ฝนเทียม1.เกี่ยวกับการทำฝนเทียม การทำฝนเทียม ที่ทุกคนรู้จักกันดีในนาม ฝ การแปล - ฝนเทียม1.เกี่ยวกับการทำฝนเทียม การทำฝนเทียม ที่ทุกคนรู้จักกันดีในนาม ฝ อังกฤษ วิธีการพูด

ฝนเทียม1.เกี่ยวกับการทำฝนเทียม การท

ฝนเทียม
1.เกี่ยวกับการทำฝนเทียม
การทำฝนเทียม ที่ทุกคนรู้จักกันดีในนาม ฝนหลวง ซึ่งเป็นกรรมวิธีในการสร้างฝนจริงๆ โดยอาศัยไอน้ำที่อยู่ในบรรยากาศ คือก้อนเมฆ ซึ่งในหน้าแล้งมักจะลอยผ่านพื้นที่ที่แห้งแล้งไป โดยไม่กลายเป็นน้ำฝน การสร้างฝนจึงต้องอาศัยความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และแปลงเป็นเทคนิคโดยอาศัยเทคโนโลยีการบิน เป็นเครื่องมือสร้างความเปลี่ยนแปลงในธรรมชาติ สร้างก้อนเมฆให้โตขึ้น สร้างสถานการณที่ทำให้เกิดลม ที่ช่วยลดระดับของก้อนเมฆที่โตขึ้น จนกลั่นตัวเป็นหยดน้ำฝน ตกลงบนพื้นที่เป้าหมายได้สำเร็จ
วิทยาศาสตร์ดังกล่าวนี้ ต้องเกิดจาก กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คือ การสังเกต บันทึก วิเคราะห์เพื่อสร้างสมมุติฐาน ตั้งทฤษฎี และทำการทดลอง จนเกิดความเข้าใจทั้งหมด จากนั้นจึงนำวิทยาศาสตร์ที่เป็นความรู้ใหม่ ไปประยุกต์ใช้เพื่อพิสูจน์ ทำฝนขึ้นมาได้จริงๆการพิสูจน์ดังกล่าว ได้เกิดขึ้นต่อหน้ากลุ่มบุคคล ที่สำคัญทั้งในประเทศ และจากต่างประเทศ
2.กรรมวิธีในการทำฝนเทียม
2.1.การทำฝนเทียมในเขตอบอุ่นซึ่งมีเมฆที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า0องศาเซลเซียส
การทำฝนเทียมแบบนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าการทำฝนเมฆเย็น จะทำให้เมื่อยอดเมฆสูงเฉลี่ย 21,500 ฟุต หรือประมาณ 6,450 เมตรมีอุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส เป็นแบบเมฆคิวมูลัส (Cumulus) จะเกิดเฉพาะช่วงต้นและปลายฤดูฝน การทำฝนเทียมในเมฆชนิดนี้ใช้โปรยหรือหว่านเม็ดน้ำแข็งแห้งเล็กๆ (dry ice) หรือ ซิลเวอร์ไอโอไดด์ ( silver iodide) จะเกิดปฏิกิริยาที่เร่งเร้าให้เม็ดน้ำเย็นยิ่งยวดเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นผลึกหรือเกล็ดน้ำแข็งทันทีแล้วคลายความร้อนแฝงออกมา พลังงานความร้อนดังกล่าวทำให้มวลอากาศภายในก้อนเมฆลอยตัวขึ้นเบื้องบนมีผลทำให้เกิดแรงดึงดูดใต้ฐานเมฆ ซึ่งจะดูดเอาความชื้นเข้ามาหล่อเลี้ยงทำให้ก้อนเมฆเจริญเติบโตและมีปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้นขณะเดียวกันแรงยกตัวจะหอบเอาเกล็ดน้ำแข็งเล็กๆขึ้นไปข้างบนทำให้เกล็ดน้ำแข็งเหล่นี้มีขนาดใหญ่ขึ้นพอมีน้ำหนักมากกว่าที่แรงยกตัวจะพยุงไว้ได้ก็ตกลงมา จนผ่านชั้นอากาศที่อุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆก้อนน้ำแข็งจะละลายกลายเป็นฝน
2.2.การทำฝนเทียมในเขตร้อนซึ่งมีอุณหภูมิสูงกว่า 0 องศาเซลเซียส
การทำฝนเทียมแบบนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าการทำฝนเมฆอุ่น มีลักษณะของก้อนเมฆก่อตัวขึ้นเป็นแนวตั้งฉากเป็นเมฆคิวเมฆคิวมูลัส (cumulus) ซึ่งสังเกตได้จากกลุ่มเมฆจะมีลักษณะฐานเมฆสีดำ ก้อนเมฆก่อตัวขั้นคล้ายดอกกะหล่ำปีอยู่ที่ระดับความสูงของฐานเมฆไม่เกิน 16,000 ฟุต มีอุณหภูมิภายในก้อนเมฆสูงกว่า 0 องศาเซลเซียส การทำฝนเทียมในเมฆชนิดนี้จะใช้สารเคมีเพื่อกระตุ้นให้เดกระบวนการชนและรวมตัวกันของเม็ดเมฆขนาดต่างๆ
3.ขั้นตอนการทำฝนเทียม
การทำฝนเทียมประกอบด้วย 3 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นที่ 1 ก่อกวน ( Triggering )
