ความรู้ในทัศนะอิสลามอิสลามกับวิทยาศ

ความรู้ในทัศนะอิสลาม

อิสลามกับวิทยาศาสตร์ไม่สามารถแยกกันได้ เพราะวิทยาศาสตร์เป็นส่วนหนึ่งของความรู้ของอัลลอฮฺ หรือความรู้ของอิสลาม ( อัลกุรอาน ) ในขณะที่อิสลามให้ความสำคัญต่อความรู้เป็นอย่างยิ่ง จนไม่สามารถที่จะแยกอิสลามจากความรู้ได้ เพราะอิสลามกับความรู้ได้รวมเป็นหนึ่งเดียว[1] ซึ่งความรู้ในอิสลามเปรียบเสมือนแสงประทีปที่ให้ความสว่างและทางนำแก่ปัญญาและจิตใจของมนุษย์ เพียงแต่ว่าความรู้อันนี้จะต้องเป็นความรู้ที่ถูกต้อง และเป็นสัจธรรมอยู่ตลอดกาล

อิสลามถือว่าความรู้ที่ถูกต้องมาจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นความรู้ที่เกี่ยวกับปรากฏการณ์ กฎเกณฑ์ธรรมชาติต่างๆ ความรู้เกี่ยวกับจิตวิญญาณ ความเชื่อ ความศรัทธา หรือความรู้เกี่ยวกับวิถีการดำเนินชีวิต[2] และที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่ปัญญามนุษย์หยั่งไม่ถึง และไม่เคยมีข้อมูลมาก่อนโดยประสบการณ์ของมนุษย์เอง อาทิ การกำเนิดมนุษย์ หรือชีวิตแรกบนโลกใบนี้ หรือชีวิตหลังความตาย

บางความรู้มนุษย์ไม่มีทางที่จะแสวงหาให้ล่วงรู้โดยตัวมนุษย์เอง จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาการเปิดเผยและการชี้นำจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น บางความรู้อาจจะต้องมีกรอบ แนวทางกว้างๆ และบางความรู้มนุษย์สามารถแสวงหาได้อย่างเต็มที่ จากปรากฏการณ์ต่างๆที่พระองค์ได้ทรงประทานให้ไว้ในจักรวาล ในโลก และในตัวตนของมนุษย์เอง ก็คือความรู้ที่เป็นวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ซึ่งความรู้สุดท้ายนี้ อัลลอฮฺ พระผู้เป็นเจ้าได้เปิดเผยเพียงบางส่วนไว้ในอัลกุรอาน เพื่อให้มนุษย์ได้พิสูจน์ สัจธรรมอัลกุรอาน ว่าสิ่งที่พระองค์ได้ทรงประทานมาหนึ่งพันสี่ร้อยกว่าปีมาแล้วหรืออีกกี่พันปีในอนาคต จะคงเป็นสัจธรรมตลอดไปหรือไม่ ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่เชื่อมโยงมนุษย์กับพระผู้เป็นเจ้า ก็คือความรู้ ที่มาจากคัมภีร์อัลกุรอานนี้เอง

อัลกุรอานซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของอิสลามได้เริ่มต้น “วะห์ยู” การประทานโองการแรกด้วยการใช้ ให้อ่าน ซึ่งเป็นกระบวนการหนึ่งของการแสวงหาความรู้ ในขณะเดียวกันอิสลามก็ให้ความสำคัญต่อการสังเกต การใคร่ครวญ การพินิจพิจารณา ตัวตนของมนุษย์เอง ธรรมชาติรอบตัว ทั้งที่เป็นสิ่งมีชีวิต และไม่มีชีวิต สิ่งที่เป็นรูปธรรม หรือนามธรรม หรือความรู้สึกนึกคิด แม้กระทั่งเหตุการณ์ต่างๆที่เป็นประวัติศาสตร์อันยาวนาน ที่ปราศจากการบันทึกโดยมนุษย์ เพียงแต่มีร่องรอยที่หลงเหลือเป็นมรดกโลก ไม่ว่าจะเป็น บัยติลละฮฺ แห่งมหานคร มักกะฮฺ ปิระมิดสัญลักษณ์ความมีอำนาจ และอหังการของฟาโรห์แห่งอิยิปต์ เรื่องราวของชาวอ๊าดและษะมูด[3] ความเร้นลับของตัวละคร และเรื่องราวที่คลุมเครือหรือสูญหายจากการบันทึกเหล่านี้ กลับได้รับการเปิดเผย ชี้แจงจากอัลกุรอานด้วยวิธีการที่เป็นวิชาการ การบูรณาการหลากหลายองค์ความรู้ และเชื่อมโยงเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน และสมดุลที่สุด ดังที่เราได้ค้นพบในซูเราะฮฺ อัล อะรอฟ อายะฮฺที่ 74 ว่า

