ในด้านความละเอียดของตัวเครื่องก็ดูที่ความเหมาะสมกับงาน แนะนำว่าพริ้นเตอร์เลเซอร์เหมาะมากครับสำหรับการใช้งานในสำนักงาน ดูจะไม่ เหมาะเท่าไรนักถ้าจะซื้อมาใช้งานส่วนตัวเพราะโดยส่วนใหญ่แล้วเครื่องประเภทนี้เน้นสนับสนุนระบบเน็ทเวิร์กเป็นหลักครับ Laser พริ้นเตอร์ก็ยังไม่ทั้งขาว-ดำ และสี ในด้านความละเอียดของเครื่อง Laser มีความละเอียดทั้งแต่ 600 x 600 จุดต่อตารางนิ้ว ไปจนถึง 1,200 x 1,200 จุดต่อตารางนิ้ว ความเร็วในการ พิมพ์ก็มีส่วนสำคัญครับ ความเร็วในการพิมพ์ของเครื่อง Laser ก็สามารถพิมพ์ในโหมดขาว - ดำได้ตั้งแต่ 10 แผ่นต่อนาทีขึ้นไป ส่วนโหมดสีตั้งแต่ 6 แผ่นต่อ นาทีขึ้นไป ต่อมาก็มาดูที่หน่วยความจำของเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ส่วนใหญ่ใน Laser พริ้นเตอร์จะติดตั้งหน่วยความจำตั้งแต่ 8 MB, 16 MB, 32 MB ไปจนถึง 96 MB แต่ก็สามารถเพิ่มเติมได้อีก ยิ่งมีหน่วยความจำมากเท่าไหร่ก็จะทำให้เครื่องพิมพ์สามารถประมวลผล และรับงานในปริมาณที่มาก ล้วพิมพ์งานออกมาได้ รวดเร็วขึ้น ลำดับต่อมาเป็นการเชื่อมต่อมีตั้งแต่ Parallel, USB 1.1/2.0, Ethernet ในส่วนนี้แล้วแต่ผู้ใช้ครับ แต่ขอแนะนำให้เลือกใช้ที่เป็นการเชื่อมต่อแบบ USB 1.1/2.0 ดีกว่าครับ เพราะจะทำให้การส่งข้อมูลมีความรวดเร็วกว่าแบบอื่น และถ้าต้องการใช้งานในระบบเครือข่าย (LAN) ขั้นก็ควรจะมีพอร์ตเชื่อมต่อแบบ Ethernet 10/100 Base-T/TX ด้วยครับ แต่เราจะใช้การเชื่อมต่อแบบ USB 1.1/2.0 เพื่อให้เครื่องเลเซอร์พริ้นเตอร์ของเราเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหึง แล้วทำงานแชร์ทรัพยากรเครื่อง ให้เครื่องลูกข่าย (Client) ให้สามารถใช้งานเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ตัวนั้นก็ได้ครับ ซึ่งมีข้อเสียคือในการทำงานจำเป็นทีจะต้องเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ไว้ตลอดเวลา จึงจะสามารถสั่งพิมพ์งานได้ แต่ถ้าเป็นการเชื่อมต่อแบบEthernet ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องนำเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ มาเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่สามารถนำเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ เครื่องที่มีมาตรฐานการเชื่อมต่อแบบ Ethernet นั้นไปเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายด้วยสาย LAN ได้ทันที เสมือนการทำงานว่าเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ เครื่องนั้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ในการทำงานก็สามารถสั่งพิมพ์งานได้ทันที สะดวกและรวดเร็วประหยัดพลังงานมากกว่าแบบแรก