เป็นการดัดแปรสภาพอากาศด้วยการก่อกวนสมดุลย์ (Equilibrium) หรือ เสถียรภาพ (Stability) ของมวลอากาศเป็นแห่งๆโดยการโปรยสารเคมีประเภท คายความร้อน ( Exothermic chemical) ในท้องฟ้าที่ระดับของฐานเมฆในแต่ละวัน และโปรยสารเคมีประเภทดูดความร้อน (Endothermic chemicals) ที่ระดับสูงกว่า 2,000-3,000 ฟุต ทั้งนี้เพื่อช่วยให้เกิดเมฆเร็วขึ้น และปริมาณมากกว่าที่เกิดที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ โดยเริ่มก่อกวนในช่วงเวลาเช้าทางด้านเหนือลมของพื้นที่ เป้าหมายหวังผลที่วางแผนกำหนดไว้ในแต่ละวัน
ขั้นที่ 2 เลี้ยงให้อ้วน (Fatten)
เป็นการดัดแปรสภาพอากาศและก้อนเมฆด้วยการกระตุ้นหรือเร่งการเจริญเติบโตของก้อนเมฆที่ก่อตัวแล้ว ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นทางฐานเมฆและยอดเมฆ ให้ขนาดหยดน้ำใหญ่ขึ้น และปริมาณน้ำในก้อนเมฆมากขึ้น และหนาแน่นเกินกว่าที่จะปล่อยให้เจริญเองตามธรรมชาติ ด้วยการโปรยสารเคมีประเภทที่เมื่อดูดซับความชื้นแล้วทำให้อุณหภูมิลดต่ำลงที่ระดับฐานเมฆหรือยอดเมฆโดยบินโปรยสารเคมีเข้าสู่ก้อนเมฆโดยตรงหรือโปรยรอบๆ และระหว่างช่องว่างของก้อนเมฆทางด้านหรือลมให้กระแสลมพัดพาสาเคมีเข้าสู่ก้อนเมฆ หรือโปรยสารเคมีประเภทคายความร้อนสลับสารเคมีประเภทคายความเย็นในอัตราส่วน 1:4 ทับยอดเมฆทั่วบริเวณที่มีความหนา 2,000-3,000 ฟุต ปกคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง หรือบริเวณพื้นที่ใต้ลมของบริเวณที่เริ่มต้นก่อกวน ทั้งนี้สุดแล้วแต่สภาพของเครื่องบิน ภูมิประเทศ และขณะอากาศขณะนั้นจะอำนวยให้
ขั้นที่ 3 โจมตี (Attack)
เป็นการดัดแปรสภาพอากาศในก้อนเมฆโดยตรงหรือบริเวณใต้ฐานเมฆ หรือบริเวณที่ต้องการ ชักนำเมฆฝนที่ตกอยู่แล้วเคลื่อนเข้าสู่พื้นที่ที่ต้องการ เป็นการบังคับหรือเหนี่ยวนำให้เมฆที่แก่ตัวจัดแล้วตกเป็นฝนลงสู่พื้นที่เป้าหมายหวังผลที่วางแผนกำหนดไว้ โดยใช้เครื่องบิน บินโปรยสารเคมีประเภทดูดความร้อนเข้าไปโดยตรงที่ฐานเมฆ หรือยอดเมฆ หรือที่ระดับระหว่างฐานเมฆและยอดเมฆ ชิดขอบเมฆทางด้านเหนือลมหรือใช้เครื่องบิน 2 เครื่องโปรยพร้อมกันแบบแซนด์วิช (Sandwich) เครื่องหนึ่งโปรยที่ฐานเมฆใต้ลม อีกเครื่องโปรยด้านเหนือชิดลมขอบเมฆที่ระดับยอดเมฆหรือไหล่เมฆ เครื่องบินทั้งสองทุมเยื้องกัน 45 องศา หรือโปรยสารเคมีประเภทดูดความร้อนที่ระดับต่ำกว่าฐานเมฆ ไม่น้อยกว่า 1,000ฟุต หรือสร้างจุดเย็นด้วยสารเคมีประเภทดูดความร้อนเป็นบริเวณแคบในบริเวณที่เป้าหมายหวังผล เพื่อเหนี่ยวนำให้ฝนที่กำลังตกอยู่เคลื่อนที่เข้าสู่บริเวณที่ต้องการนั้น
4.สารเคมีที่ใช้ในการทำฝนเทียม
4.1.สารเคมีประเภทคายความร้อนหรือทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น (Exothermic chemical)ปัจจุบันมีใช้ในการทำฝนเทียมในประเทศไทย 3ชนิด คือ
4.1.1.แคลเซียมคาร์บอน (Calcium carbide ; CaC2)
4.1.2.แคลเซียมคลอไรด์ (Calcium Chloride ; CaCl2)
4.1.3. แคลเซียมออกไซด์ ( Calcium oxide ; CaO)
4.2.สารเคมีประเภทดูดกลืนความร้อนหรือทำให้อุณหภูมิต่ำขึ้น (Endothermic chemical)ปัจจุบัน
มีใช้ในการทำฝนเทียม 3ชนิด คือ
4.2.1. ยูเรีย ( Urea ;Co()NH2)2)
4.2.2.น้ำแข็งแห้ง (Dry ice ; Co2(s))
4.2.3. แอมโมเนียไนเทรต ( Ammoniumnitrate ; NH4NO3)
