รัฐบาล ญี่ปุ่น ยืนยัน ไม่มีการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสี หลังเกิดแผ่นดินไหว 8.9 ริกเตอร์ และเกิดสึนามิ ถล่มทางตอนเหนือของประเทศ ส่วนไทยจับตาคลื่นยักษ์เข้าที่ จ.นราธิวาส และประจวบคีรีขันธ์
เมื่อ ช่วงเช้าของวันที่ 11 มีนาคม สำนักข่าวเอพี (AP) รายงานว่า เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขึ้นทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ญี่ปุ่น สร้างความเสียหายครอบคลุมพื้นที่วงกว้าง
โดยเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 14.46 น. ตามเวลาท้องถิ่น แผ่นดินไหวความรุนแรงถึง 8.9 ริกเตอร์ ได้สร้างความเสียหายให้กับอาคารบ้านเรือนก่อนที่จะเกิดสึนามิลูกใหญ่สูงกว่า 6 เมตร ขึ้นในเวลาไม่กี่นาทีต่อมา กวาดเอารถยนต์และบ้านเรือนหลายหลังกลืนหายลงทะเลพร้อมกับเกลียวคลื่น ตามด้วยอาฟเตอร์ช็อกความรุนแรง 7.4 ริกเตอร์อีกครั้ง และล่าสุดคลื่นสึนามิสูงกว่า 10 เมตร ระดับน้ำทะเลยกตัวสูงขึ้นขนาด ชั้น 2 ของอาคาร หลังจากเกิดสึนามิครั้งใหญ่ประมาณ 30 นาทีต่อมา สร้างความเสียหายมหาศาล ส่วนรายงานผู้เสียชีวิตคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะยังมีผู้สูญหายจำนวนมาก
สำหรับ แผ่นดินไหวครั้งนี้ มีศูนย์กลางห่างจากชายฝั่งของเกาะฮอนชู 150 กิโลเมตร ไปทางตะวันออกของเกาะญี่ปุ่น และเกิดความเสียหายอย่างหนักที่เมืองมิยากิ มีไฟไหม้อาคาร และตึกหลายแห่ง โตเกียวทาวเวอร์สูง 333 เมตร เอียงอย่างเห็นได้ชัีด รวมทั้งส่งผลกระทบต่อการเดินรถไฟใต้ดิน ขณะที่ทางการได้มีการสั่งปิดสนามบินนาริตะแล้ว
ขณะที่ในเมืองชิบะ ล่าสุดมีรายงานว่า โรงกลั่นน้ำมันในเมืองชิบะเกิดระเบิดขึ้นแล้ว หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว 8.9 ริกเตอร์ โดยทางการต้องประกาศภาวะฉุกเฉินทางนิวเคลียร์ แต่ยืนยันว่ายังไม่พบการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หรือ พื้นที่ใกล้เคียง จึงไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ ขณะเดียวกัน มีรายงานด้วยว่า รถไฟขบวนหนึ่งหายไปและขาดการติดต่อบริเวณจุดที่เกิดสึนามิ ซึ่งยังไม่ทราบจำนวนผู้โดยสารบนรถไฟขบวนดังกล่าว