• Thai language name.Khon Kaen province.• English name.Khon Kaen• The province name abbreviationKhok• Provincial mottoKam sound naughty breeze flower silk Center's cooperation ties to Gore's big rumor dinosaur stairs Kong. Olympic boxing gold medals.• List of County/District.Amphoe Phu PHA man district Phu Pha o ManKing Amphoe khok PHO Chai District Branch o Kok Pho Chai.Amphoe Phu Wiang o Phu wiang district.Amphoe Nong o two Amphoe Nong Song HongAmphoe Phra Yuen Yuen in his district oAmphoe Phon o Phon district.Amphoe Waeng Noi o waeng NoiO King Amphoe Nong na Kham, Amphoe Nong Na Kham King.Amphoe Waeng Yai waeng Yai oAmphoe Pueai Noi o silk district.• Provincial emblems • Province map Khon Kaen province.From Wikipedia, the free encyclopedia"Leave," he said. Change to come here, for other meanings Take a look at the Khon Kaen (disambiguation)Khon Kaen province. Provincial seal Provincial commemorative coins.Kam sound naughty breeze flower silk Center's cooperation ties to Gore's Khon Kaen Nakhon Yai dinosaur Sirindhorn ne first Olympic boxing gold medal, hip.General informationKhon Kaen Thai font name.Khon Kaen Roman alphabet namesGovernor Mr. Somsak Suwansutrit(From 2555 (2012))ISO 3166-2TH-40█ █ █ Province Group's color is yellow.Provincial tree cassia javanicaProvincial flower Expo (Keun)Statistical data10 area, 885.991 sq. km. [1](อันดับที่ 15)ประชากร 1,774,816 คน[2] (พ.ศ. 2555)(อันดับที่ 4)ความหนาแน่น163.04 คน/ตร.กม.(อันดับที่ 22)ศูนย์ราชการที่ตั้ง ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น ถนนศูนย์ราชการ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น 40000โทรศัพท์ (+66) 0 4323 6882, 0 4333 0297เว็บไซต์จังหวัดขอนแก่นแผนที่ ________________________________________ ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทยจังหวัดขอนแก่น เป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่รองจากจังหวัดนครราชสีมา อุบลราชธานี ชัยภูมิ และอุดรธานีตามลำดับ มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นศูนย์กลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งอยู่ในจุดที่ถนนมิตรภาพ (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2) และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 (ถนนสายเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก) ตัดผ่าน ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญในการเดินทางจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางเข้าไปสู่ภาคเหนือตอนล่างที่อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ และเดินทางเข้าสู่ประเทศลาวทางด้านทิศใต้ของลาว อาณาเขตทางทิศเหนือติดกับจังหวัดเลย จังหวัดหนองบัวลำภู และจังหวัดอุดรธานี ทิศตะวันออกติดกับจังหวัดมหาสารคามและจังหวัดกาฬสินธุ์ ทิศใต้ติดกับจังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดนครราชสีมา ทิศตะวันตกติดกับจังหวัดชัยภูมิและจังหวัดเพชรบูรณ์ ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์เนื้อหา [ซ่อน] • 1 ประวัติศาสตร์o 1.1 การตั้งถิ่นฐานo 1.2 การย้ายถิ่นฐานเมืองขอนแก่นo 1.3 ที่มาของชื่อขอนแก่น• 2 ภูมิศาสตร์o 2.1 ภูมิประเทศ 2.1.1 อาณาเขตติดต่อo 2.2 ภูมิอากาศ• 3 หน่วยการปกครอง• 4 ประชากร• 5 สถานที่ท่องเที่ยวในขอนแก่นo 5.1 แหล่งประวัติศาสตร์และโบราณคดีo 5.2 แหล่งเรียนรู้o 5.3 สวนสาธารณะo 5.4 งานประเพณีและงานเทศกาลท้องถิ่นที่สำคัญ• 6 บุคคลมีชื่อเสียงo 6.1 พระภิกษุo 6.2 ข้าราชการการเมืองo 6.3 ข้าราชการตำรวจo 6.4 ข้าราชการพลเรือนo 6.5 วงการกีฬาo 6.6 วงการบันเทิงo 6.7 วงการสื่อสารมวลชนo 6.8 นักเขียน กวี• 7 อุทยานแห่งชาติ• 8 สัญลักษณ์ประจำจังหวัด• 9 การศึกษา