4.3.สารเคมีที่ทำหน้าที่ดูดซับความชื้นประการเดียว ได้แก่ เกลือ
5.ประโยชน์ของการทำฝนเทียม
5.1.เพื่อการเกษตร ช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงที่เกิดภาวะฝนแล้ง ช่วยเพิ่มปริมาณให้กับพื้นที่ลุ่มรับน้ำของแม่น้ำสายต่างๆที่มีปริมาณน้ำลดลง
5.2.เพื่ออุปโภคบริโภค
5.3.เสริมเส้นทางคมนาคมทางน้ำ
5.4.ป้องกันและบำบัดภาวะมลพิษของสิ่งแวดล้อม
5.5.เพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า
5.6.ความสำเร็จการยอมรับและการทำฝนเทียมในอนาคต
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
Artificial rain.1. about making artificial rain. To make artificial rain at all known. The rain itself is processed to generate rain, really, by virtue of the steam in the clouds, which is in the dry season, usually floating through space. Without becoming rain Create rain, requiring scientific knowledge and convert it into a technology to techniques, tools, creating a change in nature. Create clouds, grow up. Create situations that cause the wind to help reduce levels of the clouds grow upward until the condensation rained on target areas successfully. This science requires a scientific process is recorded and analysed to establish hypotheses. Set theory and experiment until all understanding the science is the application of new knowledge to make the rain come up really to prove it has occurred in front of a group of important people in the country and from abroad. 2. the methods used in making artificial rain. 2.1. to make artificial rain in the grants, which are clouds with temperatures lower than 0° c. To make artificial rain to this form is also called a cold rain, clouds will keep working when clouds of high average approximately 21,500 feet or meters of 6,450 temperature is lower than 0 degrees Celsius as a stylus (Cumulus) clouds Moose queue will occur only during early and late rainy season. Making the artificial rain in the clouds of this type use a scattering or sowing the grain of dry ice (dry ice), or silver iodide (silver iodide) to excite reactions, cold water, even changing the status from the liquid crystals or flake ice immediately, and then loosen the enthalpy released. Such heat energy causes the air mass inside a cloud floating up above has the attraction under the cloud base, which will suck the moisture comes in, nourished, making clouds grow and there is increased rainfall, while the same buoyancy will remove a small ice chips and papers on top of this, make ice platelets, I have a larger weight than buoyancy buoyancy, it is preserved until the air comes through the floor to high temperatures to melt the ice becomes rain. 2.2.