“และพวกท่านจงระลึกขณะที่พระองค์ได้ทรงให้พวกท่านเป็นผู้สืบช่วงแทนมาหลังจากชาวอ๊าดและได้ทรงให้พวกท่านตั้งหลักแหล่งอยู่ในแผ่นดินส่วนนั้น โดยยึดเอาจากที่ราบของมันเป็นวังและสกัดภูเขาเป็นบ้าน พวกท่านพึงระลึกถึงความกรุณาของอัลลอฮฺเถิด และจงอย่าก่อกวนในแผ่นดิน ในฐานะผู้บ่อนทำลาย”

หลังจากอัลกุรอานได้เปิดเผยเรื่องราวและความเร้นลับ ทั้งที่เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ และเหตุการณ์ต่างๆ อัลกุรอานจะกระตุ้นพร้อมท้าทายสติปัญญาและจิตใจของมนุษย์ ด้วยคำว่า สูจ้าไม่ได้เห็นดอกหรือ สูเจ้าไม่ได้สังเกตดอกหรือ สูเจ้าไม่ได้คิดใคร่ครวญดอกหรือ สูเจ้ายังไม่ศรัทธาอีกหรือ ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่แปลกใจ ที่ไม่ค่อยได้พบเห็นนักวิชาการ นักปราชญ์ หรือนักวิทยาศาสตร์มุสลิม ที่คิดนอกกรอบ เลยเถิดจนกระทั่งประกาศตัวเป็นศัตรูกับพระเจ้า และปฏิเสธศาสนาโดยสิ้นเชิง เหมือนที่เกิดขึ้นในวงการวิชาการ วงการวรรณกรรม หรือในวงการวิทยาศาสตร์ของชาวตะวันตกเมื่อเผชิญหน้ากับกระแสโลกสมัยใหม่ที่ถูกครอบงำโดยลัทธิวัตถุนิยม สุดโต่ง

อะไรคือเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังความจริงอันนี้ เป็นสิ่งที่ท้าทายการศึกษาวิเคราะห์อย่างยิ่ง

สถานะและประเภทของความรู้ในอิสลาม

อิสลามให้ความสำคัญและเทิดทูนความรู้เป็นอย่างยิ่ง เพราะด้วยความรู้ที่เป็นสัจธรรม ทำให้มนุษย์สามารถปลดปล่อยตัวเองออกจากความมืดมน หรือความอวิชาที่นำไปสู่การหลงทาง ทำให้มนุษย์สามารถแยกแยะ สิ่งที่ดีและสิ่งที่เลว ทำให้มนุษย์รู้จักคุณธรรม และมีอารยธรรม สามารถยกระดับตัวเองให้แตกต่างจากสัตว์ หรือทำให้ผู้ที่มีความรู้มีฐานะที่แตกต่างจากผู้ที่ไม่รู้ ดังที่อัลลอฮฺได้ตรัสไว้ในซุเราะฮฺที่ 28 อายะฮฺที่11 ความว่า

“พระองค์อัลลอฮฺจะทรงยกย่องเทิดเกียรติแก่บรรดาผู้ศรัทธาในหมู่พวกเจ้า และบรรดาผู้ได้รับความรู้หลายฐานันดร”

ความรู้ทำให้บรรดาผู้ศรัทธาที่ครอบครองและเผยแพร่ ได้รับเกียรติให้เป็นทายาทของท่านศาสดา ( ศ็อลฯ ) ดังวจนะของท่านที่กล่าวว่า

