ในขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาโดยเปรียบ

ในขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาโดยเปรียบเทียบจากผลผลิตสัตว์น้ำที่น้ำหนัก 1 กิโลกรัม เท่ากัน พบว่ากระบวนการผลิตเนื้อปลากะพงขาวมีการปล่อยคาร์บอน (C-emission) จากการใช้พลังงานรวมทั้งฟาร์มเลี้ยงปลาและตลาดหรือโรงงานแปรรูปสัตว์น้ำสูงกว่ากุ้งขาวแวนนาไม คิดเป็น 70.36 และ 29.64 เปอร์เซ็นต์จากปริมาณการปล่อยคาร์บอนทั้งหมดจากการใช้พลังงานสำหรับการผลิตเนื้อสัตว์น้ำ ตามลำดับ จากที่กล่าวมาข้างต้นการผลิตเนื้อปลากะพงขาวมีการปล่อยคาร์บอน (C-emission) จากการใช้พลังงานรวมสูงสุดเท่ากับ 27.68414 กก.C/กก.สัตว์น้ำ/วัน (ตารางที่ 4.13) ซึ่งเป็นการปล่อยคาร์บอนสูงสุดในช่วงของฟาร์มเลี้ยง (16.30603 กก.C/กก.สัตว์น้ำ/วัน) ในขณะที่มีการปล่อยคาร์บอนจากตลาดหรือโรงงานแปรรูปสัตว์น้ำเท่ากับ 11.37811 กก.C/กก.สัตว์น้ำ/วัน ดังแสดงในรูปที่ 4.10 ดังนั้น เมื่อพิจารณาผลรวมของปริมาณการปล่อยคาร์บอนจากการใช้พลังงานทั้งหมดจากฟาร์มเลี้ยงสัตว์น้ำและตลาดหรือโรงงานแปรรูปสัตว์น้ำ สามารถสรุปได้ว่าในแง่ของการใช้พลังงานสำหรับการผลิตเนื้อปลากะพงขาวออกสู่มือผู้บริโภคนั้นมีส่วนสำคัญในการก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าการผลิตเนื้อกุ้งขาวแวนนาไมเมื่อเทียบที่น้ำหนักสัตว์น้ำ 1 กิโลกรัม เท่ากัน (รูปที่ 4.10)

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

At the same time. When considering by comparison of yield of fish 1 weight kg rate, found that process, produce fish sea-bass have carbon emissions. (C-emission).A 70.And 36 29.64 percent from the amount of carbon emissions from energy consumption for meat production, water production, respectively. From the above fish sea-bass have release carbon dioxide. (C-emission) from the total energy consumption was highest 27.68414 kg / kg / day C species (table 4.13) which is the maximum carbon emissions in the range of the farm (16.30603 kg C/ kg fish / day). While there are carbon emissions from the market or fish processing plant was 11.37811 kg C / kg.Aquatic / day, as shown in Figure 4.10 so when considering the sum of the amount of carbon emissions from the total energy use from farm feed of aquatic animals and the market or fish processing plant.1 kg rate (Figure 4.10)


.