มนุษย์เราทุกคนที่เกิดมามีชีวิตอยู่ในโลกนี้ สิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิตมนุษย์ ที่ต่างดิ้นรนแสวงหา คือ ปัจจัย 4 ได้แก่ เครื่องนุ่งห่ม อาหาร ที่อยู่อาศัย ยา และสิ่งอำนวยความสุขอื่นๆ ในการแสวงหานั้น ไม่ควรแสวงหาจนเกินขอบเขต เกินความพอดี เกินความจำเป็น ควรรู้จักพอ
เราทำใจให้มีความสุขกับสิ่งที่เรามี ง่ายกว่าทำใจให้มีความสุขกับสิ่งที่เราอยากได้ เราจะมีความสุขได้ถ้าเรามองเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามี มองถึงข้อดีและประโยชน์ของมัน เช่น กระเป๋าใบที่เราใช้อยู่เริ่มเก่าแล้ว เห็นเพื่อนซื้อกระเป๋าใบใหม่ เราก็อยากได้บ้าง ถ้าคิดแบบนี้ เราก็จะยิ่งอยากได้มากขึ้น ฉันมักจะใช้แต่ใบเก่าเพราะว่ามันยังใช้ได้อยู่เมื่อรู้ว่าถ้าซื้อก็เปลืองเงิน ก็จะรู้สึกว่าไม่อยากเปลี่ยนใหม่จนกว่ามันจะขาด
การเห็นคุณค่าของตัวเองก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่เราควรพอใจ ไม่ควรเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เพราะคนเราเกิดมาต่างกัน ไม่เหมือนกัน คนอื่นอาจมีดีทางนี้ เราก็อาจมีดีอีกทางหนึ่ง บางคนอาจรู้สึกไม่พอใจว่าทำไมเราถึงเป็นแบบนี้ ทำไมเราไม่เป็นแบบนั้น ความคิดเหล่านี้เกิดจากการที่เรามองไม่เห็นข้อดีของสิ่งที่เรามีอยู่ เราควรมีความเชื่อมั่นในตัวเอง วันนี้เราอาจจะมีความทุกข์ พรุ่งนี้เราก็อาจจะมีความสุขก็ได้ ไม่มีอะไรแน่นอนบนโลกนี้
มีความสุขกับปัจจุบัน นี่คืออีกวิธีหนึ่ง การมีความรักสมัยนี้ ไม่ค่อยรู้จักพอใจ พอเจอคนใหม่ที่ดูดีกว่า รวยกว่า มักจะทำให้อีกคนต้องเสียใจ การที่คนเรามีความรัก ควรจะนึกถึงจิตใจของอีกคนหนึ่ง บางทีอีกคนอาจดูดีกว่า รวยกว่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนๆนั้นจะนิสัยดีเสมอไป บางคนอาจเสแสร้ง อาจสร้างภาพ บางคนไม่สวย ไม่รวย แต่จิตใจดีงามก็มีเยอะ บางคนเลิกกับแฟนคิดจะฆ่าตัวตาย นั่นไม่ใช่ทางออกเลย ให้ลองคิดว่าเราโชคดีแค่ไหนที่เกิดมามีขนาดนี้ มีพ่อแม่ครอบครัวที่น่ารักและอบอุ่น เราเกิดมาไม่ต้องลำบาก มีเงินพอใช้ ไม่ต้องอดมื้อกินมื้อ แถมยังมีเพื่อนดีๆ แค่เลิกกับแฟนเราก็อยู่ได้
ดังนั้น เราควรพอใจในสิ่งที่ตนเองมี คนเราจะสุขหรือจะทุกข์ มันอยู่ที่มุมมองความคิดของตัวเราเองทั้งนั้น ถ้าเราคิดว่าเราไม่มีความสุข เราไม่พอใจอะไรเลยในชีวิต เราก็จะไม่มีความสุข แต่ถ้าเรามองว่าเรามีความสุขกับชีวิต ณ ตอนนี้ จิตใจเราก็จะเป็นสุขด้วย