เรมี่ (Remy) เป็นหนูซึ่งอาศัยอยู่ในฝรั่งเศส อยู่กับอาณาจักรหนูโดยมีพี่ การแปล - เรมี่ (Remy) เป็นหนูซึ่งอาศัยอยู่ในฝรั่งเศส อยู่กับอาณาจักรหนูโดยมีพี่ ฝรั่งเศส วิธีการพูด

เรมี่ (Remy) เป็นหนูซึ่งอาศัยอยู่ใน

เรมี่ (Remy) เป็นหนูซึ่งอาศัยอยู่ในฝรั่งเศส อยู่กับอาณาจักรหนูโดยมีพี่ชายคือ เอมิล (Emile) และมีพ่อคือ จังโก้ (Django) ซึ่งเป็นหัวหน้าอาณาจักรหนู เรมี่มีประสาทรับรสที่ดีเยี่ยม พ่อของเขาจึงให้เรมี่เป็นคนตรวจสอบยาเบื่อ แต่เรมี่ค่อนข้างแตกต่างจากหนูตัวอื่นๆ ที่เขามักจะเลือกกินแต่ของดีๆ และเดินสองขาเพราะไม่อยากให้มือ (เท้าหน้า) สกปรก เรมี่จึงไม่ค่อยลงรอยกับพ่อเขามากนัก จนวันหนึ่งเรมี่และเอมิลได้เข้าไปภายในบ้านของหญิงแก่เพื่อหาของกิน และเขาก็พบหนังสือของ ออกุส กุสโตว์ (Auguste Gusteau) เชฟมือทองของฝรั่งเศส โดยเขามีร้านอาหารชื่อกุสโตว์ (Gusteau's) ซึ่งเป็นร้านอาหารห้าดาวในปารีส โดยเรมี่ชื่นชมเชฟกุสโตว์มาก โดยเฉพาะคติของเขาที่ว่า "ไม่ว่าใครก็ทำอาหารได้" (Anyone can cook!) แต่เรมี่ก็ได้ดูโทรทัศน์ก็พบว่า ร้านกุสโตว์ถูกลดดาวเหลือเพียงสี่ดาวหลังจากถูกวิจารณ์โดยนักวิจารณ์อาหาร แอนทอน อีโก้ (Anton Ego) หลังจากนั้นไม่นานเชฟกุสโตว์ก็เสียชีวิตลงในเวลาต่อมาโดยไม่ทราบสาเหตุ ด้วยเหตุนี้ร้านกุสโตว์จึงถูกลดดาวอีกเป็นสามดาว ขณะที่เรมี่ดูโทรทัศน์อยู่และทราบว่าเชฟกุสโตว์ตายแล้ว หญิงแก่ก็ตื่นขึ้นพอดี และพยายามใช้ปืนไล่ยิงเรมี่และเอมิล จนหลังคาด้านบนแตกออกและหนูจำนวนมากก็หล่นลงมา พ่อของเรมี่จึงรีบให้หนูทุกตัวไปขึ้นแพตรงแม่น้ำ แต่เรมี่เอาหนังสือของกุสโตว์ไปด้วย ทำให้ตามหนูที่เหลือไม่ทันและพลัดพรากจากครอบครัว

หลังจากที่เรมี่เริ่มหมดหวัง ภาพในจินตนาการของเรมี่ซึ่งเป็นเชฟกุสโตว์ก็ออกมาและบอกเรมี่ว่า "อาหารจะมาหาผู้รักการทำอาหารเสมอ" เรมี่จึงวิ่งไปเรื่อยๆ และพบว่าเขาอยู่ในกรุงปารีสและพบร้านกุสโตว์ โดยปัจจุบันมีหัวหน้าเชฟคือ สกินเนอร์ (Skinner) ซึ่งเคยเป็นอดีต ซูเชฟ (sous-chef/รองหัวหน้าเชฟ) ของร้านกุสโตว์ ในขณะนั้นมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งชื่อ อัลเฟรโด้ ลินกวินี่ (Alfredo Linguini) มาขอทำงานในร้านกุสโตว์โดยมาพร้อมกับจดหมายจากแม่ของเขาซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว สกินเนอร์จึงให้ลิงกวินี่เป็นเด็กเทขยะ และเขาก็ทำหม้อซุปหล่น เขาจึงปรุงซุปแบบหยิบอะไรได้ก็ใส่ลงไป เรมี่บังเอิญหล่นจากหลังคาร้านกุสโตว์ลงไปยังอ่างล้างจาน หลังจากพยายามหนีออกมา เขาได้กลิ่นซุปแล้วรู้สึกไม่ดีเขาจึงพยายามแก้รสของซุป ลินกวินี่เห็นเรมี่พอดีจึงใช้ที่ครอบหม้อจับไว้ สกินเนอร์จึงจับลินกวินี่ไว้ข้อหาที่เขาทำอาหารในครัว ในขณะที่อยู่ในความสับสน ซุปได้ถูกเสิร์ฟไปยังแขกลูกค้าแล้ว และลูกค้าคนนั้นคือนักวิจารณ์อาหาร โซลีน เลอแคลร์ โดยเธอชมว่าซุปของร้านกุสโตว์มีรสชาติดีเยี่ยม

