3 วัฒนธรรมในเกาหลีที่ฉันชอบมากทีสุด

3 วัฒนธรรมในเกาหลีที่ฉันชอบมากทีสุดคือ อาหาร การแต่งตัว Korean Pop Music and the Stars
อย่างแรกที่ฉันชอบก็คือ อาหาร เพราะอาหารเป็นสิ่งที่คนต่างประเทศชอบทดลองว่ารสชาติของอาหารของแต่ละประเทศเป็นอย่างไร แต่อาหารในประเทศเกาหลีนั้นเป็นอาหารที่มีหลากหลายอย่าง เช่น คิมจิ คิมจิเป็นอาหารที่คนที่ไปเยือนเกาหลีต้องลิ้มลอง เพราะคิมจิ คืออาหารประจำชาติที่คนเกาหลีในวามสำคัญมาก คิมจิ คือ ผักกาดดองที่ดองเอาไว้นานเท่าไหร่ยิ่งอร่อย มาดูประวัติความเป็นมาของกิมจิก่อน เชื่อกันว่า กิมจิเริ่มมาจากการนำผักมาดองเค็มด้วยเกลือ หมักในไหแล้วนำไปฝังดิน และยังมีการพบฐานเกี่ยวกับกิมจิจากตำรารักษาโรคทางภาคตะวันออกของประเทศที่ เรียกว่า “ฮันยักกูกึบบัง” (Hanyakgugeupbang) ในตำรายากล่าวถึงกิมจิอยู่ 2 ชนิด ชนิด แรกคือหัวผักกาดฝานเป็นแผ่นดองด้วยซอสถั่วเหลืองเรียกว่า “กิมจิ-จางอาจิ” (kimchi-jangajji) ชนิดที่สองใช้หัวไชโป๊เรียกว่า “ซุมมู โซกึมซอลรี” (Summu Sogeumjeori) เดินชาวเกาหลีนิยมทำกิมจิเก็บไว้รับประทานในช่วงฤดูหนาว เพราะในช่วงนั้นอากาศหนาวมากไม่เหมาะกับการเพาะปลูก วิธีการทำกิมจิจึงเป็นการเก็บถนอมอาหารแบบหนึ่ง แต่สำหรับคนไทยอาจลองทำกิมจิไว้รับประทานดูบ้างก็ได้ เพราะการกินกิมจิจะได้วิตามินจากผักและช่วยระบบการย่อยอาหารเนื่องจากมีโป รไบโอติกอยู่ด้วย แต่สิ่งที่ควรระมัดระวังคือ ความสะอาดของวัตถุดิบที่นำมาหมัก อย่างเช่น ผักควรเด็ดออกมาทีละใบและล้างให้สะอาด เพื่อไม่ให้มีเศษดิน หนอน หรือไข่พยาธิหลงเหลืออยู่ในผักที่นำมาหมัก

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

3 วัฒนธรรมในเกาหลีที่ฉันชอบมากทีสุดคืออาหารการแต่งตัวเพลงป๊อปเกาหลีและดาว อย่างแรกที่ฉันชอบก็คืออาหารเพราะอาหารเป็นสิ่งที่คนต่างประเทศชอบทดลองว่ารสชาติของอาหารของแต่ละประเทศเป็นอย่างไรแต่อาหารในประเทศเกาหลีนั้นเป็นอาหารที่มีหลากหลายอย่างเช่นคิมจิคิมจิเป็นอาหารที่คนที่ไปเยือนเกาหลีต้องลิ้มลองเพราะคิมจิคืออาหารประจำชาติที่คนเกาหลีในวามสำคัญมากคิมจิคือผักกาดดองที่ดองเอาไว้นานเท่าไหร่ยิ่งอร่อยมาดูประวัติความเป็นมาของกิมจิก่อนเชื่อกันว่ากิมจิเริ่มมาจากการนำผักมาดองเค็มด้วยเกลือหมักในไหแล้วนำไปฝังดินและยังมีการพบฐานเกี่ยวกับกิมจิจากตำรารักษาโรคทางภาคตะวันออกของประเทศที่เรียกว่าฮันยักกูกึบบัง (Hanyakgugeupbang) ในตำรายากล่าวถึงกิมจิอยู่ 2 สิ่งสิ่งแรกคือหัวผักกาดฝานเป็นแผ่นดองด้วยซอสถั่วเหลืองเรียกว่ากิมจิ-จางอาจิ (กิมจิ-jangajji) ชนิดที่สองใช้หัวไชโป๊เรียกว่าซุมมูโซกึมซอลรี (Summu Sogeumjeori) เดินชาวเกาหลีนิยมทำกิมจิเก็บไว้รับประทานในช่วงฤดูหนาวเพราะในช่วงนั้นอากาศหนาวมากไม่เหมาะกับการเพาะปลูกวิธีการทำกิมจิจึงเป็นการเก็บถนอมอาหารแบบหนึ่งแต่สำหรับคนไทยอาจลองทำกิมจิไว้รับประทานดูบ้างก็ได้เพราะการกินกิมจิจะได้วิตามินจากผักและช่วยระบบการย่อยอาหารเนื่องจากมีโปรไบโอติกอยู่ด้วยแต่สิ่งที่ควรระมัดระวังคือความสะอาดของวัตถุดิบที่นำมาหมักอย่างเช่นผักควรเด็ดออกมาทีละใบและล้างให้สะอาดเพื่อไม่ให้มีเศษดินหนอนหรือไข่พยาธิหลงเหลืออยู่ในผักที่นำมาหมัก