“บรรดาผู้รู้คือทายาทของท่านศาสดา” อัลหะดิษ

อัลกุรอานได้ตอกย้ำในซูเราะฮฺที่ 39 อายะฮฺที่ 9 ความว่า

“จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด)บรรดาผู้รู้กับบรรดาผู้ไม่รู้จะเท่าเทียมกันหรือ”

ด้วยเหตุนี้การแสวงหาความรู้ จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมุสลิมทั้งหญิงและชาย และ เป็นภาระหน้าที่ของปัจเจกชนและผู้ปกครองที่จะต้องแสวงหาหรือจัดการให้แก่ตัวเองและผู้อยู่ใต้ความดูแล ตั้งแต่อยู่ในเปล จนถึงหลุมฝังศพ

อิสลามได้แบ่งประเภทความรู้หลักๆเป็นสองประเภทคือ

ความรู้ Naqli ( Revealed Knowledge ) หรือความรู้ที่อัลลอฮฺได้ทรงประทานลงมาเป็นวะห์ยูซึ่งก็คือ อัลกุรอาน และซุนนะฮฺของท่านศาสดา ( ศ็อลฯ)

ความรู้ Aqli ( Acquired Knowledge ) หรือความรู้ที่มนุษย์แสวงหาด้วยสติปัญญาและประสบการณ์ของมนุษย์ ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับความรู้วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ( Natural Science ) เทคโนโลยี และความรู้ร่วมสมัย[4]

ผลลัพธ์ (มาเลย์) 1:

