Maldives is a country with a population of just 3 hundred thousand people but there are tourists to five million visitors per year. Tourism plays a major role here, particularly as the Maldives economy. While the Maldives has the highest revenue from tourism, but there are no production. Everything must be imported, it is an opportunity for Thai businessmen to do business on tourism and consumer goods. 1. basic information India Ocean Island area In the southwest of India, and Western Sri Lanka. พื้นที่ ความยาวจากเหนือจรดใต้ 820 กิโลเมตร จากตะวันออกจรดตะวันตก 120 กิโลเมตร แต่เป็นพื้นที่ดินรวมเพียง 300 ตารางกิโลเมตรประกอบด้วยหมู่เกาะปะการัง 26 กลุ่ม (atoll) รวม 1,192 เกาะ มีประชากรอาศัยอยู่เพียงประมาณ 200 เกาะ และได้รับการพัฒนาเป็นโรงแรมสำหรับนักท่องเที่ยว 74 เกาะ เมืองหลวง กรุงมาเล (Male) เมืองสำคัญอื่นๆ กาน (Gan) ทางตอนใต้สุดของประเทศ มีสนามบินภายในประเทศในอดีตอังกฤษเคยใช้เป็นฐานทัพแห่งหนึ่งในมหาสมุทรอินเดีย ภูมิอากาศ เป็นแบบเขตร้อนชื้น อุณหภูมิเฉลี่ย 27-30 C ตลอดทั้งปีช่วงที่ปราศจากมรสุม ได้แก่ ช่วงเดือนธันวาคม — มีนาคม ประชากรประมาณ 369,031 คน นักท่องเที่ยว — 5 ล้านคนต่อปี อัตราการรู้หนังสือ 96% เชื้อชาติ สิงหล ดราวิเดียน อาหรับและแอฟริกัน วันชาติ/วันได้รับเอกราช 6 กรกฎาคม ค.ศ. 1965 (พ.ศ. 2508) ภาษา มัลดิเวียนดิเวฮี (Maldivian Divehi) ซึ่งมีสำเนียงแบบภสิงหลา และใช้ตัวอักษรอาหรับ ศาสนา อิสลาม นิกายซุนนี หน่วยเงินตรา รุฟิยา (Rufiyaa) 1 รุฟิยา มี 100 ลาริ (Laari) 1 เหรียญสหรัฐ เท่ากับประมาณ 13 รุฟิยา หรือ 1 รุฟิยา ประมาณ 2.6 บาท (มีนาคม 2550) ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ 1,049 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2550) รายได้เฉลี่ยต่อหัว 3,040 ดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2550) การขยายตัวทางเศรษฐกิจ 6.6 % (ปี 2550) ระบอบการปกครอง มัลดีฟส์ปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐ ใช้กฎหมายอิสลามเป็นพื้นฐานผสมกับระบบ Common Law ของอังกฤษ ประธานาธิบดีมาจากการเลือกตั้งโดยตรง อยู่ในตำแหน่งคราวละ 5 ปี เป็นประมุขรัฐและหัวหน้ารัฐบาล ประธานาธิบดีคนปัจจุบันคือนาย มอมูน อัลดุล กายูม (Maumoon Abdul Gayoom) ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีมัลดีฟส์ โดยเข้ารับตำแหน่งเป็นสมัยที่ 6 เมื่อ เดือน ตุลาคม 2547 2. เชื้อชาติ ชนพื้นเมืองที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในประเทศมัลดีฟส์ คือกลุ่มผู้ใช้ตระกูลภาษาอินโด-อารยันซึ่งอพยพมาจากศรีลังกา เมื่อหลายศตวรรษแล้ว และเป็นบรรพบุรุษของชาวมัลดีฟส์ในปัจจุบันพยพเข้ามา ต่อมาในศตวรรษที่ 12 ก็มีชาวแอฟริกัน และชาวอาหรับ อพยพมาอยู่อาศัยกัน 3. เศรษฐกิจ โครงสร้างทางเศรษฐกิจของมัลดีฟมีการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมหลัก โดยมีสัดส่วน 28% ของ GDP และเมื่อรวมธุรกิจบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงและโดยอ้อมด้วยแล้ว ภาคบริการมีสัดส่วนถึง 77% ของ GDP ปัจจุบันกว่า 60% ของรายได้ประเทศมาจากการท่องเที่ยว มัลดีฟมีรีสอร์ตมากกว่า 87 แห่ง และมีนักท่องเที่ยวมากกว่า 5 ล้านคนไปเยือนมัลดีฟในปี 2550 ทั้งนี้เกือบทุกเดือนจะมีรีสอร์ตแห่งใหม่เกิดขึ้นเสมอ ภายหลังเหตุการณ์สึนามิ มัลดีฟส์ได้รับผลกระทบอย่างมาก เป็นผลให้นักท่องเที่ยวลดลงกว่าร้อยละ 25 และสูญเสียรายได้จำนวนมหาศาล มัลดีฟส์จึงระดมทุนจากนานาประเทศเพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยว และจัดกิจกรรมเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวกลับมาสู่มัลดีฟส์ สำหรับประมงและการเกษตร ซึ่งมีสัดส่วน 16% ของ GDP เริ่มมีความสำคัญน้อยลงเนื่องมาจากข้อจำกัดด้านพื้นที่ทางการเกษตรและแรงงานมีน้อย (แต่เป็นแรงงานที่มีคุณภาพและการศึกษาสูง) อย่างไรก็ตามมัลดีฟยังคงเป็นประเทศผู้ส่งออกทูน่าที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก ส่วนในด้านสินค้าอาหารส่วนใหญ่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ภาคอุตสาหกรรมมีสัดส่วนเพียง 7% โดยส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมผลิตเสื้อผ้า การต่อเรือขนาดเล็กและ สินค้าหัตถกรรม ในปี 2543 รัฐบาลมัลดีฟได้เริ่มมีการฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยการยกเลิกโควตาการนำเข้าและเปิดเสรีการส่งออกให้เอกชนสามารถดำเนินการได้ในบางสาขา และในเวลาต่อมาก็ได้มีการลดข้อจำกัดด้านการค้าการลงทุนลงไปมาก ส่งผลให้มีการไหลเข้าของการลงทุนจากต่างประเทศมากยิ่งขึ้น ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของมัลดีฟในปี 2550 มีมูลค่า 1,049 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเฉลี่ย 7.5% ต่อปี รายได้ต่อหัวของมัลดีฟสูงที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียใต้ โดยมีรายได้ประมาณ 3,040 เหรียญ/คน/ปี จุดแข็งของการท่องเที่ยวของมัลดีฟคือธรรมชาติที่ยังบริสุทธิอยู่มาก มีชายหาดขาว น้ำทะเลสีฟ้าครามใสสะอาดที่พบเห็นทั่วไปทุกหมู่เกาะ และยังมีแนวปะการังที่ยาวและสวยงามติดอันดับโลก เป็นที่สนใจแก่ผู้รักการว่ายน้ำ สายลม แสงแดด การดำน้ำ การพักผ่อนทั้งครอบครัว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการฮันนีมูน นักท่องเที่ยวของมัลดีฟเป็นนักท่องเที่ยวระดับบนเป็นส่วนมาก โดยส่วนใหญ่มาจากยุโรปและเอเชีย สัญชาตินักท่องเที่ยวจากยุโรปที่สำคัญคือ อิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และอังกฤษ ขณะที่นักท่องเที่ยวจากเอเชีย ส่วนใหญ่จะเป็น ญี่ปุ่น ฮ่องกง และจีน ปัจจุบันมัลดีฟเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของโลก มีโรงแรมดังๆ จากทั่วโลกมาเปิดให้บริการแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Hilton, Four Seasons, Club Med, One & Only อีกทั้งสถาบันการเงินชั้นนำของโลก ก็ได้ไปเปิดให้บริการแล้วเช่นกัน เช่น ธนาคาร Hong-Kong and Shanghai เป็นต้น
4. การค้าระหว่างประเทศ
มูลค่าส่งออกปี 2550 : 167 ล้านเหรียญสหรัฐ
สินค้าส่งออกสำคัญ มีชนิดเดียวคือ ปลา โดยเฉพาะปลาทูนา
ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ ประเทศไทย 50% ศรีลังกา 15% อังกฤษ 11.5% ฝรั่งเศส 8.4% อัลจีเรีย 7.8% และญี่ปุ่น6.1%
มูลค่าการนำเข้าปี 2550: 940 ล้านเหรียญสหรัฐ
สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เรือขนาดใหญ่ ผลิตภัณฑ์อาหาร เสื้อผ้า สินคาอุปโภคบริโภค สินค้ากึ่งสำเร็จรูปและสินค้าทุน
แหล่งนำเข้าสำคัญ ได้แก่ สิงคโปร์ 22.7%, UAE 15.5%, อินเดีย 11.2%, มาเลเซีย 10.8%, ศรีลังกา 5.7%, และประเทศไทย5.3%
5. การค้ากับประเทศไทย
การส่งออกของไทยไปมัลดีฟเฉลี่ยปีละ 50 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้าสำคัญได้แก่ สินค้า อุปโภคบริโภค เช่น เสื้อผ้าสำเร็จรูป อาหาร ผลิตภัณฑ์พลาสติก รถจักรยานยนต์ ตู้เย็น และสินค้าเครื่องก่อสร้าง เช่น ปูนซีเมนต์ เหล็กและเหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น
การนำเข้าของไทยจากมัลดีฟเฉลี่ยปีละ
การแปล กรุณารอสักครู่..