สวัสดีท่านคณะกรรมการคณะครูอาจารย์และเพื่อนๆที่น่ารักทุกคนคะ เชื่อว่าคนส่วนใหญ่คงจะเคยได้ยินได้ฟังนิทานเรื่อง “ เด็กเลี้ยงแกะ ” มาแล้วหรือบ้างคนอาจจะไม่เรื่องย่อๆก็มีอยู่ว่าเด็กเลี้ยงแกะคนหนึ่ง ร้องตะโกนให้ชาวบ้านมาช่วย ว่าจะมีหมาป่ามากินแกะ แต่กลายเป็นว่าเด็กโกหก และหัวเราะเยาะที่หลอกคนอื่นได้ ต่อมาเมื่อมีหมาป่ามาจริงๆ ตะโกนเท่าไรก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะคิดว่าเป็นการโกหกอีก ในที่สุดเด็กก็ต้องสูญเสียแกะไป นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า การโกหกเป็นสิ่งไม่ดี และคนเราจะต้องมีความซื่อทั้งการกระทำและคำพูด จึงจะเป็นที่เชื่อถือของผู้อื่น และสำนวน “ เด็กเลี้ยงแกะ ” ก็เป็นที่รู้กันต่อมาว่าหมายถึง คนที่ชอบพูดโกหกหลอกลวง หรือพูดจาเหลวไหล เชื่อไม่ได้
ความซื่อสัตย์นั้นเป็นคุณธรรมข้อหนึ่งที่ใช้ได้ในเกือบทุกสถานการณ์ เช่น ความซื่อสัตย์ต่อตนเอง ความซื่อสัตย์ต่อครอบครัว ความซื่อสัตย์ต่อสังคม ความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ในพจนานุกรมได้ให้ความหมายของคำว่า “ ซื่อ ” ว่าหมายถึง ตรง ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่คดโกง ส่วนคำว่า “ ซื่อตรง ” หมายถึง ความประพฤติตรง ไม่เอนเอียง ไม่คดโกง และ “ ซื่อสัตย์ ”รวมกัน หมายถึง ความประพฤติตรงและจริงใจ ไม่คิดคดทรยศ ไม่คดโกงและไม่หลอกหลวง หรือเราอาจจะพูดง่ายๆว่าคนที่ซื่อสัตย์ ก็คือ คนที่เป็นคนตรง ประพฤติสิ่งใดก็ด้วยน้ำใสใจจริง ในชีวิตของดิฉันนั้นก็มีบ้างที่ไม่ซื่อสัตย์กับตัวเองในบางเหตุการณ์ ตอนเป็นเด็กประมาณชั้นประถมศึกษา ในวันนั้นมีการทดสอบวิชาคณิตศาสตร์เนื่องจากวิชานี้เป็นวิชาที่ฉันทำไม่ได้เลยแล้วยังไม่ชอบวิชานี้มากๆอีกด้วย เรียกได้ว่าถ้าจะมีการสอบคณิต ฉันก็จะนอนไม่หลับเลยที่เดียวแต่ฉันก็ตั้งใจอ่านหนังสือมามากทีเดียว พอถึงเวลาสอบฉันเปิดข้อสอบตั้งใจจะทำให้ดีที่สุดแต่ฉันทำได้แค่พลิกกระดาษไปมา เพราะฉันทำไม่ได้เลย พอหมดหวังแล้วฉันจึงหันไปดูเพื่อนๆว่าสีหน้าเป็นยังไงบ้าง พอหันไปข้างๆเพื่อนของฉันเธอทำท่าทางไม่เครียดและดูสบายๆยังเขียนไม่หยุดอีกด้วย ฉันคิดว่าเธอต้องทำได้แน่นอน พอจ้องมองซักพักเธอก็คงรู้ตัวจึงหันมายิ้มหวานๆให้หนึ่งที ในใจฉันก็เลยคิดว่าเธอน่าจะใจดีนะ จึงชะเง้อมองแล้วมันก็สามารถเห็นคำตอบในกระดาษของเธอได้ ฉันในตอนนั้นด้วยความรู้สึกอะไรไม่รู้ก็ลอกมาตอบ พอผลคะแนนออกมาปรากกฏว่าฉันได้เท่ากับเพื่อนคนนั้นแล้วยังเป็นคะแนนที่สูงพอตัวแต่ฉันกลับไม่รู้สึกดีใจอย่างที่คิดเอาไว้ เพราะว่า พอฉันนึกถึงเรื่องตอนนั้นทีไรก็รู้สึกหงุดหงิดและอับอายตัวเองตลอดที่นึกถึงมัน แม้จนถึงตอนนี้ที่ฉันยืนอยู่ตรงนี้ฉันก็ยังรู้สึกผิดต่อครูผู้สอน ต่อเพื่อนๆทุกคน และที่สำคัญต่อพ่อแม่ของฉัน ถึงแม้มันจะดูเป็นเหตุการณ์ที่ไม่สำคัญอะไรดูเป็นเหตุการณ์เล็กๆน้อยๆแต่มันก็ติดตรึงในใจฉันมาโดยตลอด แล้วมันก็น่ารำคาญมากทั้งๆที่ไม่อยากนึกถึงแต่มันก็ทำอะไรไม่ได้เลย สำหรับการกระทำของดิฉันและเป็นการขาดความซื่อสัตย์ต่อตนเอง คือ กระทำโดยรู้สึกตัวและก็รับรู้ผลเสียของมันอย่างดีแต่ก็ยังกระทำถ้าเป็นอย่างงี้ต่อไปในระยาวเราอาจจะกลายเป็นคนขาดระเบียบ ขาดความตั้งใจ กลายเป็นคนทำอะไรไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตได้
ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ฉันอยากกลับไปแก้ไขแต่มันก็คงยากเพราะฉันไม่ใช่ผู้วิเศษที่จะสามารถย้อนเวลากลับไปได้ เพราะฉะนั้นฉันจึงขอทำปัจจุบันให้ดีที่สุดและซื่อสัตย์ต่อสังคมให้มากเท่าที่จะทำได้ดั่งพุทธภาษิตบทหนึ่งที่กล่าวไว้ว่า “ สจฺเจน กิตฺตี ปปฺโปติ ” แปลว่า “ คนเราจะบรรลุถึงเกียรติได้เพราะความสัตย์ ” นั้นก็หมายความว่า คนที่จะมีเกียรติ ย่อมต้องเป็นคนที่มีความสัตย์ซื่อ จึงจะเป็นที่ยอมรับนับถือของคนในสังคมได้อย่างจริงใจ โดยไม่ต้องไม่เสแสร้งแกล้งทำ