“เพราะว่าเขาได้อะไรจากบรรดาการงาน
และ ความเคร่งเครียดในใจ ที่เขาต้องตรากตรำภายใต้ดวงอาทิตย์เล่า
ด้วยว่าวันเวลาทั้งหมดของเขา มีแต่ความเจ็บปวด
และ กิจธุระของเขา ก่อความสลดใจ
ถึงกลางคืนจิตใจของเขา ก็ไม่หยุดพักสงบ นี่ก็อนิจจังด้วย”
แต่ถ้าหากเราสามารถมีชีวิตอยู่ โดยการยอมรับความจริงของความไม่เที่ยงแห่งสรรพสิ่งทั้งหลาย และ ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความรู้แจ้ง ไม่ยึดติด ไม่ผูกมัด ไม่หลงไหล ทำใจให้ว่างจากเครื่องผูกมัดทั้งปวง และมองเห็นความตายเป็นเรื่องธรรมดา แต่เห็นการเกิดเป็นเรื่องความทุกข์ มีแต่ทุกข์มาก หรือ ทุกข์น้อย และความสุขจอมปลอมทั้งหลายที่หลอกล่อให้เราเวียนว่ายตายเกิดมานับไม่ถ้วน ถ้าเรารู้แจ้งเห็นจริงได้ดังนี้ เราก็จะมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุข มีแต่การช่วยเหลือรับใช้ผู้อื่น ไม่สุขและก็ไม่ทุกข์ เป็นความว่างเฉย ที่อิ่มบริบูรณ์ ปราศจาก ตัณหา ราคะ แล้วเมื่อถึงวันสุดท้ายของชีวิต เราก็จะจากสถานที่แห่งนี้ไปด้วยรอยยิ้ม และ ด้วยความรู้สึกที่ว่า ในที่สุดเกมส์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย กำลังจะจบลงแล้ว และ เราจะไม่กลับมาเล่นอีกต่อไป เราจะไม่ต้องลิ้มรสความตายอีกต่อไป ดังที่พระเยซูได้ตรัสบนไม้กางเขนก่อนจะสิ้นพระชนม์ว่า
“สำเร็จแล้ว”