บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุปร

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยด้านความรู้ พฤติกรรมสุขภาพ และแรงสนับสนุนทางสังคม และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยด้านความรู้ และแรงสนับสนุนทางสังคมกับพฤติกรรมสุขภาพในกลุ่มผู้ป่วยโรคหอบหืดที่มารับบริการแผนกผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลทับคล้อ จังหวัดพิจิตร กลุ่มตัวอย่างคือกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหอบหืดมาแล้ว 1 ปีขึ้นไป มีอายุ 20 ปีขึ้นไปที่มารับบริการรักษาโรคหอบหืดที่แผนกผู้ป่วยนอก จำนวน 133 คน การเก็บข้อมูลจากแบบสอบถามกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งประกอบด้วยข้อมูล 4 ส่วน คือ ข้อมูลส่วนบุคคล ความรู้เกี่ยวกับโรคหอบหืด พฤติกรรมสุขภาพ และแรงสนับสนุนทางสังคม ซึ่งผ่านการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาจากผู้เชียวชาญ จำนวน 3 ท่าน และทดสอบความเชื่อมั่นของเครื่องมือโดยวิธี KR-20 กับแบบสอบถามความรู้เกี่ยวกับโรคหอบหืด มีค่าเท่ากับ 0.7 และ Aalpha Cronbach กับแบบสอบถามพฤติกรรมสุขภาพ และแรงสนับสนุนทางสังคม มีค่าเท่ากับ 0.84 และ 0.76 ตามลำดับ เก็บรวบรวมข้อมูลระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน 2559 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนาได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติ Chi – square test ผลการศึกษาพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ร้อยละ 57.9 ส่วนใหญ่มีอายุ 40-49 ปี ร้อยละ 33.1 มีระดับการศึกษาส่วนใหญ่จบมัธยมศึกษาหรือปวช. ร้อยละ 33.8 มีอาชีพเกษตรกรเป็นส่วนใหญ่ ถึงร้อยละ 26.3 มีรายได้อยู่ระหว่าง 5,000 – 10,000 บาทต่อเดือน แหล่งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโรคหอบ ส่วนมากจะได้จากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลหรือสถานีอนามัย ร้อยละ 43.1 ผู้ป่วยส่วนมากมีความรู้อยู่ในระดับสูง ปานกลาง และต่ำ ร้อยละ 63.9 35.3 และ 0.8 ตามลำดับ ส่วนระดับพฤติกรรมสุขภาพอยู่ในระดับดี ปานกลาง และไม่ดี ร้อยละ 5.3 90.2 และ 4.5 ตามลำดับ และแรงสนับสนุนทางสังคมอยู่ในระดับสูง ปานกลาง และต่ำ ร้อยละ 6.0 84.2 และ 9.8 ตามลำดับ จากการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ พบว่าปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมสุขภาพในกลุ่มผู้ป่วยโรคหอบหืด คือ ปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ (P-value = 0.03) และปัจจัยด้านความรู้เกี่ยวกับโรคหอบหืด (p–value

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

Abstract การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยด้านความรู้ พฤติกรรมสุขภาพ และแรงสนับสนุนทางสังคม และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยด้านความรู้ และแรงสนับสนุนทางสังคมกับพฤติกรรมสุขภาพในกลุ่มผู้ป่วยโรคหอบหืดที่มารับบริการแผนกผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลทับคล้อ จังหวัดพิจิตร กลุ่มตัวอย่างคือกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหอบหืดมาแล้ว 1 ปีขึ้นไป มีอายุ 20 ปีขึ้นไปที่มารับบริการรักษาโรคหอบหืดที่แผนกผู้ป่วยนอก จำนวน 133 คน การเก็บข้อมูลจากแบบสอบถามกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งประกอบด้วยข้อมูล 4 ส่วน คือ ข้อมูลส่วนบุคคล ความรู้เกี่ยวกับโรคหอบหืด พฤติกรรมสุขภาพ และแรงสนับสนุนทางสังคม ซึ่งผ่านการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาจากผู้เชียวชาญ จำนวน 3 ท่าน และทดสอบความเชื่อมั่นของเครื่องมือโดยวิธี KR-20 กับแบบสอบถามความรู้เกี่ยวกับโรคหอบหืด มีค่าเท่ากับ 0.7 และ Aalpha Cronbach กับแบบสอบถามพฤติกรรมสุขภาพ และแรงสนับสนุนทางสังคม มีค่าเท่ากับ 0.84 และ 0.76 ตามลำดับ เก็บรวบรวมข้อมูลระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน 2559 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนาได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติ Chi – square test ผลการศึกษาพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ร้อยละ 57.9 ส่วนใหญ่มีอายุ 40-49 ปี ร้อยละ 33.1 มีระดับการศึกษาส่วนใหญ่จบมัธยมศึกษาหรือปวช. ร้อยละ 33.8 มีอาชีพเกษตรกรเป็นส่วนใหญ่ ถึงร้อยละ 26.3 มีรายได้อยู่ระหว่าง 5,000 – 10,000 บาทต่อเดือน แหล่งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโรคหอบ ส่วนมากจะได้จากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลหรือสถานีอนามัย ร้อยละ 43.1 ผู้ป่วยส่วนมากมีความรู้อยู่ในระดับสูง ปานกลาง และต่ำ ร้อยละ 63.9 35.3 และ 0.8 ตามลำดับ ส่วนระดับพฤติกรรมสุขภาพอยู่ในระดับดี ปานกลาง และไม่ดี ร้อยละ 5.3 90.2 และ 4.5 ตามลำดับ และแรงสนับสนุนทางสังคมอยู่ในระดับสูง ปานกลาง และต่ำ ร้อยละ 6.0 84.2 และ 9.8 ตามลำดับ จากการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ พบว่าปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมสุขภาพในกลุ่มผู้ป่วยโรคหอบหืด คือ ปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ (P-value = 0.03) และปัจจัยด้านความรู้เกี่ยวกับโรคหอบหืด (p–value<0.01) แต่ไม่พบความสัมพันธ์กับปัจจัยส่วนบุคคลอื่นๆ เช่น อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้ และแหล่งข้อมูลข่าวสาร และยังไม่พบความสัมพันธ์กับแรงสนับสนุนทางสังคม The result of such education. The hospital should provide Patient participation group has access to learn and Exchange on the subject of appropriate self-care. By a group that has the knowledge and good practice is the group with the highest level of knowledge and know-how, the hospital should have an asthma patient care professional United team. To supervise the behavior they are at a lower level to avoid behavioral development stimulant that causes symptoms of wheezing.Key words: asthma, behavioral health, personal factors, factor of knowledge about asthma, strong social support team.

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:

Abstract This research aims. To study personal Factors knowledge Health And social support And study the relationship between personal factors. Factors knowledge Behavioral health and social support in patients with asthma who received outpatient department. Hospital Thap Khlo Pichit province The sample group of patients who have been diagnosed with asthma, then one year to 20 years of age who received asthma treatment at the outpatient department of 133 samples were collected from questionnaires. Which contains four sections: personal information. About Asthma Health And social support Which passed the examination content validity by experts and testing of three persons of confidence by the KR-20 with questionnaires about asthma is equal to 0.7 and Aalpha Cronbach health behaviors. And social support is equal to 0.84 and 0.76, respectively, data collection during February - April 2559 Data were analyzed using descriptive statistics include percentage, mean, standard deviation and statistics, Chi - square test results showed that the patients. most were male, 57.9 percent were aged 40-49 years, 33.1 percent had completed secondary education or vocational majority. 33.8 percent are farmers, a majority of 26.3 percent earn between 5,000 - 10,000 baht per month, sources of information about asthma. Most of the hospital staff or health centers, 43.1 percent of patients most knowledgeable in the high, medium and low percentage, 63.9, 35.3 and 0.8, respectively, while the healthy habits are good, medium and bad percentage. 5.3, 90.2 and 4.5, respectively, and social support is high, medium and low 6.0 percent, 84.2 and 9.8, respectively, from the analysis of the relationship. Factors that were associated with health behaviors in patients with asthma are personal factors, including gender (P-value = 0.03) and the knowledge about asthma. (p-value <0.01), but no association with other personal factors such as age, education, occupation, income and sources of information. And has no correlation with social support from the results of such studies. Hospitals should provide Patients in group activities, learning about the proper care of themselves. By a group of highly knowledgeable. The practices are good role models to educate those with low literacy levels. And hospital care for patients with asthma should have a multidisciplinary team to ensure that the behavior is low. To develop the habit of avoiding stimulus that causes wheezing Keywords: asthma, behavioral health, personal factors, factors of knowledge about asthma, a strong support for the Social.