โทนเนอร์ก็มีส่วนสำคัญครับ ถ้าราคาโทนเนอร์แพงก็ไม่คุ้มค่าที่จะใช้งานต้องระมัดระวังในส่วนนี้ด้วย กระดาษที่ใช้กับเครื่อง Laser สามารถใช้ กระดาษขนาด A4 บางรุ่นก็สามารถพิมพ์กระดาษขนาด A3 ได้ ส่วนถาดใส่กระดาษใน Laser บางรุ่นสามารถเพิ่มถาดกระดาษได้ เหมาะสำหรับงานที่มี ปริมาณเอกสารมาก ไม่ต้องกังวลว่าปริมาณกระดาษจะพอไหม ในส่วนการใช้งาน Laser พริ้นเตอร์แบบขาว- ดำเหมาะสำหรับผู้ใช้ที่เน้นงานเอกสารเป็นหลัก ไม่ต้องการพิมพ์รูปภาพ หรือข้อความที่เป็นสี ทำให้ได้ตัวอักษรที่คมชัดกว่าเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ Inkjet หลายเท่า ส่วน Laser พริ้นเตอร์แบบสีเหมาะสำหรับผู้ใช้ ที่เน้นงานด้านรูปภาพ แต่ก็มีงานด้านเอกสารด้วย
เครื่องมัลติฟังก์ชัน (Multifunction) หรือ All-In-One (AIO) น้องใหม่ที่ออกมาพร้อมอุปกรณ์ทำงานที่ครบเครื่องทั้ง พิมพ์ สแกน ก๊อปปี้ และส่งแฟกซ์ คุ้มค่ากับราคาที่น่าลอง
ก่อนอื่นเรามาเริ่มทำความรู้จักกับอุปกรณ์นี้กันก่อน สำหรับเครื่องมัลติฟังก์ชันหรือออลอินวันจะเป็นการนำเอาความสามารถและฟังก์ชันการทำงานของ อุปกรณ์ต่อพ่วงหลัก ๆ มารวมเข้าไว้ด้วยกันอย่างครบชุด ซึ่งประกอบไปด้วย เครื่อง Printer พริ้นเตอร์หรือ ปริ้นเตอร์ เครื่องสแกนเนอร์ เครื่องถ่ายเอกสาร และเครื่องแฟกซ์ แต่สำหรับ เครื่องมัลติฟังก์ชั่นในบางรุ่นอาจจะไม่ได้รวมเอาเครื่องแฟกซ์มาด้วยก็ได้ แต่หลัก ๆ อย่างไรก็สามารถพิมพ์งาน สแกน และถ่ายเอกสารได้ครับส่วนการทำงานของเครื่องมัลติฟังก์ชันมีการพัฒนาในเรื่องของการทำงานให้มีการทำงานร่วมกันได้อย่างเต็มที่มากขึ้น อย่างที่เราจะเห็นได้จาก ฟังก์ชันในการถ่ายเอกสารนั่นเองซึ่งจะเป็นการประสานงานในการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องสแกนเนอร์กับพริ้นเตอร์ นอกจากนี้ยังได้มีการเพิ่มฟังก์ชัน ในการสั่งงานบางอย่างที่จะช่วยให้การถ่ายขั้นตอนการถ่ายเอกสาร
1. วางต้นฉบับที่จะถ่ายเอกสารคว่ำหน้าลงบนแผ่นกระจกของเครื่องถ่ายเอกสาร
2. กดปุ่มเลือกขนาดของขนาดของกระดาษที่ต้องการเป็นสำเนา
3. หากต้องการสำเนามากกว่า 1 ฉบับให้กดปุ่มตัวเลขเลือกจำนวนสำเนาที่ต้องการ
4. กดปุ่มถ่ายเพื่อให้ได้สำเนาตามที่ต้องการ
