาวเยอรมันและศาสตราจารย์ทางคณิตศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยวิทเทนเบิร์ก (Wittenburg University) ได้เดินทางมาพบโคเปอร์นิคัส เพื่อทำการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่อง ดาราศาสตร์ร่วมกัน ทั้งสองทำงานอยู่รวมกันนานถึง 2 ปี จอร์จผู้นี้เองที่มีส่วนสำคัญที่ทำให้โคเปอร์นิคัสเผยแพร่ผลงานเกี่ยวกับ ระบบสุริยจักรวาลที่เขาค้นพบให้กับสาธารณชนได้รับรู้ จอจ์รได้พยายามขอร้องโคเปอร์นิคัสให้เปิดเผยผลงาน เพื่อให้สาธารณชน ได้รับรู้ในสิ่งที่ถูกต้อง และเป็นการพัฒนาด้านดาราศาสตร์ไปอีกก้าวหนึ่ง ในที่สุดโคเปอร์นิคัสก็ยอมทำตามที่จอร์จขอร้องจอร์จจึง ได้ส่งผลงานของโคเปอร์นิคัสไปให้เพื่อนเขาที่อยู่เมืองนูเรมเบิร์ก (Nuremburg) ในประเทศเยอรมนีตีพิมพ์ แต่เพื่อนของจอร์จ ก็ไม่
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
โคเปอร์นิคัสเกิดเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1473 ที่เมืองตูรัน ประเทศโปแลนด์ บิดาของเขาเป็นพ่อค้าผู้มั่งคั่งนามว่า นิโคลัส คอปเปอร์นิงค์ (Nicolaus Koppernigk) ส่วนมารดาของเขาชื่อบาร์บารา แวคเซนโรด (Barbara Waczenrode) ต่อมาเมื่อเขาอายุได้ 10 ปี เท่านั้น บิดาของเขาก็เสียชีวิต เขาจึงต้องอยู่ในความอุปการะของลุง (พี่ชายของมารดา) ซึ่งเป็นพระใน ตำแหน่งบิชอบ แห่งเออร์มแลนด์ ชื่อว่า ลูคัส แวคเซนโรด (Lucas Waczenrode) ลุงของเขาเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในชีวิต ของเขาอย่างมาก เพราะเป็นอาจารย์คนแรก จึงทำให้เขามีความสนใจเกี่ยวกับศาสนาอย่างจริงจัง แต่ความคิดข้อนี้ก็ล้มเลิกไปใน ภายหลัง เมื่อเขามีความสนใจวิชาแพทย์มากกว่า และได้ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งเมืองคราโคว (University of Cracow) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศโปแลนด์ ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้เขามีโอกาสได้ศึกษาวิชาต่าง ๆ มากมาย เพื่อเตรียมความพร้อม ในการศึกษาวิชาแพทย์ต่อไป เช่น ปรัชญา คณิตศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และดาราศาสตร์ เป็นต้น การที่เขามีโอกาสได้ศึกษาวิชา เกี่ยวกับดาราศาสตร์ ทำให้เขาเปลี่ยนแนวความคิดที่จะเรียนต่อแพทย์ ไปเรียนต่อเกี่ยวกับดาราศาสตร์แทน แต่ยังไม่ทันสำเร็จ วิชาดาราศาสตร์ เขาก็ย้ายไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในเมืองโบโลญญา (University of Bologna) ในประเทศอิตาลี จากนั้น จึงไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเฟอร์รารา (Ferrara University) และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก ในวิชากฎหมายจาก มหาวิทยาลัยแห่งนี้ หลังจากสำเร็จการศึกษาโคเปอร์นิคัสได้เดินทางกลับบ้าน แต่เมื่อลุงเขารู้ว่าเขาไม่ได้เรียนแพทย์ก็ไม่พอใจ อย่างมาก และเพื่อเป็นการเอาใจลุง โคเปอร์นิคัสจึงต้องกลับไปศึกษาต่อวิชาแพทย์อีกครั้งหนึ่งที่มหาวิทยาลัยปาดัว ในระหว่าง ที่เขาเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เขามีโอกาสได้ศึกษาวิชาดาราศาสตร์ที่เขาชอบอีกด้วย เนื่องจากวิชาดาราศาสตร์เป็นส่วนหนึ่ง ของวิชาแพทย์ โคเปอร์นิคัสเรียนจบแพทย์ในปี ค.ศ. 1506 และเดินทางกลับบ้านในปีเดียวกัน