• 10 วิทยาลัยอาชีวศึกษารัฐบาล
• 11 วิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชน
• 12 อ้างอิง
• 13 ดูเพิ่ม
• 14 แหล่งข้อมูลอื่น
ประวัติศาสตร์[แก้]
การตั้งถิ่นฐาน[แก้]
แม้ขอนแก่นจะเป็นบ้านเมืองที่ตั้งขึ้นใหม่เมื่อราวร้อยกว่าปีมานี้ก็ตาม แต่ในอดีตกาลยุคก่อนประวัติศาสตร์ ในบริเวณเขตจังหวัดขอนแก่นเคยมีชุมชนก่อนประวัติศาสตร์ได้เข้ามาอาศัยก่อนแล้ว เช่น การค้นพบแหล่งโบราณคดีที่บ้านโนนนกทา อำเภอภูเวียง พบว่ามีเครี่องปั้นดินเผาที่มีอายุยาวนาน ต่อมาชุมชนเหล่านี้กลายเป็นเมืองขึ้นในสมัยทวารวดี ก่อนที่ขอมจะมามีอำนาจในดินแดนส่วนนี้ เช่น พบแหล่งโบราณคดีที่วัดศรีเมืองแอม อำเภอเขาสวนกวาง ซึ่งปรากฏจารึกศรีเมืองแอมที่ขอมได้เข้ามามีอำนาจในดินแดนส่วนนี้หรือที่ปรากฏเป็นปรางค์กู่ต่าง ๆ ในเขตจังหวัดขอนแก่น เป็นต้น
ประวัติศาสตร์ พื้นที่ส่วนนี้ยังเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ กระจัดกระจายกันตามพื้นที่ราบสูง ในปี พ.ศ. 2322 ขณะนั้นเมืองเวียงจันทน์ได้เกิดเหตุพิพาทกับกลุ่มของเจ้าพระวอจนถึงกับยกทัพไปตีค่ายของเจ้าพระวอแตกที่บ้านดอนมดแดง (อุบลราชธานีปัจจุบัน) และจับเจ้าพระวอประหารชีวิต สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงถือว่าฝ่ายเจ้าพระวอเป็นข้าขอบขัณฑสีมาของไทยจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกกับเจ้าพระยาสุรสีห์ยกทัพขึ้นไปตีเวียงจันทน์ จากนั้นจึงได้ยกทัพกลับมายังกรุงเทพมหานคร พร้อมกับได้อัญเชิญพระแก้วมรกต พระพุทธปฏิมากร และพระบางกลับมาถวายแต่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีด้วย
เจ้าแก้วบุฮม (แก้วบรม) กับพระยาเมืองแพน (หรือเพี้ยเมืองแพน) สองพี่น้อง ซึ่งเป็นโอรสของเจ้าแสนปัจจุทุม (ท้าวแสนแก้วบุฮม) ได้ยกกองทัพจากบ้านเพี้ยปู่ เขตแขวงเมืองทุละคม (ธุระคม) ซึ่งขึ้นกับเมืองเวียงจันทน์ในทุกวันนี้ ข้ามแม่น้ำโขงมาตั้งถิ่นฐานที่อยู่บ้านโพธิ์ตาก (บ้านโพธิ์ตาก ตำบลบ้านกง อำเภอเมืองขอนแก่น) และบ้านยางเดี่ยว บ้านโพธิ์ศรี (บ้านโพธิ์ศรี ตำบลบ้านโนน อำเภอกระนวน) บ้านโพธิ์ชัย (บ้านโพธิ์ชัย อำเภอมัญจาคีรี) เมืองมัญจาคีรีหรืออำเภอมัญจาคีรี ปรากฏอยู่ในทำเนียบมณฑลอุดร กล่าวว่า เมื่อ พ.ศ. 2433 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งเมืองขึ้นชื่อเมืองมัญจาคีรี โดยมีจางวางเอกพระยาพฤติคุณธนเชษ (สน สนธิสัมพันธ์) เป็นเจ้าเมืองคนแรกเมื่อ พ.ศ. 2433-2439 เจ้าเมืองคนที่ 2 คือ พระเกษตรวัฒนา (โส สนธิสัมพันธ์) เมื่อ พ.ศ. 2439-2443และมีปรากฏประวัติเมืองมัญจาคีรีในหนังสือประวัติจังหวัดในประเทศไทย ในห้องสมุดของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) บ้านสร้าง บ้านชีโหล่น (อยู่ในเขตเมืองสุวรรณภูมิ อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ดปัจจุบัน)
ในปัจจุบัน บางบ้านก็อยู่ในเขตอำเภอเมืองขอนแก่น บางบ้านก็อยู่ในเขตอำเภอน้ำพอง บางบ้านก็อยู่ในเขตอำเภออาจสามารถ (จังหวัดร้อยเอ็ด) บางบ้านก็อยู่ในเขตจังหวัดยโสธร บางบ้านก็อยู่ที่อำเภอมัญจาคีรี และบางบ้านก็อยู่ที่อำเภอคำเขื่อนแก้ว (จังหวัดยโสธร) เป็นต้น ทั้งนี้เป็นเพราะได้มีการเปลี่ยนแปลงเขตเมืองในสมัยหลัง ๆ ต่อมานั่นเอง
เจ้าแก้วบุฮมได้อพยพเข้ามาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านโพธ
การแปล กรุณารอสักครู่..