การกระทำผิดที่จะต้องได้รับโทษตามกฎห

การกระทำผิดที่จะต้องได้รับโทษตามกฎหมาย กฎหมายจะต้องระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่า หากคนใดทำลงไปแล้วจะเป็นความผิด ดังนั้นหากกฎหมายไม่ได้กำหนดเอาไว้เลยว่า ทำแล้วจะเป็นความผิด เราก็สามารถทำสิ่งนั้นๆ ได้อย่างแน่นอน อันนี้เป็นหลักการของกฎหมายอันแรกสุด
หลักการอันที่สอง แม้ว่ากฎหมายจะได้กำหนดห้ามเอาไว้ชัดเจนแล้วว่า ห้ามทำ แต่หากมีใครฝ่าฝืนข้อห้ามนั้นทำความผิดขึ้นมา กฎหมายก็ยังไม่สามารถลงโทษได้ทันที เพราะว่าจะต้องมาดูหลักเกณฑ์นี้เสียก่อน ซึ่งก็คือ เจตนาในการทำความผิด หากขาดเจตนาตัวนี้แล้ว แม้จะทำความผิด แต่บุคคลนั้นอาจจะไม่ต้องรับโทษก็ได้ เพราะไม่มีเจตนาจะทำผิด

คำว่า เจตนา มีลักษณะอย่างไร ?
เจตนาก็คือความตั้งใจ ความจงใจ หรือการมุ่งหมายจะให้เป็นอย่างนั้น ซึ่งรวมๆ แล้วก็คือ การมีจิตสำนึกที่ปกติ สามารถรับรู้ได้ถึงเรื่องต่างๆ สามารถแยกแยะได้ว่าอะไรถูกผิด เป็นต้น
ดังนั้นการทำผิดโดยมีเจตนาที่จะทำผิด จึงต้องรับโทษตามกฎหมายว่าด้วยความผิดนั้น
ส่วนหากใครไม่มีเจตนาที่จะทำผิด แต่ก็ได้ทำความผิดขึ้น อย่างนี้อาจเรียกว่าทำผิด แต่ไม่ต้องรับโทษ

การที่คนทำความผิดจะต้องได้รับโทษทางกฎหมาย คำทำผิดจะต้องมีเจตนาทำด้วยเสมอ หลักการใหญ่ทางกฎหมายจะถือเรื่องเจตนาในการทำความผิดนั้นเป็นสำคัญ แต่ก็ไม่เสมอไปทั้งหมด เพราะบางกรณีบางเรื่องแม้คนทำจะไม่ได้มีเจตนาทำความผิด เนื่องจากเกิดขึ้นจากความไม่ตั้งใจ เช่น เกิดการประมาทไม่ระมัดระวังอย่างนี้ กฏหมายอาจถือว่าคนนนั้นได้ทำผิดและต้องรับโทษด้วยก็ได้ แต่กฎหมายก็จะต้องกำหนดหรือระบุเอาไว้อย่างชัดเจน

คำพิพากษา คือ การนำหลักกฎหมายที่บัญญัติไว้ มาปรับใช้กับเรื่องราวที่เกิดข้อโต้แย้งขึ้นระหว่างคนในสังคม ข้อเท็จจริงตามคำพิพากษา เป็นเรื่องราวของคนในสังคม ที่เกิดขึ้นจริง และมีการต่อสู้คดีกันในข้อกฎหมายซึ่งพิจารณาและพิพากษาคดี มาเป็นเวลานาน นอกจากนี้ ก่อนที่คำพิพากษาเรื่องหนึ่งจะออกมาได้นั้น ก็ผ่านการตรวจสอบหลายขั้นตอน ดังนั้น คำพิพากษาจึงเป็นงานเขียนที่ใช้ถ้อยคำสละสลวย กระชับ ตรงประเด็น ได้ใจความ เหมาะแก่การนำมาศึกษาเพื่อฝึกการนำกฎหมายที่มีอยู่ มาปรับใช้กับข้อเท็จจริงในคำพิพากษาเรื่องหนึ่ง นั้น จะมีประเด็นข้อกฎหมาย ตามที่คู่ความโต้แย้งขึ้นมาอาจยังมีข้อกฎหมายอีกหลายข้อ ที่ศาลไม่ได้วินิจฉัยเพราะไม่มีใครขอให้วินิจฉัยเพราะฉะนั้นคำติดสินของศาลจะต้องตั้งอยู่บนความยุติธรรม

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

การกระทำผิดที่จะต้องได้รับโทษตามกฎหมาย กฎหมายจะต้องระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่า หากคนใดทำลงไปแล้วจะเป็นความผิด ดังนั้นหากกฎหมายไม่ได้กำหนดเอาไว้เลยว่า ทำแล้วจะเป็นความผิด เราก็สามารถทำสิ่งนั้นๆ ได้อย่างแน่นอน อันนี้เป็นหลักการของกฎหมายอันแรกสุดหลักการอันที่สอง แม้ว่ากฎหมายจะได้กำหนดห้ามเอาไว้ชัดเจนแล้วว่า ห้ามทำ แต่หากมีใครฝ่าฝืนข้อห้ามนั้นทำความผิดขึ้นมา กฎหมายก็ยังไม่สามารถลงโทษได้ทันที เพราะว่าจะต้องมาดูหลักเกณฑ์นี้เสียก่อน ซึ่งก็คือ เจตนาในการทำความผิด หากขาดเจตนาตัวนี้แล้ว แม้จะทำความผิด แต่บุคคลนั้นอาจจะไม่ต้องรับโทษก็ได้ เพราะไม่มีเจตนาจะทำผิดคำว่า เจตนา มีลักษณะอย่างไร ? เจตนาก็คือความตั้งใจ ความจงใจ หรือการมุ่งหมายจะให้เป็นอย่างนั้น ซึ่งรวมๆ แล้วก็คือ การมีจิตสำนึกที่ปกติ สามารถรับรู้ได้ถึงเรื่องต่างๆ สามารถแยกแยะได้ว่าอะไรถูกผิด เป็นต้น So wrong with the intent to do wrong. So it must be punished according to the law wrong. Best if there is no intent to do wrong, but they made the mistake. This may be called the wrong but does not accept blame. การที่คนทำความผิดจะต้องได้รับโทษทางกฎหมาย คำทำผิดจะต้องมีเจตนาทำด้วยเสมอ หลักการใหญ่ทางกฎหมายจะถือเรื่องเจตนาในการทำความผิดนั้นเป็นสำคัญ แต่ก็ไม่เสมอไปทั้งหมด เพราะบางกรณีบางเรื่องแม้คนทำจะไม่ได้มีเจตนาทำความผิด เนื่องจากเกิดขึ้นจากความไม่ตั้งใจ เช่น เกิดการประมาทไม่ระมัดระวังอย่างนี้ กฏหมายอาจถือว่าคนนนั้นได้ทำผิดและต้องรับโทษด้วยก็ได้ แต่กฎหมายก็จะต้องกำหนดหรือระบุเอาไว้อย่างชัดเจนคำพิพากษา คือ การนำหลักกฎหมายที่บัญญัติไว้ มาปรับใช้กับเรื่องราวที่เกิดข้อโต้แย้งขึ้นระหว่างคนในสังคม ข้อเท็จจริงตามคำพิพากษา เป็นเรื่องราวของคนในสังคม ที่เกิดขึ้นจริง และมีการต่อสู้คดีกันในข้อกฎหมายซึ่งพิจารณาและพิพากษาคดี มาเป็นเวลานาน นอกจากนี้ ก่อนที่คำพิพากษาเรื่องหนึ่งจะออกมาได้นั้น ก็ผ่านการตรวจสอบหลายขั้นตอน ดังนั้น คำพิพากษาจึงเป็นงานเขียนที่ใช้ถ้อยคำสละสลวย กระชับ ตรงประเด็น ได้ใจความ เหมาะแก่การนำมาศึกษาเพื่อฝึกการนำกฎหมายที่มีอยู่ มาปรับใช้กับข้อเท็จจริงในคำพิพากษาเรื่องหนึ่ง นั้น จะมีประเด็นข้อกฎหมาย ตามที่คู่ความโต้แย้งขึ้นมาอาจยังมีข้อกฎหมายอีกหลายข้อ ที่ศาลไม่ได้วินิจฉัยเพราะไม่มีใครขอให้วินิจฉัยเพราะฉะนั้นคำติดสินของศาลจะต้องตั้งอยู่บนความยุติธรรม

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:

The offense will be punished by law. The law must be stated clearly. If people do not want to be guilty. So if the law is not defined yet. Then to a fault We can do those things. Certainly This is a principle of law that the first
two principles. Although the law will prohibit it clear that I do, but if someone violates that prohibition was wrong. The law is yet to be punished immediately. You will have to see this first criterion which is intended to make the mistake. If the intent of this Despite the mistake But that person may not be punished also. I had no intention to do that intentionally look like. ? The intent is that the intention of deliberately or intended to be so, then which is the normal consciousness. Can recognize the issues. Can distinguish between what is right and wrong. So so wrong with intent to do wrong. He must be punished according to the law of sin and if you have no intention to do wrong. But more mistakes This may be called a mistake. The impunity of the guilty will be punished by law. Words do not always have to be made ​​with intent. A legal framework to hold the intention of making a major mistake. But it's not always all Because some cases, some people do not even have deliberately wrong. The emergence of such a careless mistake, this is not careful. Laws may be someone else's fault and impunity with. But the law, it must be stated clearly defined or judgment is to bring the provisions of the law. The story was adapted for use with an argument between people in society. Facts judgment It is the story of people in society Actual And litigation in which the law and justice. In addition, for a long time before a final judgment is issued to that one. Audited several steps, so the judgment is written using euphemisms tighten to the point concise suitable for students to practice applying existing laws. Apply to the facts in the judgment, one that will have legal issues. According to the parties, the dispute may also have other legal restrictions. The court has ruled, because no one asks therefore the decision of the court decisions will be based on justice.

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

Crime must be punished by law. The law must be stated clearly. If a man has done is wrong. So if the law is not defined that do will be wrong. We can do things.This is the principle of law first
.The principle of the second Although the law will determine forbids it clear that, you can't do, but if anyone violates the prohibition that ทำความผิด. The law was unable to punish immediately. Because must look for in advance, which isWithout intention, this despite the mistake, but that person may not be right, because ไม่มีเจตนา mistakes
.