โคเปอร์นิคัสถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถในหลายสาขาวิชา ทั้งกฎหมาย แพทย์ ปรัชญา ศาสนา ภาษาละตินและ ดาราศาสตร์ ต่อมาในปีค.ศ. 1512 ลุงของเขาเสียชีวิต เขาจึงเดินทางไปอยู่ที่เมืองฟรอนบูร์ก (Frauenburg) เพื่อศึกษาค้นคว้า เกี่ยวกับดาราศาสตร์อย่างจริงจัง ส่วนวิชาแพทย์ที่เขาเล่าเรียนมาก็ไม่ละทิ้งให้เสียประโยชน์ เขายังช่วยรักษาผู้ป่วยที่ยากจน ในเมืองโดยไม่คิดค่ารักษาพยาบาลส่วนงานค้นคว้าดาราศาสตร์ ในระยะแรกของโคเปอร์นิคัส ส่วนใหญ่จะเป็นการนำทฤษฎีที่ ว่าด้วยเรื่องศูนย์กลางของสุริยจักรวาลของนักปราชญ์ในอดีตมาศึกษา โดยเริ่มตั้งแต่ทฤษฎีของอาคีสทาร์คัส (Akistarchus) ที่กล่าวว่า "ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของสุริยจักรวาล" ทฤษฎีของปโตเลมี (Ptolemy) ที่กล่าวว่า "โลกเป็นศูนย์กลางของ สุริยจักรวาล" ซึ่งมีอาริสโตเติล นักปราชญ์เอก เป็นผู้สนับสนุนทฤษฎีของปโตเลมี โดยอาริสโตเติลกล่าวว่า "โลกอยู่กับที่ไม่ได้หมุน ส่วนดวงอาทิตย์นั้นโคจรรอบโลก" รวมถึงทฤษฎีของปีทาโกรัส (Pythagoras) ก็สนับสนุนทฤษฎีนี้เช่นกัน โดยกล่าวว่า "โลก ดวงอาทิตย์และดวงดาวต่าง ๆ โคจรรอบดวงไฟดวงใหญ๋ ทฤษฎีเกี่ยวกับสุริยจักรวาลทั้งหมดนี้ โคเปอร์นิคัสเชื่อถือเพียงทฤษฎี ของอาคีสทาร์คัสเท่านั้น เขาจึงเริ่มทำการค้นคว้าและหาข้อพิสูจน์ทฤษฎีเหล่านี้ แต่เนื่องจากในสมัยนั้นขาดแคลนอุปกรณ์ทาง ดาราศาสตร์ โคเปอร์นิคัสจึงใช้วิธีเจาะช่องบนฝาผนัง เพื่อให้แสงสว่างผ่านเข้ามา แล้วเฝ้าสังเกตการเดินทางของโลกผ่านทาง ช่องนี้เอง ซึ่งเขาพบว่าแสงสว่างจะเดินทางผ่านช่องหนึ่ง ๆ ในทุก ๆ 24 ชั่วโมง ซึ่งหมายถึงการที่โลกหมุนรอบตัวเอง นอกจากนี้ เขาได้กำหนดเส้นเมอร์ริเดียนเพื่อใช้เป็นหลักการคำนวณทางดาราศษสตร์อีกด้วย ในที่สุดเขาก็สามารถสรุปหาข้อเท็จจริงได้ว่า ทฤษฎีของอาร์คีสทาร์คัสที่เขาเชื่อถือนั่นถูกต้องที่สุด คือ ดวงอาทิตย์เป็นศนย์กลางของสุริยจักรวาล โลกและดาวเคราะห์อื่น ๆ ต้องหมุนรอบดวงอาทิตย์ แต่เขาไม่ได้เผยแพร่ผลงานชิ้นนี้ออกไป เพราะเกรงกลัวต่ออันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเขา เนื่องจาก ความเชื่อในทฤษฎีของอาริสโตเติลที่ว่า โลกเป็นศูนย์กลางของสุริยจักรวาล อีกทั้งทฤษฎีนี้ก็ไปตรงกับความเชื่อทางศาสนาคริสต์ เพราะฉะนั้นทฤษฎีของโคเปอร์นิคัสจึงขัดแย้งทั้งทฤษฎีของอาริสโตเติล และหลักศาสนา

ต่อมาจอร์จ โจคิม เรติคัส (George Joachim Rheticus) ักดาราศาสตร์ชาวเยอรมันและศาสตราจารย์ทางคณิตศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยวิทเทนเบิร์ก (Wittenburg University) ได้เดินทางมาพบโคเปอร์นิคัส เพื่อทำการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่อง ดาราศาสตร์ร่วมกัน ทั้งสองทำงานอยู่รวมกันนานถึง 2 ปี จอร์จผู้นี้เองที่มีส่วนสำคัญที่ทำให้โคเปอร์นิคัสเผยแพร่ผลงานเกี่ยวกับ ระบบสุริยจักรวาลที่เขาค้นพบให้กับสาธารณชนได้รับรู้ จอจ์รได้พยายามขอร้องโคเปอร์นิคัสให้เปิดเผยผลงาน เพื่อให้สาธารณชน ได้รับรู้ในสิ่งที่ถูกต้อง และเป็นการพัฒนาด้านดาราศาสตร์ไปอีกก้าวหนึ่ง ในที่สุดโคเปอร์นิคัสก็ยอมทำตามที่จอร์จขอร้องจอร์จจึง ได้ส่งผลงานของโคเปอร์นิคัสไปให้เพื่อนเขาที่อยู่เมืองนูเรมเบิร์ก (Nuremburg) ในประเทศเยอรมนีตีพิมพ์ แต่เพื่อนของจอร์จ ก็ไม่
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
Copernicus was born on the 19 February.1473 City torun, Poland, his father was a prosperous merchant named Nicolas cop per nink (Nicolaus Koppernigk) and his mother called Barbara Vac Zen Road (Barbara Waczenrode) and it came to pass, when he was 10 years.He had to stay in their care of uncle (brother of mothers), which is in the position of bishop of supplier according to land, named Lucas VAC Zen Road (Lucas. Waczenrode) his uncle play an important role in his life very much. Because a teacher first.But the idea that this was dropped in later when he is interested in medicine. And education in the University of the city of Cracow (University of Cracow), which is the capital of Poland.Many others to prepare in medical education, such as philosophy, mathematics, geography and astronomy, etc., that he had the opportunity to study the subject. About astronomy. He changed the concept to study medicine.But without success. Astronomy. Then he moved to study at University in the city of Bologna (University of Bologna) in Italy. Then, it ไปเรียนต่อ University of Ferrara. (Ferrara University) and graduated doctoral degree.The University. After graduation Copernicus travel home. But when he knew he didn't learn doctor discontent greatly and in order to please uncle.During his studies in the University. He had the opportunity to study astronomy that he liked. Due to the astronomy as part of a medical doctor, Copernicus graduated 1999.Professor 1506 and travel home the same year

. Copernicus is regarded as the knowledge in many disciplines and law, medical, philosophy, religion, astronomy, Latin and later in the year.1512 his uncle died. He went in front of the city (Frauenburg) to study about astronomy seriously. The medicine he learnt not to abandon to the advantage is lost.In the city without charge for medical research in astronomy in the early stages of Copernicus. Most of the theories. On the center of the multiplexing of the past study.(Akistarchus), "said the sun center of multiplexing" theory of Ptolemy (Ptolemy) said, "the earth is the center of Multiplexing "which have big band, the Ferris major is the theory of Ptolemy."The world that does not rotate. And the sun revolved around the earth. "" "includes the theory of Pythagoras (Pythagoras) supports this theory, as well as by saying that" the earth, the sun and the stars. On orbit of the light head.Copernicus trust only a theory of AKI and thark modulus. He began the research and find the proof theory of these. But since in those days, lack of equipment, astronomy, Copernicus the puncture method บนฝาผนัง.Then observe the world travel through this channel, which he found that light will travel through the channel. The other one in every 24 hours, which means that the earth revolves around themselves. In addition,He is eventually the fact that The theory of R. Kiess thark. He believed that is the sun is Away Jersey central ของสุริยจักรวาล, earth and other planets to revolve around the sun.Because of the danger to happen to him, due to belief in the theory of Aristotle that The earth is the center of multiplexing. And this theory can match the beliefs of Christianity.And the religious
.
.Later, George Joaquin retinal custard (George Rheticus) Joachim LAK astronomy German and mathematics professor. University of wittenburg (Wittenburg University) travel to meet Copernicus. The research on the subject.The two work together as long as 2 years. George, who is part that makes Copernicus published works about. The solar system, he discovers to the public. จอจ์ can try asking Copernicus reveal works.Get to know what is right. And to develop in the field of astronomy to another. Finally, Copernicus was granted George asked George thus. The result of Copernicus to friends he addresses the city Kaiserslautern (Nuremburg).But a friend of George is not.
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: