โรคปวดศรีษะไมเกรน (Migraines) อาการปวดศีรษะไมเกรน อาการปวดศรีษะแบบปวดไ การแปล - โรคปวดศรีษะไมเกรน (Migraines) อาการปวดศีรษะไมเกรน อาการปวดศรีษะแบบปวดไ อังกฤษ วิธีการพูด

โรคปวดศรีษะไมเกรน (Migraines) อาการ

โรคปวดศรีษะไมเกรน (Migraines)
อาการปวดศีรษะไมเกรน
อาการปวดศรีษะแบบปวดไมเกรนจะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายในส่วนสัด 2 ต่อ 1 โดยอาการปวดศีรษะชนิดนี้จะปวดเป็นพักๆ ปวดข้างใดข้างหนึ่ง ปวดแบบตุบๆ เหมือนชีพจรกำลังเต้นนอกจากนี้ ยังมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ตาพร่ามัว หรือเห็นแสงสีร่วมอยู่ด้วย โดยอาการปวดจะเกิดขึ้นนาน 2-3 ชั่วโมง แล้วจะทุเลาลง หลังจากนั้นจะมีอาการปวดขึ้นใหม่ และจะมีอาการปวดในลักษณะนี้ติดต่อกันวันละครั้ง หรืออาทิตย์ละหลายครั้ง

สำหรับสาเหตุของอาการปวดศีรษะไมเกรนยังไม่เป็นที่ราบแน่ชัด แต่การศึกษาทางการแพทย์เชื่อว่าเกิดจากการขยายตัวของหลอดเลือดในสมอง อย่างผิดปกติ ทำให้มีสารเคมีที่ทำให้มีอาการปวดเกิดขึ้นที่ปลายประสาทรับความรู้สึกในส่วนของหน้า และศีรษะ จึงทำให้เกิดอาการปวดศีรษะไมเกรน
ปัจจัยที่กระตุ้นให้มีอาการปวดศีรษะไมเกรน
• อาหารที่มี สารกันบูด ถั่ว เนย ช็อกโกแลต ยาขยายหลอดเลือด
• อดอาหารนานๆ น้ำตาลในเลือดต่ำ
• นอนไม่เป็นเวลา เนื่องจากทำงานเป็นกะ หรือเดินทางไปต่างประเทศที่มีเวลาคลาดเคลื่อนกับประเทศไทย เป็นต้น
• ฮอร์โมนเพศหญิง มีประจำเดือนหรือแม้แต่การตั้งครรภ์ในระยะแรก
• อากาศร้อน แดดร้อน กลิ่นน้ำหอม กลิ่นเหม็น ควันบุหรี่ ควันจากท่อไปเสีย

การวินิจฉัยอาการปวดศีรษะไมเกรน
จะวินิจฉัยจากประวัติของอาการปวด การตรวจร่างกายทางระบบประสาท รวมถึงโรคของสมองหรือไขสันหลัง ซึ่งพบว่า อาการคลื่นไส้ และอาเจียน เมื่อออกกำลังกายจะมีอาการปวดมากขึ้น โดยอาการเหล่านี้เป็นลักษณะจำเพาะของอาการปวดศีรษะไมเกรน ทั้งนี้ หากมีการตรวจร่างกายและระบบประสาทแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติ ขณะเดียวกัน เมื่อมีการตรวจสมองแล้วก็ไม่มีข้อบ่งชี้กับอาการปวด แพทย์ก็จะวินิจฉัยว่าเป็นอาการปวดศีรษะไมเกรน


โรคปวดศรีษะจากความเครียด (Tension Headache)

อาการปวดศีรษะจากความเครียด เป็นภาวะที่พบได้บ่อยมากในคนทั่วไป กล่าวคือ ประมาณร้อยละ 80-90 ของผู้ที่มีอาการปวดศีรษะ จะมีสาเหตุมาจากความเครียด โดยพบในผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก และพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ซึ่งสาเหตุก็มีหลายอย่าง เช่น ทำงานหนัก ใช้สมองมาก อารมณ์เครียด กังวลใจหรือ นอนหลับไม่พเพียงพอ เป็นต้น ทำให้มีอาการปวดตึงของกล้ามเนื้อตรงต้นคอและรอบ ๆ ศีรษะ

ลักษณะอาการ
ผู้ป่วยจะมีอาการปวดตื้อ ๆ หนัก ๆ ตรงบริเวณต้นคอ หรือท้ายทอย หรืออาจจะปวดรอบศีรษะคล้ายถูกเข็มขัดรัด บางคนอาจปวดตื้อไปทั่วศีรษะ และส่วนมากแล้วก็มักจะปวดตอนบ่าย ๆ หรือเย็น ๆ จะไม่มีอาการปวดหลังตื่นนอนตอนเช้า และถ้าได้นอนพักสักครู่อาจทุเลาหายไปได้เอง ที่น่าสังเกตุก็คือ อาการปวดมักเป็นอยู่เพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็ทุเลาไปได้เอง แต่ก็มีบางคนเหมือนกันที่อาจปวดต่อเนื่องเป็นวัน ๆ การปวดลักษณะนี้โดยมากจะไม่มีอาการอื่น ๆ เช่น ตาพร่ามัว คลื่นไส้ อาเจียน เป็นไข้ และ เป็นหวัด เป็นต้น ร่วมด้วย ซึ่งการตรวจร่างกาย จะไม่พบสิ่งที่ผิดปกติแต่อย่างใด รวมทั้งความดันเลือด ก็จะอยู่ในเกณฑ์ปกติด้วย

ข้อแนะนำ
1. การปวดศีรษะจากความเครียด ถือเป็นภาวะที่ไม่รุนแรง แต่อาจเป็น ๆ หาย ๆได้บ่อย อย่างไรก็ตาม ก่อนจะวินิจฉัยโรคนี้ ควรตรวจวัดความดัน และซักถามอาการให้ถ้วนถี่จนแน่ใจว่าไม่มีสาเหตุที่ร้ายแรงเสียก่อน
2. โรคนี้ควรแยกออกจากโรคไมเกรน ซึ่งจะมีลักษณะปวดตุบ ๆ ที่ขมับ แต่บางครั้งอาจแยกกันไม่ชัด แต่อย่างไรก็ตาม การดูแลรักษาเบื้องต้นก็ไม่ต่างกัน
3. ในรายที่เป็นเนื้องอกในสมองระยะแรกเริ่มอาจมีอาการปวดศีรษะไม่มาก คล้ายปวดศีรษะจากความเครียดก็ได้ แต่ต่อมาจะปวดถี่ขึ้นและแรงขึ้น มักจะปวดตอนดึกหรือเช้ามืด จนทำให้สะดุ้งตื่น และเป็นเรื้อรัง ดังนั้น ถ้าพบคนที่มีอาการปวดศีรษะในลักษณะดังกล่าว หรือเป็น ๆ หาย ๆ นานเกิน 2 สัปดาห์ ควรแนะนำให้ไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาล
4. สำหรับผู้ที่มีอาการปวดศีรษะจากความเครียดเป็นประจำ ควรแนะนำให้พักผ่อนให้เพียงพอ อย่าคร่ำเคร่งกับการงานจนเกินไป ออกกำลังกายเป็นประจำ และหาทางผ่อนคลายความเครียดด้วยวิธีต่าง ๆ


โรคปวดศรีษะแบบคลัสเตอร์ หรือ ปวดศรีษะข้างเดียว

อาการปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ (cluster headache) คือ อาการปวดรุนแรงแบบข้างเดียว ซึ่งมักจะปวดตุบๆที่กระบอกตา หรือรอบๆ ตา หรือที่บริเวณขมับ และมักจะเป็นข้างเดียว โดยอาการปวดอาจจะเกิดขึ้นเป็นช่วงยาวประมาณ 10-200 นาที และอาการปวดอาจเกิดวันเว้นวัน หรือปวดบ่อยถึงวันละ หลายครั้ง แต่ส่วนใหญ่แล้ว มักเกิดขึ้นวันละ 1-2 ครั้ง

อย่างไรก็ตาม ลักษณะเฉพาะของอาการปวดศีรษะแบบนี้ จะเป็นอยู่หลายวันนานถึงหลายสัปดาห์ และมีช่วงเวลาที่หายจากอาการปวดเป็นเดือนหรืออาจจะถึงปีแล้วก็กลับมาเป็นใหม่ โดยที่ในบางรายอาจมีอาการร่วมได้แก่น้ำตาไหล คัดจมูก น้ำมูกไหล เหงื่อออก บริเวณหน้าผาก เปลือกตาและใบหน้าข้างที่เป็นมีอาการบวม อาจมีอาการหนังตาตก และรูม่านตาหด

ทั้งนี้ ทางการแพทย์พบว่า อาการปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์นี้ พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงถึง 5-6 เท่า และพบน้อยกว่าไมเกรน 10-50

การรักษาด้วยยา
เนื่องจากโรคนี้บางครั้งเป็นแค่ 10 นาทีแล้วหายการใช้ยาอาจไม่จำเป็น แต่ในรายที่เป็นมากอาจจะต้องรักษาด้วยยา หรือการทำบล็อกเส้นประสาทเนื่องจากอาหารปวดศีรษะ แบบคลัสเตอร์เป็นการปวดหัวที่ทรมานมาก ถ้าทิ้งไว้นานอาจจะส่งผลให้เกิดการฆ่าตัวตายได้
ทั้งนี้จะต้องแยกจากภาวะอื่น เช่นแรงดันในสมองสูง


โรคปวดศรีษะจากแรงดันในสมองสูง(Increase Intracranial Pressure)

อาการปวดศีรษะ เนื่องจากความดันในสมองสูง มีสาเหตุจากการมีก้อน หรือสิ่งผิดปกติภายในสมอง เช่นเนื้องงอกในสมอง เลือดออกในสมอง น้ำคั่งในสมอง หรือการติดเชื้อในสมอง ฯลฯ ผู้ป่วยในกลุ่มนี้จะมีอาการปวดศีรษะได้หลากหลาย และบางครั้งทำให้การวินิจฉัยเกิดความล่าช้า อีกทั้ง โรคปวดศีรษะจากแรงดันในสมองสูงนี้ การรักษาจะแตกต่างจากโรคปวดศีรษะในกลุ่มอื่นอย่างสิ้นเชิง

เนื่องจากมีสาเหตุเฉพาะที่ทำให้แรงดันในสมองสูง จึงต้องรักษาที่ต้นเหตุ และมักจะหายขาดได้ แต่ถ้าช้าเกินไปโรคจะลุกลามทำให้มีผลเสียอย่างมากถึงขั้นทำลายเนื้อสมอง หรือเสียชีวิตได้

การวินิจฉัย
เนื่องจากผู้ป่วยในกลุ่มนี้ มีสาเหตุที่เกิดจากมีสิ่งผิดปกติ
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
โรคปวดศรีษะไมเกรน (Migraines) อาการปวดศีรษะไมเกรน อาการปวดศรีษะแบบปวดไมเกรนจะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายในส่วนสัด 2 ต่อ 1 โดยอาการปวดศีรษะชนิดนี้จะปวดเป็นพักๆ ปวดข้างใดข้างหนึ่ง ปวดแบบตุบๆ เหมือนชีพจรกำลังเต้นนอกจากนี้ ยังมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ตาพร่ามัว หรือเห็นแสงสีร่วมอยู่ด้วย โดยอาการปวดจะเกิดขึ้นนาน 2-3 ชั่วโมง แล้วจะทุเลาลง หลังจากนั้นจะมีอาการปวดขึ้นใหม่ และจะมีอาการปวดในลักษณะนี้ติดต่อกันวันละครั้ง หรืออาทิตย์ละหลายครั้ง สำหรับสาเหตุของอาการปวดศีรษะไมเกรนยังไม่เป็นที่ราบแน่ชัด แต่การศึกษาทางการแพทย์เชื่อว่าเกิดจากการขยายตัวของหลอดเลือดในสมอง อย่างผิดปกติ ทำให้มีสารเคมีที่ทำให้มีอาการปวดเกิดขึ้นที่ปลายประสาทรับความรู้สึกในส่วนของหน้า และศีรษะ จึงทำให้เกิดอาการปวดศีรษะไมเกรน ปัจจัยที่กระตุ้นให้มีอาการปวดศีรษะไมเกรน
• อาหารที่มี สารกันบูด ถั่ว เนย ช็อกโกแลต ยาขยายหลอดเลือด
• อดอาหารนานๆ น้ำตาลในเลือดต่ำ
• นอนไม่เป็นเวลา เนื่องจากทำงานเป็นกะ หรือเดินทางไปต่างประเทศที่มีเวลาคลาดเคลื่อนกับประเทศไทย เป็นต้น
• ฮอร์โมนเพศหญิง มีประจำเดือนหรือแม้แต่การตั้งครรภ์ในระยะแรก
• อากาศร้อน แดดร้อน กลิ่นน้ำหอม กลิ่นเหม็น ควันบุหรี่ ควันจากท่อไปเสีย

การวินิจฉัยอาการปวดศีรษะไมเกรน
จะวินิจฉัยจากประวัติของอาการปวด การตรวจร่างกายทางระบบประสาท รวมถึงโรคของสมองหรือไขสันหลัง ซึ่งพบว่า อาการคลื่นไส้ และอาเจียน เมื่อออกกำลังกายจะมีอาการปวดมากขึ้น โดยอาการเหล่านี้เป็นลักษณะจำเพาะของอาการปวดศีรษะไมเกรน ทั้งนี้ หากมีการตรวจร่างกายและระบบประสาทแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติ ขณะเดียวกัน เมื่อมีการตรวจสมองแล้วก็ไม่มีข้อบ่งชี้กับอาการปวด แพทย์ก็จะวินิจฉัยว่าเป็นอาการปวดศีรษะไมเกรน


โรคปวดศรีษะจากความเครียด (Tension Headache)

อาการปวดศีรษะจากความเครียด เป็นภาวะที่พบได้บ่อยมากในคนทั่วไป กล่าวคือ ประมาณร้อยละ 80-90 ของผู้ที่มีอาการปวดศีรษะ จะมีสาเหตุมาจากความเครียด โดยพบในผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก และพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ซึ่งสาเหตุก็มีหลายอย่าง เช่น ทำงานหนัก ใช้สมองมาก อารมณ์เครียด กังวลใจหรือ นอนหลับไม่พเพียงพอ เป็นต้น ทำให้มีอาการปวดตึงของกล้ามเนื้อตรงต้นคอและรอบ ๆ ศีรษะ

ลักษณะอาการ
ผู้ป่วยจะมีอาการปวดตื้อ ๆ หนัก ๆ ตรงบริเวณต้นคอ หรือท้ายทอย หรืออาจจะปวดรอบศีรษะคล้ายถูกเข็มขัดรัด บางคนอาจปวดตื้อไปทั่วศีรษะ และส่วนมากแล้วก็มักจะปวดตอนบ่าย ๆ หรือเย็น ๆ จะไม่มีอาการปวดหลังตื่นนอนตอนเช้า และถ้าได้นอนพักสักครู่อาจทุเลาหายไปได้เอง ที่น่าสังเกตุก็คือ อาการปวดมักเป็นอยู่เพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็ทุเลาไปได้เอง แต่ก็มีบางคนเหมือนกันที่อาจปวดต่อเนื่องเป็นวัน ๆ การปวดลักษณะนี้โดยมากจะไม่มีอาการอื่น ๆ เช่น ตาพร่ามัว คลื่นไส้ อาเจียน เป็นไข้ และ เป็นหวัด เป็นต้น ร่วมด้วย ซึ่งการตรวจร่างกาย จะไม่พบสิ่งที่ผิดปกติแต่อย่างใด รวมทั้งความดันเลือด ก็จะอยู่ในเกณฑ์ปกติด้วย

ข้อแนะนำ
1. การปวดศีรษะจากความเครียด ถือเป็นภาวะที่ไม่รุนแรง แต่อาจเป็น ๆ หาย ๆได้บ่อย อย่างไรก็ตาม ก่อนจะวินิจฉัยโรคนี้ ควรตรวจวัดความดัน และซักถามอาการให้ถ้วนถี่จนแน่ใจว่าไม่มีสาเหตุที่ร้ายแรงเสียก่อน
2. โรคนี้ควรแยกออกจากโรคไมเกรน ซึ่งจะมีลักษณะปวดตุบ ๆ ที่ขมับ แต่บางครั้งอาจแยกกันไม่ชัด แต่อย่างไรก็ตาม การดูแลรักษาเบื้องต้นก็ไม่ต่างกัน
3. ในรายที่เป็นเนื้องอกในสมองระยะแรกเริ่มอาจมีอาการปวดศีรษะไม่มาก คล้ายปวดศีรษะจากความเครียดก็ได้ แต่ต่อมาจะปวดถี่ขึ้นและแรงขึ้น มักจะปวดตอนดึกหรือเช้ามืด จนทำให้สะดุ้งตื่น และเป็นเรื้อรัง ดังนั้น ถ้าพบคนที่มีอาการปวดศีรษะในลักษณะดังกล่าว หรือเป็น ๆ หาย ๆ นานเกิน 2 สัปดาห์ ควรแนะนำให้ไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาล
4. สำหรับผู้ที่มีอาการปวดศีรษะจากความเครียดเป็นประจำ ควรแนะนำให้พักผ่อนให้เพียงพอ อย่าคร่ำเคร่งกับการงานจนเกินไป ออกกำลังกายเป็นประจำ และหาทางผ่อนคลายความเครียดด้วยวิธีต่าง ๆ


โรคปวดศรีษะแบบคลัสเตอร์ หรือ ปวดศรีษะข้างเดียว

อาการปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ (cluster headache) คือ อาการปวดรุนแรงแบบข้างเดียว ซึ่งมักจะปวดตุบๆที่กระบอกตา หรือรอบๆ ตา หรือที่บริเวณขมับ และมักจะเป็นข้างเดียว โดยอาการปวดอาจจะเกิดขึ้นเป็นช่วงยาวประมาณ 10-200 นาที และอาการปวดอาจเกิดวันเว้นวัน หรือปวดบ่อยถึงวันละ หลายครั้ง แต่ส่วนใหญ่แล้ว มักเกิดขึ้นวันละ 1-2 ครั้ง

อย่างไรก็ตาม ลักษณะเฉพาะของอาการปวดศีรษะแบบนี้ จะเป็นอยู่หลายวันนานถึงหลายสัปดาห์ และมีช่วงเวลาที่หายจากอาการปวดเป็นเดือนหรืออาจจะถึงปีแล้วก็กลับมาเป็นใหม่ โดยที่ในบางรายอาจมีอาการร่วมได้แก่น้ำตาไหล คัดจมูก น้ำมูกไหล เหงื่อออก บริเวณหน้าผาก เปลือกตาและใบหน้าข้างที่เป็นมีอาการบวม อาจมีอาการหนังตาตก และรูม่านตาหด

ทั้งนี้ ทางการแพทย์พบว่า อาการปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์นี้ พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงถึง 5-6 เท่า และพบน้อยกว่าไมเกรน 10-50

การรักษาด้วยยา
เนื่องจากโรคนี้บางครั้งเป็นแค่ 10 นาทีแล้วหายการใช้ยาอาจไม่จำเป็น แต่ในรายที่เป็นมากอาจจะต้องรักษาด้วยยา หรือการทำบล็อกเส้นประสาทเนื่องจากอาหารปวดศีรษะ แบบคลัสเตอร์เป็นการปวดหัวที่ทรมานมาก ถ้าทิ้งไว้นานอาจจะส่งผลให้เกิดการฆ่าตัวตายได้
ทั้งนี้จะต้องแยกจากภาวะอื่น เช่นแรงดันในสมองสูง


โรคปวดศรีษะจากแรงดันในสมองสูง(Increase Intracranial Pressure)

อาการปวดศีรษะ เนื่องจากความดันในสมองสูง มีสาเหตุจากการมีก้อน หรือสิ่งผิดปกติภายในสมอง เช่นเนื้องงอกในสมอง เลือดออกในสมอง น้ำคั่งในสมอง หรือการติดเชื้อในสมอง ฯลฯ ผู้ป่วยในกลุ่มนี้จะมีอาการปวดศีรษะได้หลากหลาย และบางครั้งทำให้การวินิจฉัยเกิดความล่าช้า อีกทั้ง โรคปวดศีรษะจากแรงดันในสมองสูงนี้ การรักษาจะแตกต่างจากโรคปวดศีรษะในกลุ่มอื่นอย่างสิ้นเชิง

เนื่องจากมีสาเหตุเฉพาะที่ทำให้แรงดันในสมองสูง จึงต้องรักษาที่ต้นเหตุ และมักจะหายขาดได้ แต่ถ้าช้าเกินไปโรคจะลุกลามทำให้มีผลเสียอย่างมากถึงขั้นทำลายเนื้อสมอง หรือเสียชีวิตได้

การวินิจฉัย
เนื่องจากผู้ป่วยในกลุ่มนี้ มีสาเหตุที่เกิดจากมีสิ่งผิดปกติ
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
โรคปวดศรีษะไมเกรน (Migraines)
อาการปวดศีรษะไมเกรน
อาการปวดศรีษะแบบปวดไมเกรนจะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายในส่วนสัด 2 ต่อ 1 โดยอาการปวดศีรษะชนิดนี้จะปวดเป็นพักๆ ปวดข้างใดข้างหนึ่ง ปวดแบบตุบๆ เหมือนชีพจรกำลังเต้นนอกจากนี้ ยังมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ตาพร่ามัว หรือเห็นแสงสีร่วมอยู่ด้วย โดยอาการปวดจะเกิดขึ้นนาน 2-3 ชั่วโมง แล้วจะทุเลาลง หลังจากนั้นจะมีอาการปวดขึ้นใหม่ และจะมีอาการปวดในลักษณะนี้ติดต่อกันวันละครั้ง หรืออาทิตย์ละหลายครั้ง

สำหรับสาเหตุของอาการปวดศีรษะไมเกรนยังไม่เป็นที่ราบแน่ชัด แต่การศึกษาทางการแพทย์เชื่อว่าเกิดจากการขยายตัวของหลอดเลือดในสมอง อย่างผิดปกติ ทำให้มีสารเคมีที่ทำให้มีอาการปวดเกิดขึ้นที่ปลายประสาทรับความรู้สึกในส่วนของหน้า และศีรษะ จึงทำให้เกิดอาการปวดศีรษะไมเกรน
ปัจจัยที่กระตุ้นให้มีอาการปวดศีรษะไมเกรน
• อาหารที่มี สารกันบูด ถั่ว เนย ช็อกโกแลต ยาขยายหลอดเลือด
• อดอาหารนานๆ น้ำตาลในเลือดต่ำ
• นอนไม่เป็นเวลา เนื่องจากทำงานเป็นกะ หรือเดินทางไปต่างประเทศที่มีเวลาคลาดเคลื่อนกับประเทศไทย เป็นต้น
• ฮอร์โมนเพศหญิง มีประจำเดือนหรือแม้แต่การตั้งครรภ์ในระยะแรก
• อากาศร้อน แดดร้อน กลิ่นน้ำหอม กลิ่นเหม็น ควันบุหรี่ ควันจากท่อไปเสีย

การวินิจฉัยอาการปวดศีรษะไมเกรน
จะวินิจฉัยจากประวัติของอาการปวด การตรวจร่างกายทางระบบประสาท รวมถึงโรคของสมองหรือไขสันหลัง ซึ่งพบว่า อาการคลื่นไส้ และอาเจียน เมื่อออกกำลังกายจะมีอาการปวดมากขึ้น โดยอาการเหล่านี้เป็นลักษณะจำเพาะของอาการปวดศีรษะไมเกรน ทั้งนี้ หากมีการตรวจร่างกายและระบบประสาทแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติ ขณะเดียวกัน เมื่อมีการตรวจสมองแล้วก็ไม่มีข้อบ่งชี้กับอาการปวด แพทย์ก็จะวินิจฉัยว่าเป็นอาการปวดศีรษะไมเกรน


โรคปวดศรีษะจากความเครียด (Tension Headache)

อาการปวดศีรษะจากความเครียด เป็นภาวะที่พบได้บ่อยมากในคนทั่วไป กล่าวคือ ประมาณร้อยละ 80-90 ของผู้ที่มีอาการปวดศีรษะ จะมีสาเหตุมาจากความเครียด โดยพบในผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก และพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ซึ่งสาเหตุก็มีหลายอย่าง เช่น ทำงานหนัก ใช้สมองมาก อารมณ์เครียด กังวลใจหรือ นอนหลับไม่พเพียงพอ เป็นต้น ทำให้มีอาการปวดตึงของกล้ามเนื้อตรงต้นคอและรอบ ๆ ศีรษะ

ลักษณะอาการ
ผู้ป่วยจะมีอาการปวดตื้อ ๆ หนัก ๆ ตรงบริเวณต้นคอ หรือท้ายทอย หรืออาจจะปวดรอบศีรษะคล้ายถูกเข็มขัดรัด บางคนอาจปวดตื้อไปทั่วศีรษะ และส่วนมากแล้วก็มักจะปวดตอนบ่าย ๆ หรือเย็น ๆ จะไม่มีอาการปวดหลังตื่นนอนตอนเช้า และถ้าได้นอนพักสักครู่อาจทุเลาหายไปได้เอง ที่น่าสังเกตุก็คือ อาการปวดมักเป็นอยู่เพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็ทุเลาไปได้เอง แต่ก็มีบางคนเหมือนกันที่อาจปวดต่อเนื่องเป็นวัน ๆ การปวดลักษณะนี้โดยมากจะไม่มีอาการอื่น ๆ เช่น ตาพร่ามัว คลื่นไส้ อาเจียน เป็นไข้ และ เป็นหวัด เป็นต้น ร่วมด้วย ซึ่งการตรวจร่างกาย จะไม่พบสิ่งที่ผิดปกติแต่อย่างใด รวมทั้งความดันเลือด ก็จะอยู่ในเกณฑ์ปกติด้วย

ข้อแนะนำ
1. การปวดศีรษะจากความเครียด ถือเป็นภาวะที่ไม่รุนแรง แต่อาจเป็น ๆ หาย ๆได้บ่อย อย่างไรก็ตาม ก่อนจะวินิจฉัยโรคนี้ ควรตรวจวัดความดัน และซักถามอาการให้ถ้วนถี่จนแน่ใจว่าไม่มีสาเหตุที่ร้ายแรงเสียก่อน
2. โรคนี้ควรแยกออกจากโรคไมเกรน ซึ่งจะมีลักษณะปวดตุบ ๆ ที่ขมับ แต่บางครั้งอาจแยกกันไม่ชัด แต่อย่างไรก็ตาม การดูแลรักษาเบื้องต้นก็ไม่ต่างกัน
3. ในรายที่เป็นเนื้องอกในสมองระยะแรกเริ่มอาจมีอาการปวดศีรษะไม่มาก คล้ายปวดศีรษะจากความเครียดก็ได้ แต่ต่อมาจะปวดถี่ขึ้นและแรงขึ้น มักจะปวดตอนดึกหรือเช้ามืด จนทำให้สะดุ้งตื่น และเป็นเรื้อรัง ดังนั้น ถ้าพบคนที่มีอาการปวดศีรษะในลักษณะดังกล่าว หรือเป็น ๆ หาย ๆ นานเกิน 2 สัปดาห์ ควรแนะนำให้ไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาล
4. สำหรับผู้ที่มีอาการปวดศีรษะจากความเครียดเป็นประจำ ควรแนะนำให้พักผ่อนให้เพียงพอ อย่าคร่ำเคร่งกับการงานจนเกินไป ออกกำลังกายเป็นประจำ และหาทางผ่อนคลายความเครียดด้วยวิธีต่าง ๆ


โรคปวดศรีษะแบบคลัสเตอร์ หรือ ปวดศรีษะข้างเดียว

อาการปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ (cluster headache) คือ อาการปวดรุนแรงแบบข้างเดียว ซึ่งมักจะปวดตุบๆที่กระบอกตา หรือรอบๆ ตา หรือที่บริเวณขมับ และมักจะเป็นข้างเดียว โดยอาการปวดอาจจะเกิดขึ้นเป็นช่วงยาวประมาณ 10-200 นาที และอาการปวดอาจเกิดวันเว้นวัน หรือปวดบ่อยถึงวันละ หลายครั้ง แต่ส่วนใหญ่แล้ว มักเกิดขึ้นวันละ 1-2 ครั้ง

อย่างไรก็ตาม ลักษณะเฉพาะของอาการปวดศีรษะแบบนี้ จะเป็นอยู่หลายวันนานถึงหลายสัปดาห์ และมีช่วงเวลาที่หายจากอาการปวดเป็นเดือนหรืออาจจะถึงปีแล้วก็กลับมาเป็นใหม่ โดยที่ในบางรายอาจมีอาการร่วมได้แก่น้ำตาไหล คัดจมูก น้ำมูกไหล เหงื่อออก บริเวณหน้าผาก เปลือกตาและใบหน้าข้างที่เป็นมีอาการบวม อาจมีอาการหนังตาตก และรูม่านตาหด

ทั้งนี้ ทางการแพทย์พบว่า อาการปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์นี้ พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงถึง 5-6 เท่า และพบน้อยกว่าไมเกรน 10-50

การรักษาด้วยยา
เนื่องจากโรคนี้บางครั้งเป็นแค่ 10 นาทีแล้วหายการใช้ยาอาจไม่จำเป็น แต่ในรายที่เป็นมากอาจจะต้องรักษาด้วยยา หรือการทำบล็อกเส้นประสาทเนื่องจากอาหารปวดศีรษะ แบบคลัสเตอร์เป็นการปวดหัวที่ทรมานมาก ถ้าทิ้งไว้นานอาจจะส่งผลให้เกิดการฆ่าตัวตายได้
ทั้งนี้จะต้องแยกจากภาวะอื่น เช่นแรงดันในสมองสูง


โรคปวดศรีษะจากแรงดันในสมองสูง(Increase Intracranial Pressure)

อาการปวดศีรษะ เนื่องจากความดันในสมองสูง มีสาเหตุจากการมีก้อน หรือสิ่งผิดปกติภายในสมอง เช่นเนื้องงอกในสมอง เลือดออกในสมอง น้ำคั่งในสมอง หรือการติดเชื้อในสมอง ฯลฯ ผู้ป่วยในกลุ่มนี้จะมีอาการปวดศีรษะได้หลากหลาย และบางครั้งทำให้การวินิจฉัยเกิดความล่าช้า อีกทั้ง โรคปวดศีรษะจากแรงดันในสมองสูงนี้ การรักษาจะแตกต่างจากโรคปวดศีรษะในกลุ่มอื่นอย่างสิ้นเชิง

เนื่องจากมีสาเหตุเฉพาะที่ทำให้แรงดันในสมองสูง จึงต้องรักษาที่ต้นเหตุ และมักจะหายขาดได้ แต่ถ้าช้าเกินไปโรคจะลุกลามทำให้มีผลเสียอย่างมากถึงขั้นทำลายเนื้อสมอง หรือเสียชีวิตได้

การวินิจฉัย
เนื่องจากผู้ป่วยในกลุ่มนี้ มีสาเหตุที่เกิดจากมีสิ่งผิดปกติ
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
Headache migraine disease (Migraines migraine)

.Headaches and migraine are found in women than men in the scale 2 per 1 by this kind of headache pain, pain and intermittent side. A throbbing pain like pulse rate is also nausea and vomiting, blurred vision.The pain will occur for 2-3 hours and will diminish, then there will be pain again. And there will be pain in this manner for once a day or several times a week
.
.For the cause of migraine is not a plain yet. But medical education is believed to be caused by the expansion of blood vessels in the brain disorder.And the head can cause migraine
.Factors that encourage headache migraine
- food preservatives, beans, butter, chocolate, vasodilator
- fast for a long time, low blood sugar
.* sleep not on time due to work shifts. Traveling abroad with the time error with Thailand etc.
- female hormones. Menstruation or even the early stage of pregnancy
.- hot air, hot sun, perfume, odor, smoke, smoke from a pipe waste

diagnosis ฉัยอา to migraine
.Be diagnosed from the history of pain. Physical examination of the nervous system. Including brain diseases or spinal cord, which found that nausea and vomiting when exercise will have more pain.However, if there is a physical and nervous system revealed no abnormalities. Meanwhile, when examined the brain and no indication with pain. The doctor will be diagnosed symptoms of migraine
.

diseases headache from stress (Tension Headache)

.
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: