นักเรียนที่รักแห่งเราทั้งหลาย
พี่ๆน้องๆชาวจิตจักรวาลผู้ยอมรับในพระองค์ทุกๆคน
เราจะขอกล่าวตามความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ถ้าท่านเป็นคฤหัสถ์ผู้ครองเรือน
ท่านจักต้องให้ความสำคัญ
ต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของท่านให้มากที่สุด
หากปรารถนาการหลุดพ้นอย่างแท้จริง
เนื่องจากภพชาตินี้มิใช่ภพชาติแรกของพวกท่าน
ในการได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็นมนุษย์
ทุกๆท่านต่างผ่านการเวียนว่ายตายเกิดกันมา
นับภพชาติแทบไม่ถ้วน
ท่านจึงมีคู่กรณีกรรมที่ต้องเผชิญ
เพื่อร่วมมือกันแก้ไขสิ่งผิดบาปของกันและกัน
ที่ติดพันมาจากอดีตชาติให้ถูกต้อง
ต้องร่วมมือกันมาใช้ความรักความเมตตา
ทำผลกรรมแต่อดีตนั้นให้เป็นกลางทางไฟฟ้า
หรือที่พวกท่านเรียกว่า "โมฆะกรรม" ให้สำเร็จ
ดังนั้น....
หากท่านยังต้องมีหน้าที่ทางจิตวิญญาณเช่นว่านี้
ท่านก็ไม่สมควรที่จะปฏิบัติตนดังต่อไปนี้อยู่ต่อไป คือ
1.ชอบโดดเดี่ยวตนเอง
ไม่พบใคร ไม่คบใคร
.................................
การโดดเดี่ยวตนเองในสังคม ในป่าเขา
ท่านสามารถทำได้แค่บางเวลาเท่านั้น
เพราะท่านเลือกที่จะเป็น "นักสู้เพื่อการรู้แจ้ง"
ท่านจึงต้องเลือกที่จะมีสังคมมีผู้อื่น
ที่เขาจะหยิบยื่นเงื่อนไขทั้งดีและร้ายมาให้
เพื่อให้ตัวท่าน....
ได้ต่อสู้กับความไม่รู้ของตัวเอง
ได้ต่อสู้กับความโง่งมของตนเอง
ได้ต่อสู้กับความอ่อนแอของตนเอง
เป็นอาทิ....
บริบทในการดำเนินชีวิตในสังคมเหล่านี้
มันหมายถึงการเรียนรู้
เพื่อพัฒนาจิตปัญญาของท่านเอง
เพื่อการสอบผ่านบททดสอบที่คนอื่นจะหยิบยื่นให้
โดยเฉพาะคู่กรณีกรรมของท่านจากอดีต
เพื่อเรียนรู้ที่จะไม่ก่อกรรมใหม่ และแก้ไขกรรมเก่า
ในสถานการณ์จริงจากประสบการณ์จริงของชีวิต
ถ้าท่านนำพาตัวเองไปซ่อนแอบเสียแล้ว
ภารกิจสำคัญเหล่านี้ท่านจะรับผิดชอบมันอย่างไร
หรือว่าจะมีใครสามารถแบกรับแทนท่านได้บ้าง
ไม่มีใครแบกรับแทน...และไม่ถูกต้องใช่มั้ย?
2.ชอบปิดหูปิดตาปิดปากตนเองไว้
แม้บางเวลาก็ตาม
..................................................
ท่านทั้งหลายล้วนทราบกันดีอยู่ว่า
คนที่เกิดมาแล้วตาบอด
เขาคือคนพิการ
คนที่เกิดมาแล้วหูหนวก
เขาก็คือคนพิการ
คนที่เกิดมาแล้วเป็นใบ้
เขาก็คือคนพิการ
คนที่เกิดมาแล้วไม่มีแขนขาให้ใช้
หรือใช้ไม่ได้
เขาก็คือคนพิการ
คนที่ยังมีภารกิจติดพันอยู่กับสังคม-ครอบครัว
ยังมิได้เลือกบริบทใหม่ในการเป็นนักรบแห่งแสงสว่าง
เยี่ยงนักพรต นักบวชเหล่านั้นให้เต็มตัวแล้ว
จำเป็นต้องใช้กลไกอายตนะทั้งหมด
เป็นเครื่องมือเพื่อการรับรู้ เรียนรู้ สู่การรู้แจ้งเท่านั้น
ท่านเองและผู้อื่น
จะหยิบยื่นเงื่อนไขบททดสอบให้แก่กัน
ผ่านตาของพวกท่านไม่ได้
ในขณะที่พวกท่านกำลังหลับตาอยู่
ผ่านหูของพวกท่านก็ไม่ได้
ในขณะที่พวกท่านเก็บตัวอยู่คนเดียว
ผ่านปากของพวกท่านก็ไม่ได้
ในขณะที่พวกท่านไม่มีใครสนทนาด้วย
หรือขณะที่พวกท่านเก็บปากไว้
โดยไม่ยอมปริปากสนทนากับใคร
ท่านจึงสมควรที่จะเรียนรู้การใช้อายตนะทั้งหก
ให้เชี่ยวชาญ ด้วยการฝึกใช้งานมันตลอดวัน
ใช้มันให้เป็น ใช้มันให้ได้ ใช้มันให้ถูกต้อง
โดยฝึกฝนมันไปในชีวิตจริง
ให้เกิดทักษะความชำนาญ
จนกลายเป็นคุณสมบัติธรรมชาติของท่านให้จงได้
3.ศึกษาธรรมะมาก รู้ธรรมะมาก
แต่การใช้อายตนะก็ยังบกพร่องอยู่
เพราะเหตุว่า....
การปฏิบัติธรรมของหลายๆท่าน
เน้นกันที่รูปแบบประเพณีปฏิบัติ
เน้นกันที่พิธีกรรม
เน้นกันที่ความเชื่อไม่เชื่อ-ชอบไม่ชอบ
เน้นกันที่การจดจำท่องจำความรู้ในพระคัมภีร์
เป็นต้น
ดังนั้น......
เราจึงขอกล่าวตามความจริงว่า
ท่านสามารถปฏิบัติธรรมไป
พร้อมๆกับการปฏิบัติภารกิจทางโลกได้เสมอ
ปฏิบัติได้ทุกที่ ทุกเวลา กับทุกๆคน
ด้วยการครองตนให้อยู่ในมหาสติตลอดวัน
ซึ่งเป็นธรรมชาติสมาธิโดยแท้
หากทำสำเร็จท่านก็จะเป็นคนพ้นกรรม
โดยไม่ก่อกรรมใหม่และแก้ไขกรรมเก่า
ได้อย่างเป็นรูปธรรมแน่นอน
เอเมน....สาธุ......
ป.วิสุทธิปัญญา
2-11-2014