5. ก่อนการใช้เครื่องถ่ายเอกสาร ผู้ใช้ควรศึกษารายละเอียด วิธีใช้และคำแนะนำต่าง ๆ จากคู่มือของเครื่อง และทำตามคำแนะนำของเครื่อง
6. การติดตั้งเครื่องถ่ายเอกสาร ไม่ควรตั้งในที่ที่มีฝุ่นมาก ๆ เพราะจำทำให้ฝุ่นเข้าไปในเครื่องทำให้เกิดการขัดข้อง
7. การใช้เครื่องถ่ายเอกสาร มักจะมีการนำเอารวดเย็บกระดาษมาใช้เย็บกระดาษที่ถ่ายเอกสารจึงควรระวังรวดเย็บกระดาษจะตกเข้าไปในเครื่อง
8. ควรตรวจดูผงหมึกให้มีปริมาณเพียงพอในการใช้งาน
9. กระดาษที่นำมาใช้ถ่ายเอกสารจะต้องไม่มีความชื้น เพราะหากกระดาษมีความชื้นจะทำให้สำเนาที่ได้ไม่มีคุณภาพ
10. ปิดสวิตซ์ไฟหลังจากเลิกใช้งาน ไม่ควรเปิดเครื่องทิ้งไว้หากไม่ได้ใช้งาน เพราะจะทำให้เครื่องร้อน
11. ใช้ผ้าคลุมเครื่องเพื่อป้องกันฝุ่นละอองเข้าเครื่อง
12. ควรคลี่กระดาษก่อนเข้าเครื่องและไม่ใสกระดาษลงไปในถาดป้อนกระดาษ เกินขีดจำกัดเพื่อป้องกันไม่ให้กระดาษติด
การถ่ายเอการแบบอัตโนมัติ
1. ให้ตรวจดุไฟบอกหน้าที่การถ่ายเอกสารแบบอัตโนมัติว่าอู่ในตำแหน่งเปิดความเข้มจะปรับเองโดยอัตโนมัติตามคุณภาพ และความเข้มของต้นฉบับเอกสาร
2. ปรับการถ่ายเอกสารด้วยความคมชัดในแบบการใช้ระบบควบคุมการถ่ายเอกสารแบบอัตโนมัติหากสีของต้นฉบับเข้มเกินไปหรือออ่อนเกินไปในเวลาการใช้ระบบควบคุมการถ่ายเอกสารอัตโนมัติโดยปรับความชัดดังนี้ กดปุ่มการใช้ตามโปรแกรม อักษร E จะปรากฏในช่องบอกสำเนา กดปุ่มหมายเลข 7 ขนาดการตั้งความเข้มในการถ่ายเอกสารนี้ จะเป็นตัวเลขกระพริบในช่องไฟบอกความเข้ม ตั้งเพิ่มหรือลดโดยกดปุ่มปรับความเข้ม ยิ่งค่าสูงขึ้นเท่าใด ความเข้มของสีเท่านั้นตัวเลขค่ายิ่งจะลดลงเท่าใด
3. การควบคุมด้วยมือ กดปุ่ม เปิด/ปิด ของระบบควบคุมคว
ในด้านความละเอียดของตัวเครื่องก็ดูที่ความเหมาะสมกับงาน แนะนำว่าพริ้นเตอร์เลเซอร์เหมาะมากครับสำหรับการใช้งานในสำนักงาน ดูจะไม่ เหมาะเท่าไรนักถ้าจะซื้อมาใช้งานส่วนตัวเพราะโดยส่วนใหญ่แล้วเครื่องประเภทนี้เน้นสนับสนุนระบบเน็ทเวิร์กเป็นหลักครับ Laser พริ้นเตอร์ก็ยังไม่ทั้งขาว-ดำ และสี ในด้านความละเอียดของเครื่อง Laser มีความละเอียดทั้งแต่ 600 x 600 จุดต่อตารางนิ้ว ไปจนถึง 1,200 x 1,200 จุดต่อตารางนิ้ว ความเร็วในการ พิมพ์ก็มีส่วนสำคัญครับ ความเร็วในการพิมพ์ของเครื่อง Laser ก็สามารถพิมพ์ในโหมดขาว - ดำได้ตั้งแต่ 10 แผ่นต่อนาทีขึ้นไป ส่วนโหมดสีตั้งแต่ 6 แผ่นต่อ นาทีขึ้นไป ต่อมาก็มาดูที่หน่วยความจำของเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ส่วนใหญ่ใน Laser พริ้นเตอร์จะติดตั้งหน่วยความจำตั้งแต่ 8 MB, 16 MB, 32 MB ไปจนถึง 96 MB แต่ก็สามารถเพิ่มเติมได้อีก ยิ่งมีหน่วยความจำมากเท่าไหร่ก็จะทำให้เครื่องพิมพ์สามารถประมวลผล และรับงานในปริมาณที่มาก ล้วพิมพ์งานออกมาได้ รวดเร็วขึ้น ลำดับต่อมาเป็นการเชื่อมต่อมีตั้งแต่ Parallel, USB 1.1/2.0, Ethernet ในส่วนนี้แล้วแต่ผู้ใช้ครับ แต่ขอแนะนำให้เลือกใช้ที่เป็นการเชื่อมต่อแบบ USB 1.1/2.0 ดีกว่าครับ เพราะจะทำให้การส่งข้อมูลมีความรวดเร็วกว่าแบบอื่น และถ้าต้องการใช้งานในระบบเครือข่าย (LAN) ขั้นก็ควรจะมีพอร์ตเชื่อมต่อแบบ Ethernet 10/100 Base-T/TX ด้วยครับ แต่เราจะใช้การเชื่อมต่อแบบ USB 1.1/2.0 เพื่อให้เครื่องเลเซอร์พริ้นเตอร์ของเราเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหึง แล้วทำงานแชร์ทรัพยากรเครื่อง ให้เครื่องลูกข่าย (Client) ให้สามารถใช้งานเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ตัวนั้นก็ได้ครับ ซึ่งมีข้อเสียคือในการทำงานจำเป็นทีจะต้องเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ไว้ตลอดเวลา จึงจะสามารถสั่งพิมพ์งานได้ แต่ถ้าเป็นการเชื่อมต่อแบบEthernet ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องนำเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ มาเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่สามารถนำเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ เครื่องที่มีมาตรฐานการเชื่อมต่อแบบ Ethernet นั้นไปเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายด้วยสาย LAN ได้ทันที เสมือนการทำงานว่าเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ เครื่องนั้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ในการทำงานก็สามารถสั่งพิมพ์งานได้ทันที สะดวกและรวดเร็วประหยัดพลังงานมากกว่าแบบแรกโทนเนอร์ก็มีส่วนสำคัญครับ ถ้าราคาโทนเนอร์แพงก็ไม่คุ้มค่าที่จะใช้งานต้องระมัดระวังในส่วนนี้ด้วย กระดาษที่ใช้กับเครื่อง Laser สามารถใช้ กระดาษขนาด A4 บางรุ่นก็สามารถพิมพ์กระดาษขนาด A3 ได้ ส่วนถาดใส่กระดาษใน Laser บางรุ่นสามารถเพิ่มถาดกระดาษได้ เหมาะสำหรับงานที่มี ปริมาณเอกสารมาก ไม่ต้องกังวลว่าปริมาณกระดาษจะพอไหม ในส่วนการใช้งาน Laser พริ้นเตอร์แบบขาว- ดำเหมาะสำหรับผู้ใช้ที่เน้นงานเอกสารเป็นหลัก ไม่ต้องการพิมพ์รูปภาพ หรือข้อความที่เป็นสี ทำให้ได้ตัวอักษรที่คมชัดกว่าเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ Inkjet หลายเท่า ส่วน Laser พริ้นเตอร์แบบสีเหมาะสำหรับผู้ใช้ ที่เน้นงานด้านรูปภาพ แต่ก็มีงานด้านเอกสารด้วยเครื่องมัลติฟังก์ชัน (Multifunction) หรือ All-In-One (AIO) น้องใหม่ที่ออกมาพร้อมอุปกรณ์ทำงานที่ครบเครื่องทั้ง พิมพ์ สแกน ก๊อปปี้ และส่งแฟกซ์ คุ้มค่ากับราคาที่น่าลอง
ก่อนอื่นเรามาเริ่มทำความรู้จักกับอุปกรณ์นี้กันก่อน สำหรับเครื่องมัลติฟังก์ชันหรือออลอินวันจะเป็นการนำเอาความสามารถและฟังก์ชันการทำงานของ อุปกรณ์ต่อพ่วงหลัก ๆ มารวมเข้าไว้ด้วยกันอย่างครบชุด ซึ่งประกอบไปด้วย เครื่อง Printer พริ้นเตอร์หรือ ปริ้นเตอร์ เครื่องสแกนเนอร์ เครื่องถ่ายเอกสาร และเครื่องแฟกซ์ แต่สำหรับ เครื่องมัลติฟังก์ชั่นในบางรุ่นอาจจะไม่ได้รวมเอาเครื่องแฟกซ์มาด้วยก็ได้ แต่หลัก ๆ อย่างไรก็สามารถพิมพ์งาน สแกน และถ่ายเอกสารได้ครับส่วนการทำงานของเครื่องมัลติฟังก์ชันมีการพัฒนาในเรื่องของการทำงานให้มีการทำงานร่วมกันได้อย่างเต็มที่มากขึ้น อย่างที่เราจะเห็นได้จาก ฟังก์ชันในการถ่ายเอกสารนั่นเองซึ่งจะเป็นการประสานงานในการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องสแกนเนอร์กับพริ้นเตอร์ นอกจากนี้ยังได้มีการเพิ่มฟังก์ชัน ในการสั่งงานบางอย่างที่จะช่วยให้การถ่ายขั้นตอนการถ่ายเอกสาร
1. วางต้นฉบับที่จะถ่ายเอกสารคว่ำหน้าลงบนแผ่นกระจกของเครื่องถ่ายเอกสาร
2. กดปุ่มเลือกขนาดของขนาดของกระดาษที่ต้องการเป็นสำเนา
3. หากต้องการสำเนามากกว่า 1 ฉบับให้กดปุ่มตัวเลขเลือกจำนวนสำเนาที่ต้องการ
4. กดปุ่มถ่ายเพื่อให้ได้สำเนาตามที่ต้องการ
5. ก่อนการใช้เครื่องถ่ายเอกสาร ผู้ใช้ควรศึกษารายละเอียด วิธีใช้และคำแนะนำต่าง ๆ จากคู่มือของเครื่อง และทำตามคำแนะนำของเครื่อง
6. การติดตั้งเครื่องถ่ายเอกสาร ไม่ควรตั้งในที่ที่มีฝุ่นมาก ๆ เพราะจำทำให้ฝุ่นเข้าไปในเครื่องทำให้เกิดการขัดข้อง
7. การใช้เครื่องถ่ายเอกสาร มักจะมีการนำเอารวดเย็บกระดาษมาใช้เย็บกระดาษที่ถ่ายเอกสารจึงควรระวังรวดเย็บกระดาษจะตกเข้าไปในเครื่อง
8. ควรตรวจดูผงหมึกให้มีปริมาณเพียงพอในการใช้งาน
9. กระดาษที่นำมาใช้ถ่ายเอกสารจะต้องไม่มีความชื้น เพราะหากกระดาษมีความชื้นจะทำให้สำเนาที่ได้ไม่มีคุณภาพ
10. ปิดสวิตซ์ไฟหลังจากเลิกใช้งาน ไม่ควรเปิดเครื่องทิ้งไว้หากไม่ได้ใช้งาน เพราะจะทำให้เครื่องร้อน
11. ใช้ผ้าคลุมเครื่องเพื่อป้องกันฝุ่นละอองเข้าเครื่อง
12. ควรคลี่กระดาษก่อนเข้าเครื่องและไม่ใสกระดาษลงไปในถาดป้อนกระดาษ เกินขีดจำกัดเพื่อป้องกันไม่ให้กระดาษติด
การถ่ายเอการแบบอัตโนมัติ
1. ให้ตรวจดุไฟบอกหน้าที่การถ่ายเอกสารแบบอัตโนมัติว่าอู่ในตำแหน่งเปิดความเข้มจะปรับเองโดยอัตโนมัติตามคุณภาพ และความเข้มของต้นฉบับเอกสาร
2. ปรับการถ่ายเอกสารด้วยความคมชัดในแบบการใช้ระบบควบคุมการถ่ายเอกสารแบบอัตโนมัติหากสีของต้นฉบับเข้มเกินไปหรือออ่อนเกินไปในเวลาการใช้ระบบควบคุมการถ่ายเอกสารอัตโนมัติโดยปรับความชัดดังนี้ กดปุ่มการใช้ตามโปรแกรม อักษร E จะปรากฏในช่องบอกสำเนา กดปุ่มหมายเลข 7 ขนาดการตั้งความเข้มในการถ่ายเอกสารนี้ จะเป็นตัวเลขกระพริบในช่องไฟบอกความเข้ม ตั้งเพิ่มหรือลดโดยกดปุ่มปรับความเข้ม ยิ่งค่าสูงขึ้นเท่าใด ความเข้มของสีเท่านั้นตัวเลขค่ายิ่งจะลดลงเท่าใด
3. การควบคุมด้วยมือ กดปุ่ม เปิด/ปิด ของระบบควบคุมคว
การแปล กรุณารอสักครู่..

ในด้านความละเอียดของตัวเครื่องก็ดูที่ความเหมาะสมกับงาน แนะนำว่าพริ้นเตอร์เลเซอร์เหมาะมากครับสำหรับการใช้งานในสำนักงาน ดูจะไม่ เหมาะเท่าไรนักถ้าจะซื้อมาใช้งานส่วนตัวเพราะโดยส่วนใหญ่แล้วเครื่องประเภทนี้เน้นสนับสนุนระบบเน็ทเวิร์กเป็นหลักครับ Laser พริ้นเตอร์ก็ยังไม่ทั้งขาว-ดำ และสี ในด้านความละเอียดของเครื่อง Laser มีความละเอียดทั้งแต่ 600 x 600 จุดต่อตารางนิ้ว ไปจนถึง 1,200 x 1,200 จุดต่อตารางนิ้ว ความเร็วในการ พิมพ์ก็มีส่วนสำคัญครับ ความเร็วในการพิมพ์ของเครื่อง Laser ก็สามารถพิมพ์ในโหมดขาว - ดำได้ตั้งแต่ 10 แผ่นต่อนาทีขึ้นไป ส่วนโหมดสีตั้งแต่ 6 แผ่นต่อ นาทีขึ้นไป ต่อมาก็มาดูที่หน่วยความจำของเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ส่วนใหญ่ใน Laser พริ้นเตอร์จะติดตั้งหน่วยความจำตั้งแต่ 8 MB, 16 MB, 32 MB ไปจนถึง 96 MB แต่ก็สามารถเพิ่มเติมได้อีก ยิ่งมีหน่วยความจำมากเท่าไหร่ก็จะทำให้เครื่องพิมพ์สามารถประมวลผล และรับงานในปริมาณที่มาก ล้วพิมพ์งานออกมาได้ รวดเร็วขึ้น ลำดับต่อมาเป็นการเชื่อมต่อมีตั้งแต่ Parallel, USB 1.1/2.0, Ethernet ในส่วนนี้แล้วแต่ผู้ใช้ครับ แต่ขอแนะนำให้เลือกใช้ที่เป็นการเชื่อมต่อแบบ USB 1.1/2.0 ดีกว่าครับ เพราะจะทำให้การส่งข้อมูลมีความรวดเร็วกว่าแบบอื่น และถ้าต้องการใช้งานในระบบเครือข่าย (LAN) ขั้นก็ควรจะมีพอร์ตเชื่อมต่อแบบ Ethernet 10/100 Base-T/TX ด้วยครับ แต่เราจะใช้การเชื่อมต่อแบบ USB 1.1/2.0 เพื่อให้เครื่องเลเซอร์พริ้นเตอร์ของเราเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหึง แล้วทำงานแชร์ทรัพยากรเครื่อง ให้เครื่องลูกข่าย (Client) ให้สามารถใช้งานเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ตัวนั้นก็ได้ครับ ซึ่งมีข้อเสียคือในการทำงานจำเป็นทีจะต้องเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ไว้ตลอดเวลา จึงจะสามารถสั่งพิมพ์งานได้ แต่ถ้าเป็นการเชื่อมต่อแบบEthernet ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องนำเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ มาเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่สามารถนำเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ เครื่องที่มีมาตรฐานการเชื่อมต่อแบบ Ethernet นั้นไปเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายด้วยสาย LAN ได้ทันที เสมือนการทำงานว่าเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ เครื่องนั้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ในการทำงานก็สามารถสั่งพิมพ์งานได้ทันที สะดวกและรวดเร็วประหยัดพลังงานมากกว่าแบบแรก
โทนเนอร์ก็มีส่วนสำคัญครับ ถ้าราคาโทนเนอร์แพงก็ไม่คุ้มค่าที่จะใช้งานต้องระมัดระวังในส่วนนี้ด้วย กระดาษที่ใช้กับเครื่อง Laser สามารถใช้ กระดาษขนาด A4 บางรุ่นก็สามารถพิมพ์กระดาษขนาด A3 ได้ ส่วนถาดใส่กระดาษใน Laser บางรุ่นสามารถเพิ่มถาดกระดาษได้ เหมาะสำหรับงานที่มี ปริมาณเอกสารมาก ไม่ต้องกังวลว่าปริมาณกระดาษจะพอไหม ในส่วนการใช้งาน Laser พริ้นเตอร์แบบขาว- ดำเหมาะสำหรับผู้ใช้ที่เน้นงานเอกสารเป็นหลัก ไม่ต้องการพิมพ์รูปภาพ หรือข้อความที่เป็นสี ทำให้ได้ตัวอักษรที่คมชัดกว่าเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ Inkjet หลายเท่า ส่วน Laser พริ้นเตอร์แบบสีเหมาะสำหรับผู้ใช้ ที่เน้นงานด้านรูปภาพ แต่ก็มีงานด้านเอกสารด้วย
เครื่องมัลติฟังก์ชัน (Multifunction) หรือ All-In-One (AIO) น้องใหม่ที่ออกมาพร้อมอุปกรณ์ทำงานที่ครบเครื่องทั้ง พิมพ์ สแกน ก๊อปปี้ และส่งแฟกซ์ คุ้มค่ากับราคาที่น่าลอง
ก่อนอื่นเรามาเริ่มทำความรู้จักกับอุปกรณ์นี้กันก่อน สำหรับเครื่องมัลติฟังก์ชันหรือออลอินวันจะเป็นการนำเอาความสามารถและฟังก์ชันการทำงานของ อุปกรณ์ต่อพ่วงหลัก ๆ มารวมเข้าไว้ด้วยกันอย่างครบชุด ซึ่งประกอบไปด้วย เครื่อง Printer พริ้นเตอร์หรือ ปริ้นเตอร์ เครื่องสแกนเนอร์ เครื่องถ่ายเอกสาร และเครื่องแฟกซ์ แต่สำหรับ เครื่องมัลติฟังก์ชั่นในบางรุ่นอาจจะไม่ได้รวมเอาเครื่องแฟกซ์มาด้วยก็ได้ แต่หลัก ๆ อย่างไรก็สามารถพิมพ์งาน สแกน และถ่ายเอกสารได้ครับส่วนการทำงานของเครื่องมัลติฟังก์ชันมีการพัฒนาในเรื่องของการทำงานให้มีการทำงานร่วมกันได้อย่างเต็มที่มากขึ้น อย่างที่เราจะเห็นได้จาก ฟังก์ชันในการถ่ายเอกสารนั่นเองซึ่งจะเป็นการประสานงานในการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องสแกนเนอร์กับพริ้นเตอร์ นอกจากนี้ยังได้มีการเพิ่มฟังก์ชัน ในการสั่งงานบางอย่างที่จะช่วยให้การถ่ายขั้นตอนการถ่ายเอกสาร
1. วางต้นฉบับที่จะถ่ายเอกสารคว่ำหน้าลงบนแผ่นกระจกของเครื่องถ่ายเอกสาร
2. กดปุ่มเลือกขนาดของขนาดของกระดาษที่ต้องการเป็นสำเนา
3. หากต้องการสำเนามากกว่า 1 ฉบับให้กดปุ่มตัวเลขเลือกจำนวนสำเนาที่ต้องการ
4. กดปุ่มถ่ายเพื่อให้ได้สำเนาตามที่ต้องการ
5. ก่อนการใช้เครื่องถ่ายเอกสาร ผู้ใช้ควรศึกษารายละเอียด วิธีใช้และคำแนะนำต่าง ๆ จากคู่มือของเครื่อง และทำตามคำแนะนำของเครื่อง
6. การติดตั้งเครื่องถ่ายเอกสาร ไม่ควรตั้งในที่ที่มีฝุ่นมาก ๆ เพราะจำทำให้ฝุ่นเข้าไปในเครื่องทำให้เกิดการขัดข้อง
7. การใช้เครื่องถ่ายเอกสาร มักจะมีการนำเอารวดเย็บกระดาษมาใช้เย็บกระดาษที่ถ่ายเอกสารจึงควรระวังรวดเย็บกระดาษจะตกเข้าไปในเครื่อง
8. ควรตรวจดูผงหมึกให้มีปริมาณเพียงพอในการใช้งาน
9. กระดาษที่นำมาใช้ถ่ายเอกสารจะต้องไม่มีความชื้น เพราะหากกระดาษมีความชื้นจะทำให้สำเนาที่ได้ไม่มีคุณภาพ
10. ปิดสวิตซ์ไฟหลังจากเลิกใช้งาน ไม่ควรเปิดเครื่องทิ้งไว้หากไม่ได้ใช้งาน เพราะจะทำให้เครื่องร้อน
11. ใช้ผ้าคลุมเครื่องเพื่อป้องกันฝุ่นละอองเข้าเครื่อง
12. ควรคลี่กระดาษก่อนเข้าเครื่องและไม่ใสกระดาษลงไปในถาดป้อนกระดาษ เกินขีดจำกัดเพื่อป้องกันไม่ให้กระดาษติด
การถ่ายเอการแบบอัตโนมัติ
1. ให้ตรวจดุไฟบอกหน้าที่การถ่ายเอกสารแบบอัตโนมัติว่าอู่ในตำแหน่งเปิดความเข้มจะปรับเองโดยอัตโนมัติตามคุณภาพ และความเข้มของต้นฉบับเอกสาร
2. ปรับการถ่ายเอกสารด้วยความคมชัดในแบบการใช้ระบบควบคุมการถ่ายเอกสารแบบอัตโนมัติหากสีของต้นฉบับเข้มเกินไปหรือออ่อนเกินไปในเวลาการใช้ระบบควบคุมการถ่ายเอกสารอัตโนมัติโดยปรับความชัดดังนี้ กดปุ่มการใช้ตามโปรแกรม อักษร E จะปรากฏในช่องบอกสำเนา กดปุ่มหมายเลข 7 ขนาดการตั้งความเข้มในการถ่ายเอกสารนี้ จะเป็นตัวเลขกระพริบในช่องไฟบอกความเข้ม ตั้งเพิ่มหรือลดโดยกดปุ่มปรับความเข้ม ยิ่งค่าสูงขึ้นเท่าใด ความเข้มของสีเท่านั้นตัวเลขค่ายิ่งจะลดลงเท่าใด
3. การควบคุมด้วยมือ กดปุ่ม เปิด/ปิด ของระบบควบคุมคว
การแปล กรุณารอสักครู่..