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:

3
อาหารการแต่งตัวป๊อปเกาหลีและดาวอย่างแรกที่ฉันชอบก็คืออาหาร เช่นคิมจิ เพราะคิมจิ คิมจิคือ มาดูประวัติความเป็นมาของกิมจิก่อนเชื่อกันว่า หมักในไหแล้วนำไปฝังดิน เรียกว่า ?? ฮันยักกูกึบบัง ?? (Hanyakgugeupbang) ในตำรายากล่าวถึงกิมจิอยู่ 2 ชนิดชนิด ?? กิมจิ - จางอาจิ ?? (กิมจิ jangajji) ชนิดที่สองใช้หัวไชโป๊เรียกว่า ?? ซุมมูโซกึมซอลรี ?? (Summu Sogeumjeori) รไบโอติกอยู่ด้วย แต่สิ่งที่ควรระมัดระวังคือความสะอาดของวัตถุดิบที่นำมาหมักอย่างเช่น เพื่อไม่ให้มีเศษดินหนอน

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

3 วัฒนธรรมในเกาหลีที่ฉันชอบมากทีสุดคืออาหารการแต่งตัวเพลงป๊อปเกาหลีและดาว
อย่างแรกที่ฉันชอบก็คืออาหารเพราะอาหารเป็นสิ่งที่คนต่างประเทศชอบทดลองว่ารสชาติของอาหารของแต่ละประเทศเป็นอย่างไรแต่อาหารในประเทศเกาหลีนั้นเป็นอาหารที่มีหลากหลายอย่างเช่นคิมจิเพราะคิมจิคืออาหารประจำชาติที่คนเกาหลีในวามสำคัญมากคิมจิความผักกาดดองที่ดองเอาไว้นานเท่าไหร่ยิ่งอร่อยมาดูประวัติความเป็นมาของกิมจิก่อนเชื่อกันว่ากิมจิเริ่มมาจากการนำผักมาดองเค็มด้วยเกลือและยังมีการพบฐานเกี่ยวกับกิมจิจากตำรารักษาโรคทางภาคตะวันออกของประเทศที่เรียกว่า“ฮันยักกูกึบบัง” ( hanyakgugeupbang ) ในตำรายากล่าวถึงกิมจิอยู่ 2 ชนิดชนิดแรกคือหัวผักกาดฝานเป็นแผ่นดองด้วยซอสถั่วเหลืองเรียกว่า( กิมจิ jangajji ) ชนิดที่สองใช้หัวไชโป๊เรียกว่า“ซุมมูโซกึมซอลรี” ( ซุมมู โซกึมซ รี ) เดินชาวเกาหลีนิยมทำกิมจิเก็บไว้รับประทานในช่วงฤดูหนาวเพราะในช่วงนั้นอากาศหนาวมากไม่เหมาะกับการเพาะปลูกแต่สำหรับคนไทยอาจลองทำกิมจิไว้รับประทานดูบ้างก็ได้เพราะการกินกิมจิจะได้วิตามินจากผักและช่วยระบบการย่อยอาหารเนื่องจากมีโปรไบโอติกอยู่ด้วยแต่สิ่งที่ควรระมัดระวังคือความสะอาดของวัตถุดิบที่นำมาหมักผักควรเด็ดออกมาทีละใบและล้างให้สะอาดเพื่อไม่ให้มีเศษดินหนอนหรือไข่พยาธิหลงเหลืออยู่ในผักที่นำมาหมัก