Ilmu dalam Islam , Islam dan sains tidak boleh dipisahkan. Kerana sains adalah sebahagian daripada ilmu Allah, Allah. Atau pengetahuan Islam (Al-Quran), manakala penekanan Islam kepada pengetahuan juga. Ia adalah mustahil untuk memisahkan Islam daripada pengetahuan yang diperolehi. Oleh kerana pengetahuan Islam sebagai satu [1], yang dalam Islam adalah seperti lampu yang memberi cahaya dan petunjuk bagi kecerdasan dan minda manusia. Hanya pengetahuan yang diperlukan adalah pengetahuan yang diperlukan. Dan kerana ia adalah selama-lamanya Islam dianggap pengetahuan yang tepat Tuhan sahaja. Sama ada ia adalah pengetahuan tentang fenomena ini. Undang-undang semula jadi Pengetahuan tentang kepercayaan rohani atau pengetahuan tentang gaya hidup, [2] dan amat penting adalah pengetahuan tentang apa kecerdasan manusia yang tidak terduga. Dan tidak pernah ada sebelum oleh pengalaman manusia, seperti asal-usul manusia. Kehidupan pertama di Bumi. Atau kehidupan selepas mati, beberapa pengetahuan manusia bukan untuk mencari tahu manusia itu sendiri. Keperluan untuk bergantung kepada wahyu dan petunjuk dari Allah sahaja. Beberapa pengetahuan berkenaan rangka kerja yang luas dan pengetahuan manusia memohon sepenuhnya. Fenomena di mana Ia telah menjadikan kita di alam semesta, dunia, dan jika tiada manusia itu sendiri. Apakah pengetahuan sains semula jadi. Akhir sekali, pengetahuan Allah, Allah, Allah telah menurunkan sebahagiannya dalam Al-Quran. Telah terbukti menjadi manusia Kebenaran Al-Quran Apa yang dia telah memberikan kita seribu empat ratus tahun yang lalu, atau beberapa ribu tahun pada masa akan datang. Masih benar sama ada atau tidak sebab ini, manusia pautan dengan Tuhan, ia adalah pengetahuan yang berasal dari al-Quran itu sendiri Al-Quran, yang merupakan asas Islam telah mula "Neraka Maha 'ayat-ayat dispensasi dengan menyeronokkan. memberikan baca, yang merupakan proses mendapatkan ilmu. Sementara itu, Islam amat penting untuk memerhatikan menimbang tampuk. Identiti manusia itu sendiri Persekitaran semulajadi Organisma adalah Dan tidak bernyawa Sesuatu yang konkrit atau abstrak, atau wasiat. Malah sekiranya berlaku sejarah yang panjang. Tanpa ditangkap oleh manusia Kesan hanya kekal sebagai Tapak Warisan Dunia, sama ada akaun Castillo ini iman Metropolitan Mekah piramid beliau melambangkan kuasa. Dan ketegasan dari Firaun Mesir Kisah Aad dan Thamud [3] misteri watak. Dan cerita ini adalah samar-samar atau hilang dari rekod-rekod ini. Untuk dinyatakan Kenyataan dari Al-Quran dengan cara yang bersifat akademik. Mengintegrasikan pengetahuan yang pelbagai. Dan dikaitkan bersama secara harmoni. Dan Seimbang Seperti yang kita tahu dalam Surah Al Aral Hadiah Islam pada 74 bahawa , "dan anda kenanglah ketika Allah menjadikan kamu diwarisi dan bukan selepas AAD, dan memberikan kepada mereka. Anda menetap di tempat kediaman. Dengan mematuhi dataran istana, dan ia membuat rumah gunung. Adakah anda masih ingat akan nikmat Allah kepada Allah. Jangan membuat kerosakan di muka bumi Seperti yang melemahkan " kisah dan misteri Al-Quran diturunkan. Itu adalah satu fenomena semula jadi Dan peristiwa Al-Quran untuk memberi motivasi dan mencabar akal dan minda manusia dengan kata-kata, saya tidak pernah melihat dia melawan. Kamu tidak perasan ia? Berfikir tidak kamu lihat. Kamu tidak mahu beriman? Atas sebab ini, kami tidak terkejut. Jarang dilihat ulama Islam ulama atau saintis. Berfikir di luar kotak Agresif sehingga mengisytiharkan dirinya musuh Allah. Dan menolak agama sama sekali Perkara yang sama berlaku di kalangan akademik. Bulatan sastera Atau di kalangan saintifik Barat dalam menghadapi dunia moden dikuasai oleh materialisme. Extreme , apakah sebab di sebalik hakikat ini. Ia amat mencabar untuk menganalisis status dan jenis pengetahuan dalam Islam, Islam menekankan pengetahuan dan rahmat kepada anda. Oleh kerana pengetahuan yang benar. Manusia boleh membebaskan diri mereka dari kegelapan. Atau kajian yang membawa kepada kesilapan. Manusia boleh membezakan Apa yang baik dan apa yang buruk. Manusia adalah moral Dan Tamadun Boleh meningkatkan dirinya untuk berbeza daripada haiwan. Atau membenarkan seseorang yang mempunyai pengetahuan yang berbeza daripada orang-orang yang mengetahui. Sebagai Allah, Allah telah berkata dalam imannya Yusuf Islam pada 28 11 Mei bahawa "Dialah Allah, Allah akan meninggikan orang-orang yang beriman di antara menghiasi anda. Orang-orang yang telah memperoleh pengetahuan tentang keutamaan " Pengetahuan menyebabkan orang yang beriman pemilikan dan pengedaran. Kami bangga menjadi keturunan Rasulullah (saw) sebagai berkata bahawa dia berkata, "Orang-orang yang tahu adalah pewaris para Nabi," al-Hadith Quran membeku di Surah 39 ayat Allah itu. 9 bahawa "Katakanlah (wahai Muhammad): Adakah orang-orang yang mengetahui dengan orang yang tidak mengetahui atau" oleh itu ilmu. Oleh itu adalah penting bagi wanita Islam dan lelaki, dan kewajipan individu dan ibu bapa untuk mendapatkan atau menguruskannya sendiri dan mereka yang di bawah jagaan mereka. Dari Cradle yang Dari kubur , Islam mempunyai pelbagai jenis pengetahuan terutamanya dua jenis ilmu naqli (Ilmu Wahyu) atau pengetahuan tentang Allah, Allah telah menurunkan ke neraka beliau, iaitu, al-Quran dan Sunnah. Nabi (saw) ilmu aqli (Sindrom Knowledge) atau usaha manusia dengan hikmat, pengetahuan dan pengalaman manusia. Kebanyakan berkaitan dengan pengetahuan Sains Alam (IPA) teknologi dan pengetahuan kontemporari [4].