พระพุทธรูปสมัยเชียงแสน ซึ่งสร้างในพุทธศตวรรษที่ ๑๖-๒๐ หรือระหว่างปี พ.ศ. ๑๖๐๐-๒๐๐๐ โดยเป็นฝีมือของช่างชาวไทยในมณฑลพายัพ แต่มีพบมากและมีความสวยงาม คือ อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย นักโบราณคดีจึงใช้ชื่อเมืองเชียงแสนในการกำหนดพุทธศิลป์ และยกย่องว่าเป็นพุทธศิลป์ที่มีเอกลักษณ์ และเข้าถึงศิลป์เชียงแสนอย่างแท้จริง
พระพุทธรูปสมัยเชียงแสน แบ่งออกเป็น สิงห์หนึ่ง,สิงห์สอง และสิงห์สาม มีผู้กล่าวถึงที่มาของคำว่า สิงห์ ที่หมายถึงความสง่างามของพุทธลักษณะพระพุทธรูปสมัยเชียงแสนเป็นฝีมือช่างไทย ซึ่งได้เข้ามาตั้งภูมิลำเนาอยู่ในมณฑลพายัพ นักโบราณคดีได้กำหนดพระพุทธรูปสมัยนี้ แบ่งออกเป็นสองรุ่นคือ รุ่นแรก และ รุ่นหลัง
รุ่นแรกทำตามแบบอย่างพระพุทธรูปอินเดีย สมัยราชวงศ์ปาละอินเดีย พ.ศ. ๑๒๗๓-๑๗๔๐ ลักษณะพระพุทธรูปสมัยเชียงแสนรุ่นแรกมีลักษณะคล้ายคลึงกับพระพุทธรูปอินเดีย ราชวงศ์ปาละ คือ พระองค์อวบอ้วน พระรัศมีเป็นต่อมกลมนั่งขัดสมาธิเพชร พระหัตถ์มารวิชัย พระอุระนูน ชายสังฆาฎิอยู่เหนือราวพระถันพระพักตร์กลมสั้น พระโขนงโก่ง พระนาสิกงุ้ม พระโอษฐ์เล็ก พระหนุเป็นปม เส้นพระศกใหญ่เป็นต่อมกลมหรือเป็นเส้นหอยไม่มีไรพระศก ฐานบัวมีรอง ทั้งบัวคว่ำบัวหงายฐานเขียงไม่มีบัวฐานเขียงบัวมีกลีบแซมและมีเกสร
พระพุทธรูปสมัยเชียงแสนรุ่นหลัง เป็นฝีมือช่างไทยชาวลานนาและลานช้างทำตามแบบอย่างพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย มีลักษณะต่างไปจากสมัยเชียงแสนรุ่นแรกคือ ทำพระรัศมีเป็นเปลว นั่งขัดสมาธิราบ ชายสังฆาฎิยาว เส้นพระศกละเอียด มีไรพระศก รัศมีเป็นเปลว กล่าวโดยสรุป พระพุทธรูปสมัยเชียงแสนปัจจุบันนิยมแบ่งออกเป็น สิงห์หนึ่ง , สิงห์สอง และสิงห์สาม
พระพุทธรูปสมัยเชียงแสน สิงห์หนึ่ง ลักษณะองค์พระจะอวบอ้วน พระรัศมี หรือพระเกตุมาลาเป็นต่อมกลม(รูปดอกบัวตูม) ไม่ปรากฏไรพระศก ส่วนเม็ดพระศกเป็นต่อมกลมหรือก้นหอยวงพระพักตร์ค่อนข้างกลมสั้น พระโขนงโก่ง พระนาสิกงุ้ม พระโอษฐ์เล็ก พระหนุเป็นปม จีวรแนบเนื้อ พระอุระผึ่งผาย พระถันเป็นเต้างามดังดอกบัวพระสังฆาฎิเป็นแฉกคล้ายหางนกแซงแซวหรือคล้ายเงี้ยวตะขาบ มีชายเดียวหรือซ้อนกันหลายชั้นชายผ้าสังฆาฎิเหนือพระถัน
พระพุทธรูปสมัยเชียงแสน สิงห์สอง ผู้รู้กำหนดว่าชายผ้าสังฆาฎิจะเลยพระถันลงมาเล็กน้อย และพุทธลักษณะอื่นๆคล้ายกัน แตกต่างกันที่สังฆาฎิ
พระพุทธรูปสมัยเชียงแสน สิงห์สาม ลักษณะองค์พระคล้ายพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยพระเกตุมาลาเป็นรัศมีเปลว บางองค์มีเส้นไรพระศกทำเป็นเม็ดกลมหรือขมวดก้นหอย พระพักตร์รูปวงรีคล้ายผลมะตูม พระนาลาฎเรียบเต็ม พระโขนงโก่งพองาม ปลายพระโขนงตกหางพระเนตร ชายผ้าสังฆฎิจรดที่พระอุทร