เซฟผู้หญิงคนเดียวในร้านกุสโตว์ คอลเลตต์ ทาทูว์ (Colette Tatou) บอกสกินเนอร์ไม่ให้ไล่ลิงกวินี่ออก และยกคติของเชฟกุสโตว์ว่า "ไม่ว่าใครก็ทำอาหารได้" สกินเนอร์จึงไม่ไล่ลินกวินี่ออกแต่จะให้เขาทำซุปใหม่อีกครั้ง ขณะที่สกินเนอร์กำลังคุยกับลินกวินี่อยู่นั้นเขาก็เห็นเรมี่กำลังหนีอยู่พอดี ลินกวินี่จึงจับเรมี่ไว้ในขวด และสกินเนอร์ก็สั่งให้เอาเรมี่ไปไกลๆ แล้วฆ่ามัน แต่เมื่อถึงริมฝั่งแม่น้ำลินกวินี่ไม่สามารถทำใจฆ่าเรมี่ได้ เขาจึงเริ่มคุยกับเรมี่ บอกปัญหาต่างๆ และเขาพบว่าเรมี่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด โดยการพยักหน้าและภาษากาย


เรมี่ค้นพบว่าเขาสามารถควบคุมลิงกวินี่ได้โดยการดึงผมของเขา
วันรุ่งขึ้นร้านกุสโตว์ถูกจับตามองอีกครั้งหลังคำวิจารณ์ของโซลีน เลอแคลร์เผยแผร่ โดยลินกวินี่คิดหาว่าจะไว้เรมี่ที่ไหนดี และสุดท้ายหลังจากใช้ความพยายามหลายครั้งเขาจึงเอาเรมี่ไว้ในหมวกพ่อครัว และตอนนั้นลิงกวินี่เกือบจะชนกับบริกรของร้าน เรมี่ก็ดึงผมของลินกวินี่โดยไม่ได้ตั้งใจ ลินกวินี่ก็หลบบริกรได้ทัน ลินกวินี่จึงถามเรมี่ว่าเขาทำได้อย่างไร เรมี่ก็ลองดึงผมของลินกวินี่ แล้วเขาก็ขยับตามการดึงผมของเรมี่ เรมี่จึงใช้วิธีนี้ให้เขาสามารถควบคุมลินกวินี่ให้ทำอาหารได้

ลินกวินี่สามารถทำซุปอีกครั้งผ่านการควบคุมอย่างลับๆ ของเรมี่ แต่สกินเนอร์ก็ยังสงสัยว่าทำไมคนไม่เคยทำอาหารอย่างลินกวินี่จึงทำซุปได้อร่อยนัก ในคืนนั้นมีลูกค้าประจำโดยพวกเขาต้องการอาหารใหม่ที่ไม่มีอยู่ในเมนูบ้าง เรมี่และลินกวินี่ก็ทำอาหาร สวีตเบรด-อลากุสโตว์ ซึ่งกุสโตว์ยังเคยพูดเองว่าอาหารสูตรนี้แย่สุดๆ แต่ลูกค้าชอบมากและมีออเดอร์เข้ามาหลายที่ ระหว่างที่ลินกวินี่กำลังฉลองความสำเร็จเล็กๆ ในร้าน ในตอนนั้นสกินเนอร์เขาก็เห็นเงาของหนูในหมวกของลิงกวินี่ เขาจึงให้ลินกวินี่ดื่มไวน์ ชาโต ลาตูร์ (Château Latour) จนเมาเพื่ออาจจะได้ความลับบางอย่างแต่ก็ไม่สำเร็จ เขาจึงปล่อยให้ลินกวินี่ล้างจานและทำความสะอาดร้านจนถึงเช้า

วันรุ่งขึ้นขณะที่ลินกวินี่กำลังหลับอยู่และยังไม่สร่างเมา คอลเลตต์ได้มาถึงพอดี เรมี่จึงเข้าไปในหมวกของลินกวินี่และใส่แว่นดำให้กับเขา และควบคุมลิงกวินี่ทั้งๆ ที่หลับ จนสุดท้ายลินกวินี่เกือบที่จะเปิดเผยความจริง เรมี่จึงดึงผมของลินกวินี่จนลินกวินี่ล้มบนคอลเลตต์และจูบกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งสองเริ่มเดตกัน ทำให้เรมี่รู้สึกว่าถูกละทิ้ง ในขณะนั้นสกินเนอร์ได้อ่านจดหมายจากแม่ของลินกวินี่และพบว่าลินกวินี่เป็นลูกชายของกุสโตว์ จากพินัยกรรมของเชฟกุสโตว์ หากไม่มีทายาทของกุสโตว์ปรากฏตัวภายใน 2 ปีหลังจากกุสโตว์เสียชีวิต ตำแหน่งหัวหน้าเชฟจะตกเป็นของผู้ช่วยเชฟ ซึ่งนั่นคือสกินเนอร์นั่นเอง ทำให้แผนการของสกินเนอร์ที่จะขายชื่อร้านกุสโตว์ในธุรกิจอาหารแช่แข็งอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม และสกินเนอร์ก็พยายามหาวิธีเขี่ยลินกวินี่ออกจากร้านกุสโตว์ให้ได้

คืนหนึ่ง เรมี่ได้พบกับครอบครัว จังโก้พ่อของเขาจัดงานฉลองอย่างใหญ่โต แต่เรมี่บอกว่าเขาจะไม่อยู่กับครอบครัวแต่จะกลับไปอยู่กับมนุษย์ (ลินกวินี่) แล้วจะกลับมาเยี่ยมครอบครัวบ่อยๆ จังโก้จึงพาเรมี่ไปยังร้านขายยาเบื่อและกับดักหนูซึ่งมีแต่หนูที่ตายอยู่ในตู้กระจก และบอกเรมี่ว่านี่คือผลจากการที่หนูทำตัวสบายใกล้มนุษย์เกินไป เรมี่ไม่เชื่อและขอเดินในเส้นทางของเขาเอง

ระหว่างที่กำลังหาอาหาร เรมี่ได้พบพินัยกรรมของกุสโตว์ในลิ้นชักของสกินเนอร์ หลังจากหนีการตามล่าของสกินเนอร์ เรมี่ได้นำพินัยกรรมไปให้ลิงกวินี่ ลินกวินี่ถือว่าเป็นเจ้าของร้านกุสโตว์อย่างสมบูรณ์แล้ว ทำให้แผนของสกินเนอร์ต้องล่มทั้งหมด สกินเนอร์ถูกไล่ออก ทำให้ร้านกุสโตว์มีหน้าตาขึ้นมาอีกครั้ง

แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ยินดีในต
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ฝรั่งเศส) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
Remy (Remy) est un rat qui vit dans le Royaume de France par rat de frère d'emin (Emile), et mon père est le logo préfectoral (Django), qui est à la tête du Royaume des rats, il était nerveux Rémy excellente saveur. Son père, un produit pharmaceutique inspecteur Remi ennuyé mais Rémy est très différent des autres souris qui souvent, il choisit de manger, mais un bon deux pattes et à cause de, je ne veux pas donner (le pied à l'avant), donc n'a pas sale Rémy coïncident avec son père trop jusqu'à un jour Rémi et l'accréditation de l'émirat dans la maison de la femme, aussi bien en ce qui concerne.Enorme et il a trouvent le livre de Gusteau du Coran (Auguste Gusteau), aiguilles en or, les chefs cuisiniers de France par son célèbre restaurant Gusteau (Gusteau), qui est un restaurant cinq étoiles à Paris par Rémy admiré chef Gusteau avec sa devise, « n'importe qui peut faire cuire » pas "(tout le monde peut cuisiner!) Mais c'est Remi TV trouvé ce restaurant Gusteau dans l'hôtel quatre étoiles après avoir été critiqué par les critiques gastronomiques. Logo de e Anton (Anton Ego) peu de temps après, Chef Gusteau, décédés sans en connaître la cause. C'est pour cette raison que Gusteau de l'étoile magasiner à nouveau comme trois étoiles. En regardant la TV et Remy sais quel chef Gusteau morts. Filles comme ils se sont réveillés en hausse et a essayé de prendre un fusil et tirer le Remy chasser à travers la partie supérieure du toit emin éclatent et beaucoup de souris, qu'ils tombent vers le bas. Père de Rémy, alors dépêchez-vous, toutes les souris aller jusqu'à une rivière droite mais Rémy enlèvement livre de Gusteau. Garder selon le reste des souris et pas nettement séparé de sa famille.หลังจากที่เรมี่เริ่มหมดหวัง ภาพในจินตนาการของเรมี่ซึ่งเป็นเชฟกุสโตว์ก็ออกมาและบอกเรมี่ว่า "อาหารจะมาหาผู้รักการทำอาหารเสมอ" เรมี่จึงวิ่งไปเรื่อยๆ และพบว่าเขาอยู่ในกรุงปารีสและพบร้านกุสโตว์ โดยปัจจุบันมีหัวหน้าเชฟคือ สกินเนอร์ (Skinner) ซึ่งเคยเป็นอดีต ซูเชฟ (sous-chef/รองหัวหน้าเชฟ) ของร้านกุสโตว์ ในขณะนั้นมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งชื่อ อัลเฟรโด้ ลินกวินี่ (Alfredo Linguini) มาขอทำงานในร้านกุสโตว์โดยมาพร้อมกับจดหมายจากแม่ของเขาซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว สกินเนอร์จึงให้ลิงกวินี่เป็นเด็กเทขยะ และเขาก็ทำหม้อซุปหล่น เขาจึงปรุงซุปแบบหยิบอะไรได้ก็ใส่ลงไป เรมี่บังเอิญหล่นจากหลังคาร้านกุสโตว์ลงไปยังอ่างล้างจาน หลังจากพยายามหนีออกมา เขาได้กลิ่นซุปแล้วรู้สึกไม่ดีเขาจึงพยายามแก้รสของซุป ลินกวินี่เห็นเรมี่พอดีจึงใช้ที่ครอบหม้อจับไว้ สกินเนอร์จึงจับลินกวินี่ไว้ข้อหาที่เขาทำอาหารในครัว ในขณะที่อยู่ในความสับสน ซุปได้ถูกเสิร์ฟไปยังแขกลูกค้าแล้ว และลูกค้าคนนั้นคือนักวิจารณ์อาหาร โซลีน เลอแคลร์ โดยเธอชมว่าซุปของร้านกุสโตว์มีรสชาติดีเยี่ยมเซฟผู้หญิงคนเดียวในร้านกุสโตว์ คอลเลตต์ ทาทูว์ (Colette Tatou) บอกสกินเนอร์ไม่ให้ไล่ลิงกวินี่ออก และยกคติของเชฟกุสโตว์ว่า "ไม่ว่าใครก็ทำอาหารได้" สกินเนอร์จึงไม่ไล่ลินกวินี่ออกแต่จะให้เขาทำซุปใหม่อีกครั้ง ขณะที่สกินเนอร์กำลังคุยกับลินกวินี่อยู่นั้นเขาก็เห็นเรมี่กำลังหนีอยู่พอดี ลินกวินี่จึงจับเรมี่ไว้ในขวด และสกินเนอร์ก็สั่งให้เอาเรมี่ไปไกลๆ แล้วฆ่ามัน แต่เมื่อถึงริมฝั่งแม่น้ำลินกวินี่ไม่สามารถทำใจฆ่าเรมี่ได้ เขาจึงเริ่มคุยกับเรมี่ บอกปัญหาต่างๆ และเขาพบว่าเรมี่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด โดยการพยักหน้าและภาษากาย

เรมี่ค้นพบว่าเขาสามารถควบคุมลิงกวินี่ได้โดยการดึงผมของเขา
วันรุ่งขึ้นร้านกุสโตว์ถูกจับตามองอีกครั้งหลังคำวิจารณ์ของโซลีน เลอแคลร์เผยแผร่ โดยลินกวินี่คิดหาว่าจะไว้เรมี่ที่ไหนดี และสุดท้ายหลังจากใช้ความพยายามหลายครั้งเขาจึงเอาเรมี่ไว้ในหมวกพ่อครัว และตอนนั้นลิงกวินี่เกือบจะชนกับบริกรของร้าน เรมี่ก็ดึงผมของลินกวินี่โดยไม่ได้ตั้งใจ ลินกวินี่ก็หลบบริกรได้ทัน ลินกวินี่จึงถามเรมี่ว่าเขาทำได้อย่างไร เรมี่ก็ลองดึงผมของลินกวินี่ แล้วเขาก็ขยับตามการดึงผมของเรมี่ เรมี่จึงใช้วิธีนี้ให้เขาสามารถควบคุมลินกวินี่ให้ทำอาหารได้

ลินกวินี่สามารถทำซุปอีกครั้งผ่านการควบคุมอย่างลับๆ ของเรมี่ แต่สกินเนอร์ก็ยังสงสัยว่าทำไมคนไม่เคยทำอาหารอย่างลินกวินี่จึงทำซุปได้อร่อยนัก ในคืนนั้นมีลูกค้าประจำโดยพวกเขาต้องการอาหารใหม่ที่ไม่มีอยู่ในเมนูบ้าง เรมี่และลินกวินี่ก็ทำอาหาร สวีตเบรด-อลากุสโตว์ ซึ่งกุสโตว์ยังเคยพูดเองว่าอาหารสูตรนี้แย่สุดๆ แต่ลูกค้าชอบมากและมีออเดอร์เข้ามาหลายที่ ระหว่างที่ลินกวินี่กำลังฉลองความสำเร็จเล็กๆ ในร้าน ในตอนนั้นสกินเนอร์เขาก็เห็นเงาของหนูในหมวกของลิงกวินี่ เขาจึงให้ลินกวินี่ดื่มไวน์ ชาโต ลาตูร์ (Château Latour) จนเมาเพื่ออาจจะได้ความลับบางอย่างแต่ก็ไม่สำเร็จ เขาจึงปล่อยให้ลินกวินี่ล้างจานและทำความสะอาดร้านจนถึงเช้า

วันรุ่งขึ้นขณะที่ลินกวินี่กำลังหลับอยู่และยังไม่สร่างเมา คอลเลตต์ได้มาถึงพอดี เรมี่จึงเข้าไปในหมวกของลินกวินี่และใส่แว่นดำให้กับเขา และควบคุมลิงกวินี่ทั้งๆ ที่หลับ จนสุดท้ายลินกวินี่เกือบที่จะเปิดเผยความจริง เรมี่จึงดึงผมของลินกวินี่จนลินกวินี่ล้มบนคอลเลตต์และจูบกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งสองเริ่มเดตกัน ทำให้เรมี่รู้สึกว่าถูกละทิ้ง ในขณะนั้นสกินเนอร์ได้อ่านจดหมายจากแม่ของลินกวินี่และพบว่าลินกวินี่เป็นลูกชายของกุสโตว์ จากพินัยกรรมของเชฟกุสโตว์ หากไม่มีทายาทของกุสโตว์ปรากฏตัวภายใน 2 ปีหลังจากกุสโตว์เสียชีวิต ตำแหน่งหัวหน้าเชฟจะตกเป็นของผู้ช่วยเชฟ ซึ่งนั่นคือสกินเนอร์นั่นเอง ทำให้แผนการของสกินเนอร์ที่จะขายชื่อร้านกุสโตว์ในธุรกิจอาหารแช่แข็งอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม และสกินเนอร์ก็พยายามหาวิธีเขี่ยลินกวินี่ออกจากร้านกุสโตว์ให้ได้

คืนหนึ่ง เรมี่ได้พบกับครอบครัว จังโก้พ่อของเขาจัดงานฉลองอย่างใหญ่โต แต่เรมี่บอกว่าเขาจะไม่อยู่กับครอบครัวแต่จะกลับไปอยู่กับมนุษย์ (ลินกวินี่) แล้วจะกลับมาเยี่ยมครอบครัวบ่อยๆ จังโก้จึงพาเรมี่ไปยังร้านขายยาเบื่อและกับดักหนูซึ่งมีแต่หนูที่ตายอยู่ในตู้กระจก และบอกเรมี่ว่านี่คือผลจากการที่หนูทำตัวสบายใกล้มนุษย์เกินไป เรมี่ไม่เชื่อและขอเดินในเส้นทางของเขาเอง

ระหว่างที่กำลังหาอาหาร เรมี่ได้พบพินัยกรรมของกุสโตว์ในลิ้นชักของสกินเนอร์ หลังจากหนีการตามล่าของสกินเนอร์ เรมี่ได้นำพินัยกรรมไปให้ลิงกวินี่ ลินกวินี่ถือว่าเป็นเจ้าของร้านกุสโตว์อย่างสมบูรณ์แล้ว ทำให้แผนของสกินเนอร์ต้องล่มทั้งหมด สกินเนอร์ถูกไล่ออก ทำให้ร้านกุสโตว์มีหน้าตาขึ้นมาอีกครั้ง

แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ยินดีในต
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ฝรั่งเศส) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
เรมี่ (Remy) เป็นหนูซึ่งอาศัยอยู่ในฝรั่งเศส อยู่กับอาณาจักรหนูโดยมีพี่ชายคือ เอมิล (Emile) และมีพ่อคือ จังโก้ (Django) ซึ่งเป็นหัวหน้าอาณาจักรหนู เรมี่มีประสาทรับรสที่ดีเยี่ยม พ่อของเขาจึงให้เรมี่เป็นคนตรวจสอบยาเบื่อ แต่เรมี่ค่อนข้างแตกต่างจากหนูตัวอื่นๆ ที่เขามักจะเลือกกินแต่ของดีๆ และเดินสองขาเพราะไม่อยากให้มือ (เท้าหน้า) สกปรก เรมี่จึงไม่ค่อยลงรอยกับพ่อเขามากนัก จนวันหนึ่งเรมี่และเอมิลได้เข้าไปภายในบ้านของหญิงแก่เพื่อหาของกิน และเขาก็พบหนังสือของ ออกุส กุสโตว์ (Auguste Gusteau) เชฟมือทองของฝรั่งเศส โดยเขามีร้านอาหารชื่อกุสโตว์ (Gusteau's) ซึ่งเป็นร้านอาหารห้าดาวในปารีส โดยเรมี่ชื่นชมเชฟกุสโตว์มาก โดยเฉพาะคติของเขาที่ว่า "ไม่ว่าใครก็ทำอาหารได้" (Anyone can cook!) แต่เรมี่ก็ได้ดูโทรทัศน์ก็พบว่า ร้านกุสโตว์ถูกลดดาวเหลือเพียงสี่ดาวหลังจากถูกวิจารณ์โดยนักวิจารณ์อาหาร แอนทอน อีโก้ (Anton Ego) หลังจากนั้นไม่นานเชฟกุสโตว์ก็เสียชีวิตลงในเวลาต่อมาโดยไม่ทราบสาเหตุ ด้วยเหตุนี้ร้านกุสโตว์จึงถูกลดดาวอีกเป็นสามดาว ขณะที่เรมี่ดูโทรทัศน์อยู่และทราบว่าเชฟกุสโตว์ตายแล้ว หญิงแก่ก็ตื่นขึ้นพอดี และพยายามใช้ปืนไล่ยิงเรมี่และเอมิล จนหลังคาด้านบนแตกออกและหนูจำนวนมากก็หล่นลงมา พ่อของเรมี่จึงรีบให้หนูทุกตัวไปขึ้นแพตรงแม่น้ำ แต่เรมี่เอาหนังสือของกุสโตว์ไปด้วย ทำให้ตามหนูที่เหลือไม่ทันและพลัดพรากจากครอบครัว

หลังจากที่เรมี่เริ่มหมดหวัง ภาพในจินตนาการของเรมี่ซึ่งเป็นเชฟกุสโตว์ก็ออกมาและบอกเรมี่ว่า "อาหารจะมาหาผู้รักการทำอาหารเสมอ" เรมี่จึงวิ่งไปเรื่อยๆ และพบว่าเขาอยู่ในกรุงปารีสและพบร้านกุสโตว์ โดยปัจจุบันมีหัวหน้าเชฟคือ สกินเนอร์ (Skinner) ซึ่งเคยเป็นอดีต ซูเชฟ (sous-chef/รองหัวหน้าเชฟ) ของร้านกุสโตว์ ในขณะนั้นมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งชื่อ อัลเฟรโด้ ลินกวินี่ (Alfredo Linguini) มาขอทำงานในร้านกุสโตว์โดยมาพร้อมกับจดหมายจากแม่ของเขาซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว สกินเนอร์จึงให้ลิงกวินี่เป็นเด็กเทขยะ และเขาก็ทำหม้อซุปหล่น เขาจึงปรุงซุปแบบหยิบอะไรได้ก็ใส่ลงไป เรมี่บังเอิญหล่นจากหลังคาร้านกุสโตว์ลงไปยังอ่างล้างจาน หลังจากพยายามหนีออกมา เขาได้กลิ่นซุปแล้วรู้สึกไม่ดีเขาจึงพยายามแก้รสของซุป ลินกวินี่เห็นเรมี่พอดีจึงใช้ที่ครอบหม้อจับไว้ สกินเนอร์จึงจับลินกวินี่ไว้ข้อหาที่เขาทำอาหารในครัว ในขณะที่อยู่ในความสับสน ซุปได้ถูกเสิร์ฟไปยังแขกลูกค้าแล้ว และลูกค้าคนนั้นคือนักวิจารณ์อาหาร โซลีน เลอแคลร์ โดยเธอชมว่าซุปของร้านกุสโตว์มีรสชาติดีเยี่ยม

เซฟผู้หญิงคนเดียวในร้านกุสโตว์ คอลเลตต์ ทาทูว์ (Colette Tatou) บอกสกินเนอร์ไม่ให้ไล่ลิงกวินี่ออก และยกคติของเชฟกุสโตว์ว่า "ไม่ว่าใครก็ทำอาหารได้" สกินเนอร์จึงไม่ไล่ลินกวินี่ออกแต่จะให้เขาทำซุปใหม่อีกครั้ง ขณะที่สกินเนอร์กำลังคุยกับลินกวินี่อยู่นั้นเขาก็เห็นเรมี่กำลังหนีอยู่พอดี ลินกวินี่จึงจับเรมี่ไว้ในขวด และสกินเนอร์ก็สั่งให้เอาเรมี่ไปไกลๆ แล้วฆ่ามัน แต่เมื่อถึงริมฝั่งแม่น้ำลินกวินี่ไม่สามารถทำใจฆ่าเรมี่ได้ เขาจึงเริ่มคุยกับเรมี่ บอกปัญหาต่างๆ และเขาพบว่าเรมี่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด โดยการพยักหน้าและภาษากาย


เรมี่ค้นพบว่าเขาสามารถควบคุมลิงกวินี่ได้โดยการดึงผมของเขา
วันรุ่งขึ้นร้านกุสโตว์ถูกจับตามองอีกครั้งหลังคำวิจารณ์ของโซลีน เลอแคลร์เผยแผร่ โดยลินกวินี่คิดหาว่าจะไว้เรมี่ที่ไหนดี และสุดท้ายหลังจากใช้ความพยายามหลายครั้งเขาจึงเอาเรมี่ไว้ในหมวกพ่อครัว และตอนนั้นลิงกวินี่เกือบจะชนกับบริกรของร้าน เรมี่ก็ดึงผมของลินกวินี่โดยไม่ได้ตั้งใจ ลินกวินี่ก็หลบบริกรได้ทัน ลินกวินี่จึงถามเรมี่ว่าเขาทำได้อย่างไร เรมี่ก็ลองดึงผมของลินกวินี่ แล้วเขาก็ขยับตามการดึงผมของเรมี่ เรมี่จึงใช้วิธีนี้ให้เขาสามารถควบคุมลินกวินี่ให้ทำอาหารได้

ลินกวินี่สามารถทำซุปอีกครั้งผ่านการควบคุมอย่างลับๆ ของเรมี่ แต่สกินเนอร์ก็ยังสงสัยว่าทำไมคนไม่เคยทำอาหารอย่างลินกวินี่จึงทำซุปได้อร่อยนัก ในคืนนั้นมีลูกค้าประจำโดยพวกเขาต้องการอาหารใหม่ที่ไม่มีอยู่ในเมนูบ้าง เรมี่และลินกวินี่ก็ทำอาหาร สวีตเบรด-อลากุสโตว์ ซึ่งกุสโตว์ยังเคยพูดเองว่าอาหารสูตรนี้แย่สุดๆ แต่ลูกค้าชอบมากและมีออเดอร์เข้ามาหลายที่ ระหว่างที่ลินกวินี่กำลังฉลองความสำเร็จเล็กๆ ในร้าน ในตอนนั้นสกินเนอร์เขาก็เห็นเงาของหนูในหมวกของลิงกวินี่ เขาจึงให้ลินกวินี่ดื่มไวน์ ชาโต ลาตูร์ (Château Latour) จนเมาเพื่ออาจจะได้ความลับบางอย่างแต่ก็ไม่สำเร็จ เขาจึงปล่อยให้ลินกวินี่ล้างจานและทำความสะอาดร้านจนถึงเช้า

วันรุ่งขึ้นขณะที่ลินกวินี่กำลังหลับอยู่และยังไม่สร่างเมา คอลเลตต์ได้มาถึงพอดี เรมี่จึงเข้าไปในหมวกของลินกวินี่และใส่แว่นดำให้กับเขา และควบคุมลิงกวินี่ทั้งๆ ที่หลับ จนสุดท้ายลินกวินี่เกือบที่จะเปิดเผยความจริง เรมี่จึงดึงผมของลินกวินี่จนลินกวินี่ล้มบนคอลเลตต์และจูบกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งสองเริ่มเดตกัน ทำให้เรมี่รู้สึกว่าถูกละทิ้ง ในขณะนั้นสกินเนอร์ได้อ่านจดหมายจากแม่ของลินกวินี่และพบว่าลินกวินี่เป็นลูกชายของกุสโตว์ จากพินัยกรรมของเชฟกุสโตว์ หากไม่มีทายาทของกุสโตว์ปรากฏตัวภายใน 2 ปีหลังจากกุสโตว์เสียชีวิต ตำแหน่งหัวหน้าเชฟจะตกเป็นของผู้ช่วยเชฟ ซึ่งนั่นคือสกินเนอร์นั่นเอง ทำให้แผนการของสกินเนอร์ที่จะขายชื่อร้านกุสโตว์ในธุรกิจอาหารแช่แข็งอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม และสกินเนอร์ก็พยายามหาวิธีเขี่ยลินกวินี่ออกจากร้านกุสโตว์ให้ได้

คืนหนึ่ง เรมี่ได้พบกับครอบครัว จังโก้พ่อของเขาจัดงานฉลองอย่างใหญ่โต แต่เรมี่บอกว่าเขาจะไม่อยู่กับครอบครัวแต่จะกลับไปอยู่กับมนุษย์ (ลินกวินี่) แล้วจะกลับมาเยี่ยมครอบครัวบ่อยๆ จังโก้จึงพาเรมี่ไปยังร้านขายยาเบื่อและกับดักหนูซึ่งมีแต่หนูที่ตายอยู่ในตู้กระจก และบอกเรมี่ว่านี่คือผลจากการที่หนูทำตัวสบายใกล้มนุษย์เกินไป เรมี่ไม่เชื่อและขอเดินในเส้นทางของเขาเอง

ระหว่างที่กำลังหาอาหาร เรมี่ได้พบพินัยกรรมของกุสโตว์ในลิ้นชักของสกินเนอร์ หลังจากหนีการตามล่าของสกินเนอร์ เรมี่ได้นำพินัยกรรมไปให้ลิงกวินี่ ลินกวินี่ถือว่าเป็นเจ้าของร้านกุสโตว์อย่างสมบูรณ์แล้ว ทำให้แผนของสกินเนอร์ต้องล่มทั้งหมด สกินเนอร์ถูกไล่ออก ทำให้ร้านกุสโตว์มีหน้าตาขึ้นมาอีกครั้ง

แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ยินดีในต
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ฝรั่งเศส) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
เรมี่ (Remy) est un rat vivant en France dans le royaume, je suis Ésaü, ton frère est, le (Emile) et son père est un logo la couronne (Django), qui est le chef rat เรมี่ Royaume a été accordé un grand goûtMais เรมี่ est tout à fait différent des autres rats, et ils choisissent souvent de manger, mais bon, nous sommes allés deux jambes parce qu'ils ne veulent pas de main (pied avant) sale เรมี่ tellement en harmonie avec son père.Et il avait trouvé le livre de BIOS, d'un jacuzzi, d'un jacuzzi Stowsher Bill (Auguste Gusteau) chef de mains or restaurant français nom et il dispose d'une piscine, d'un Jacuzzi, Stowsher Bill (Gusteau' s), qui est un restaurant cinq étoiles à Paris par เรมี่ admiré chef Jacuzzi Stowsher Bill plus, surtout la morale de son,
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: