ฆราวาส
คือ ผู้ที่ถือเพศของผู้ครองเรือน ซึ่งหมายถึงพวกเธอที่เป็นคนส่วนใหญ่บนโลกใบนี้นั่นเอง
ฆราวาส
คือ ผู้เลือกที่จะถือบทบาทของ "นักสู้เพื่อการรู้แจ้ง" ในการดำเนินชีวิตประจำวันในบทบาทของคนสองมิติ เพื่อทำหน้าที่ตามพันธะสัญญา 6 ซึ่งเคยให้ไว...้เป็นสัจจะต่อองค์จิตจักรวาล พระบิดาแห่งจิตวิญญาณของเธอตั้งแต่ภพชาติแรกที่ได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว
คำว่า "นักสู้เพื่อการรู้แจ้ง" ที่เธอเลือกแสดงบริบทนี้กันนั้น มันยังมีประเด็นน่าคิดให้เธอควรขบคิดต่อไปด้วยว่า....
เธอเป็น "นักสู้" ที่ต้องต่อสู้กับอะไร สู้กับใคร และต่อสู้เพื่ออะไร
ถ้ารักจะเป็นนักต่อสู้แต่ไม่รู้ว่าคู่ต่อสู้ของตนเป็นใคร และต้องต่อสู้กับอะไร เพื่ออะไร มันก็ล้มเหลวหรือไม่งั้นเธอก็แพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันต่อสู้แล้ว เพราะมันเหมือนเธอประมาทคู่ต่อสู้นั่นแหละนะ
คำตอบเด็ดๆที่เธอต้องรู้ก็คือ
1.เธอต้องต่อสู้กับความไม่รู้ ไม่เข้าใจ ไม่ชำนาญ ในหน้าที่ของ"ผู้ปฏิสนธิ"และผู้ที่ทำให้เกิดการปฏิสนธิของผู้อื่น ให้มีความถูกต้อง เหมาะสม ดีงาม
โดยต้องต่อสู้ฟันฝ่ากับอุปสรรคภายนอกในมิติโลก ที่มันต้องเกี่ยวข้องกันกับเพื่อนมนุษย์คนอื่นๆ เพื่อสร้างความราบรื่นลงตัวในการทำหน้าที่นี้ร่วมกันให้สำเร็จและเป็นสุข และต้องต่อสู้กับความเกียจคร้าน เบื่อหน่าย ซังกะตาย ท้อแท้ ท้อถอย ซึ่งเป็นอุปสรรคในจิตใจเธอที่มีผลกระทบด้านลบต่อการทำหน้าที่ดังกล่าวนี้ด้วย
2.เธอต้องต่อสู้กับความไม่รู้ ไม่เข้าใจ ไม่ชำนาญ ในหน้าที่ของ"ผู้ปฏิบัติ"ภารกิจใดๆซึ่งเป็นหน้าที่ๆเธอจักต้องรับผิดชอบ ทั้งในมิติโลกและในมิติจิตวิญญาณ ให้มีความถูกต้อง เหมาะสม ดีงาม และสำเร็จ
โดยต้องต่อสู้ฟันฝ่ากับอุปสรรคภายนอกในมิติโลก ที่มันต้องเกี่ยวข้องกันกับเพื่อนมนุษย์คนอื่นๆ เพื่อสร้างความราบรื่นลงตัวในการทำหน้าที่นี้ร่วมกันให้สำเร็จ และต้องต่อสู้กับความเกียจคร้าน เบื่อหน่าย ซังกะตาย ท้อแท้ ท้อถอย ซึ่งเป็นอุปสรรคในจิตใจเธอที่มีผลกระทบด้านลบต่อการทำหน้าที่ดังกล่าวนี้ด้วย
3.เธอต้องต่อสู้กับความไม่รู้ ไม่เข้าใจ ไม่ชำนาญ ในหน้าที่ของ"ผู้ใช้ปฏิภาณ"ไหวพริบ อันเกิดจากความเฉลียวฉลาดทางปัญญาของสมอง ด้วยการฝึกคิดให้มากกว่าการใช้อารมณ์ กับความเคยชินหรือเคยตัว โดยเธอต้องรู้ว่าเธอจะคิดอะไร คิดอย่างไร จึงจะคิดสร้างสรรค์ คิดถูกต้อง เหมาะสม ดีงาม และคิดสำเร็จ
โดยเธอต้องต่อสู้ฟันฝ่ากับอุปสรรคภายนอกในมิติโลก ที่มันจะเป็นบททดสอบสภาวะจิตของเธอให้ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ให้ฟุ้งซ่านหวั่นไหว ให้จิตใจไม่สงบ จนยังผลให้เธอเข้าถึงพลังอำนาจทางปัญญาของสมองไม่ได้ และเธอต้องต่อสู้กับความง่วงเหงาหาวนอน ความเกียจคร้าน เบื่อหน่าย ซังกะตาย ท้อแท้ ท้อถอย ซึ่งเป็นอุปสรรคในจิตใจเธอที่มีผลกระทบด้านลบต่อการใช้ปฏิภาณไหวพริบ ดังกล่าวนี้ด้วย
4.เธอต้องต่อสู้กับความไม่รู้ ไม่เข้าใจ ไม่ชำนาญ ในหน้าที่ของการมี"ปฏิสัมพันธ์"กันกับเพื่อมนุษย์คนอื่นๆ ทั้งในมิติโลกทางสังคมและในการมีปฏิสัมพันธ์กันทางจิตวิญญาณซึ่งเป็นมิติคู่ขนาน เพื่อการยังประโยชน์สุขร่วมกันให้จงได้ ตามพันธะกรรม พันธะสัญญากรรม และบุรพกรรม ที่พวกเธอต่างได้กำหนดขีดเขียนบทบาทบทละครร่วมกันไว้
โดยเธอจะต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน ทำงานร่วมกัน ดำรงชีวิตอยู่ร่วมกัน ให้ลงตัว กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกันให้ได้ แม้พวกเธอแต่ละคนจะมากมีไปด้วยความแตกต่างในแทบทุกๆด้าน ต้องรักกันให้ได้ ให้กันให้เป็น ไม่ก้าวก่ายล่วงเกินกันและกันทั้งด้วยกาย วาจา และจิตใจ จะทำอย่างไรที่จะไม่ก่อเวร-เกี่ยวกรรมกัน จะทำอย่างไรจึงจะอยู่ร่วมกันสร้างสันติสุขร่วมกันได้อย่างลงตัว เป็นต้น
จะทำอย่างไรเธอจึงจะข้ามผ่านหรือฟันฝ่า การทำตนเป็นอุปสรรคของคนใกล้ตัว ไกลตัว คนคุ้นหน้า คนแปลกหน้า ทั้งข้าทาสบริวารทั้งหลาย ที่เป็นผู้ร่วมทางบนเส้นทางชีวิตสายเดียวกันกับเธอให้ก้าวไปจนถึงปลายทางสุดท้าย คือ นิพพานได้โดยตลอดรอดฝั่ง
5.เธอต้องต่อสู้กับความไม่รู้ ไม่เข้าใจ ไม่ชำนาญ ในหน้าที่ของการมี"ปฏิสันถาร"กันกับเพื่อมนุษย์คนอื่นๆ ทั้งในมิติโลกทางสังคมและในการมีปฏิสัมพันธ์กันทางจิตวิญญาณซึ่งเป็นมิติคู่ขนาน เพื่อสร้างสังคมที่เป็นหนึ่งเดียวกันให้ได้ แม้จะไม่มีพันธะใดๆในทางจิตวิญญาณกันมาก่อนก็ตาม
โดยเธอจะต้องเรียนรู้ที่จะทำตนเป็นสัตว์สังคม ด้วยการแสดงความเป็นมิตรต่อผู้อื่น มีความต้องการคบมิตรสูง ยอมรับในธรรมชาติที่แตกต่างกันได้ ยอมปรับตัวเองเข้าหาผู้อื่น ยอมที่จะรักษาความสัมพันธ์ของตนกับใครๆไว้ให้มั่นคงเหนือสิ่งอื่นใด เป้นต้น นอกจากนั้น เธอยังจะต้องเรียนรู้ที่จะใช้กลไกอายตนะทั้งนอกใน ในการมีสัมพันธ์กันกับผู้อื่นเพื่อการเรียนรู้ในทุกๆด้าน ที่จะช่วยให้เธอเป็นคนเก่งขึ้น ฉลาดขึ้น และเป็นคนดีมากยิ่งขึ้นให้จงได้
จะทำอย่างไร เธอจึงจะยอมรัก ยอมรับ ยอมปรับ และยอมร่วมใจร่วมสังคมเดียวกันได้โดยไม่ทะเลาะกัน ไม่ต้อสู้กัน ไม่ทำศึกสงครามกัน และไม่ฆ่ากันเอง เป็นต้น
6.เธอต้องต่อสู้กับความไม่รู้ ไม่เข้าใจ ไม่ชำนาญ ในหน้าที่ของการปฏิบัติตามคำ"ปฏิญาณ"ที่ให้ไว้ต่อพระบิดา ต่อตนเอง และต่อเพื่อนมนุษย์ผู้ร่วมโลกทั้งหลาย เพื่อรักษาสัจจะปฏิญาณนั้นไว้อย่างไม่บิดพลิ้ว โดยเธอจักต้องเรียนรู้ว่าเธอมีปฏิญาณในสิ่งใด กับผู้ใด เมื่อใด และจักต้องปฏิบัติให้ลุล่วงได้อย่างไร เป็นต้น
ผู้ที่เป็นฆราวาส จะดำเนินชีวิตด้วยการทำจิตใจและร่างกายให้สะอาดแต่เพียงเท่านั้นไม่ได้ พวกเธอยังจะต้องต่อสู้กับตนเองเพื่อให้บรรลุหน้าที่ใน 6 ป.ที่กล่าวมานั้นให้สำเร็จในภพชาติเดียวให้จงได้ ยิ่งภพชาตินี้เป็นโอกาสสุดท้ายสำหรับพวกเธอทุกๆคนแล้ว จงเร่งรัดตนเองเถิด....อย่ามาต่อสู้กันเองอยู่อีกเลย เวลาไม่มีอีกแล้วล่ะนะ.....
ด้วยรักและห่วงใย
ป.วิสุทธิปัญญา
16-04-2014