การทำฝนเทียมในเขตร้อนซึ่งมีอุณหภูมิสูงกว่า 0 องศาเซลเซียส การทำฝนเทียมแบบนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าการทำฝนเมฆอุ่น มีลักษณะของก้อนเมฆก่อตัวขึ้นเป็นแนวตั้งฉากเป็นเมฆคิวเมฆคิวมูลัส (cumulus) ซึ่งสังเกตได้จากกลุ่มเมฆจะมีลักษณะฐานเมฆสีดำ ก้อนเมฆก่อตัวขั้นคล้ายดอกกะหล่ำปีอยู่ที่ระดับความสูงของฐานเมฆไม่เกิน 16,000 ฟุต มีอุณหภูมิภายในก้อนเมฆสูงกว่า 0 องศาเซลเซียส การทำฝนเทียมในเมฆชนิดนี้จะใช้สารเคมีเพื่อกระตุ้นให้เดกระบวนการชนและรวมตัวกันของเม็ดเมฆขนาดต่างๆ3.ขั้นตอนการทำฝนเทียมการทำฝนเทียมประกอบด้วย 3 ขั้นตอน ดังนี้ขั้นที่ 1 ก่อกวน ( Triggering ) เป็นการดัดแปรสภาพอากาศด้วยการก่อกวนสมดุลย์ (Equilibrium) หรือ เสถียรภาพ (Stability) ของมวลอากาศเป็นแห่งๆโดยการโปรยสารเคมีประเภท คายความร้อน ( Exothermic chemical) ในท้องฟ้าที่ระดับของฐานเมฆในแต่ละวัน และโปรยสารเคมีประเภทดูดความร้อน (Endothermic chemicals) ที่ระดับสูงกว่า 2,000-3,000 ฟุต ทั้งนี้เพื่อช่วยให้เกิดเมฆเร็วขึ้น และปริมาณมากกว่าที่เกิดที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ โดยเริ่มก่อกวนในช่วงเวลาเช้าทางด้านเหนือลมของพื้นที่ เป้าหมายหวังผลที่วางแผนกำหนดไว้ในแต่ละวันขั้นที่ 2 เลี้ยงให้อ้วน (Fatten) เป็นการดัดแปรสภาพอากาศและก้อนเมฆด้วยการกระตุ้นหรือเร่งการเจริญเติบโตของก้อนเมฆที่ก่อตัวแล้ว ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นทางฐานเมฆและยอดเมฆ ให้ขนาดหยดน้ำใหญ่ขึ้น และปริมาณน้ำในก้อนเมฆมากขึ้น และหนาแน่นเกินกว่าที่จะปล่อยให้เจริญเองตามธรรมชาติ ด้วยการโปรยสารเคมีประเภทที่เมื่อดูดซับความชื้นแล้วทำให้อุณหภูมิลดต่ำลงที่ระดับฐานเมฆหรือยอดเมฆโดยบินโปรยสารเคมีเข้าสู่ก้อนเมฆโดยตรงหรือโปรยรอบๆ และระหว่างช่องว่างของก้อนเมฆทางด้านหรือลมให้กระแสลมพัดพาสาเคมีเข้าสู่ก้อนเมฆ หรือโปรยสารเคมีประเภทคายความร้อนสลับสารเคมีประเภทคายความเย็นในอัตราส่วน 1:4 ทับยอดเมฆทั่วบริเวณที่มีความหนา 2,000-3,000 ฟุต ปกคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง หรือบริเวณพื้นที่ใต้ลมของบริเวณที่เริ่มต้นก่อกวน ทั้งนี้สุดแล้วแต่สภาพของเครื่องบิน ภูมิประเทศ และขณะอากาศขณะนั้นจะอำนวยให้ขั้นที่ 3 โจมตี (Attack) เป็นการดัดแปรสภาพอากาศในก้อนเมฆโดยตรงหรือบริเวณใต้ฐานเมฆ หรือบริเวณที่ต้องการ ชักนำเมฆฝนที่ตกอยู่แล้วเคลื่อนเข้าสู่พื้นที่ที่ต้องการ เป็นการบังคับหรือเหนี่ยวนำให้เมฆที่แก่ตัวจัดแล้วตกเป็นฝนลงสู่พื้นที่เป้าหมายหวังผลที่วางแผนกำหนดไว้ โดยใช้เครื่องบิน บินโปรยสารเคมีประเภทดูดความร้อนเข้าไปโดยตรงที่ฐานเมฆ หรือยอดเมฆ หรือที่ระดับระหว่างฐานเมฆและยอดเมฆ ชิดขอบเมฆทางด้านเหนือลมหรือใช้เครื่องบิน 2 เครื่องโปรยพร้อมกันแบบแซนด์วิช (Sandwich) เครื่องหนึ่งโปรยที่ฐานเมฆใต้ลม อีกเครื่องโปรยด้านเหนือชิดลมขอบเมฆที่ระดับยอดเมฆหรือไหล่เมฆ เครื่องบินทั้งสองทุมเยื้องกัน 45 องศา หรือโปรยสารเคมีประเภทดูดความร้อนที่ระดับต่ำกว่าฐานเมฆ ไม่น้อยกว่า 1,000ฟุต หรือสร้างจุดเย็นด้วยสารเคมีประเภทดูดความร้อนเป็นบริเวณแคบในบริเวณที่เป้าหมายหวังผล เพื่อเหนี่ยวนำให้ฝนที่กำลังตกอยู่เคลื่อนที่เข้าสู่บริเวณที่ต้องการนั้น4.สารเคมีที่ใช้ในการทำฝนเทียม
4.1.สารเคมีประเภทคายความร้อนหรือทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น (Exothermic chemical)ปัจจุบันมีใช้ในการทำฝนเทียมในประเทศไทย 3ชนิด คือ
4.1.1.แคลเซียมคาร์บอน (Calcium carbide ; CaC2)
4.1.2.แคลเซียมคลอไรด์ (Calcium Chloride ; CaCl2)
4.1.3. แคลเซียมออกไซด์ ( Calcium oxide ; CaO)
4.2.สารเคมีประเภทดูดกลืนความร้อนหรือทำให้อุณหภูมิต่ำขึ้น (Endothermic chemical)ปัจจุบัน
มีใช้ในการทำฝนเทียม 3ชนิด คือ
4.2.1. ยูเรีย ( Urea ;Co()NH2)2)
4.2.2.น้ำแข็งแห้ง (Dry ice ; Co2(s))
4.2.3. แอมโมเนียไนเทรต ( Ammoniumnitrate ; NH4NO3)
4.3.สารเคมีที่ทำหน้าที่ดูดซับความชื้นประการเดียว ได้แก่ เกลือ
5.ประโยชน์ของการทำฝนเทียม
5.1.เพื่อการเกษตร ช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงที่เกิดภาวะฝนแล้ง ช่วยเพิ่มปริมาณให้กับพื้นที่ลุ่มรับน้ำของแม่น้ำสายต่างๆที่มีปริมาณน้ำลดลง
5.2.เพื่ออุปโภคบริโภค
5.3.เสริมเส้นทางคมนาคมทางน้ำ
5.4.ป้องกันและบำบัดภาวะมลพิษของสิ่งแวดล้อม
5.5.เพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า
5.6.ความสำเร็จการยอมรับและการทำฝนเทียมในอนาคต
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
Artificial rain.1. On cloud seeding.Cloud seeding, all well known hypertrophic obstructive cardiomyopathy, which is a process to create rain. The steam in the atmosphere, clouds, which is in the dry season, often floating through space that drought, without becoming rain. The rain must rely on scientific knowledge. Converter technique and by using aviation technology. A change in nature, create clouds to grow up, create the situation ที่ทำให้เกิด wind. To help reduce the level of the clouds that grew to condense a raindrop falls into the target area is successful.This must be the science scientific process observation, record, analysis, to build a hypothesis, the theory. The experiment was to understand all. Then the science is new. Application to prove it. Rainmaking up really proved them. It happened in front of a group of people is important both in domestic and overseas.2 process in cloud seeding.2.1. Cloud seeding in warm zone, which has a cloud with lower temperature 0 degrees Celsius.Cloud seeding this call another thing that cloud rainmaking cold. To make strain had high clouds, the average 21 500 feet, or about 6 450 meters have lower temperature 0 DEG C like clouds cumulus (Cumulus). There will be only the beginning and the end of the rainy season. Cloud seeding in cloud types used in dry ice or sow grain small (dry ice) or silver iodide and (silver iodide) reaction urging granular cold water farming change status of liquid crystals or flake ice immediately relieve latent heat out. Heat the air within the clouds lifted above effect gravity under the base of the cloud. Which absorbs moisture to nourish the clouds grow and rainfall increases, while the capillary action to carry a small flake ice upstairs makes these flake ice this larger have weight than capillary action will help them fell. Through the air layer temperature passive ice will melt the defense.
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: