เรื่องราวดำเนินไประหว่างด้านของความ

เรื่องราวดำเนินไประหว่างด้านของความเนิร์ด และด้านของความรัก ช่วงหนึ่ง หนังจะเดินผ่านโจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่ได้ฟังแค่เสียงและอ่านจากซับแล้วนึกภาพของมันไม่ออก (นี่ถ้ามีภาพประกอบด้วยก็คงจะดี) จนทำให้เป็นช่วงที่เราเข้าไม่ถึงพวกเขา แต่พอมันกลับมาฉากความสัมพันธ์ในครอบครัว ฉากความสัมพันธ์ของเขากับคุณครู ฉากการแข่งขันระหว่างทีม และฉากกุ๊กกิ๊กของหนุ่มสาว เรากลับเข้าใจมันได้ง่ายดาย

จะเรียกว่า ‘X+Y’ เป็นหนังรักเสียทีเดียวก็คงจะไม่ใช่ หลายคนมองว่ามันเป็นหนังครอบครัวเสียมากกว่า และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ แม้ว่าเราจะไม่ค่อยจะอินนักกับความรักของแม่ที่ลูกออทิสติกอย่างนาธานไม่เคยใส่ใจ แต่บทลงเอยของมัน

ก็กระชากน้ำตาให้ไหลรินออกมาได้…อย่างไม่น่าเชื่อ

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

The story continues between the sides of the nerd, and aspects of love. The one we walk through mathematical problem solving, can listen to and read from sub just sound and picture it out. (this is illustrated to be good).But when it came back to the scene of family relation. The scene of his relationship with the teacher. The scene match between the teams and the scene made out of young people. We understand it easily!
.To be called 'X Y' is a completely would not. Many see it as a family movie, rather. And so it was. Although we are not in a mother's love child with autism like Nathan never mind.
choked tears flowing out... Incredible.