ครั้งหนึ่งในอาณาจักรยะโฮร์ มีทาสชายคนหนึ่งชื่อ บาดัง ทุกวันบาดังต้องออกไปทำงานหนักที่ในป่าเพื่อปรับพื้นดินให้แก่นาย โดยตัดโค่นต้นไม้ใหญ่ๆขุดรากถอนโคนออก ยามว่างก็วางไซดักปลาในแม่น้ำใกล้ๆ
วันหนึ่งบาดังผิดหวังเพราะไม่มีปลาในไซเลย แต่พอเขาก้มลงดูใกล้ๆก็เห็นเกล็ดปลาและก้างปลาอยู่ก้นไซ ต้องมีปลาเข้าแน่ๆแต่จะต้องมีใครมากินมันหมด วันแล้ววันเล่าที่บาดังเฝ้าวางไซดักปลา แล้วเหตุอย่างเดียวกันก็เกิดขึ้นทุกที คือ ในไซไม่มีปลามีแต่เกล็ดและก้างทิ้งไว้ บาดังจึงเอ่ยขึ้น "เห็นทีจะต้องค้นหาให้รู้ว่าใครขโมยปลาของเราไป" ดังนั้นวันหนึ่งเมื่อเขาวางไซแล้ว ก็ไปซ่อนตัวอยู่ในกอกกต้นสูงๆริมแม่น้ำ คอยทีอยู่ น้ำเย็นเยือกยิ่งขึ้นแต่บาดังก็ยังทนยืนไม่ยอมเคลื่อนที่ไปไหน เขาคอยอยู่เป็นเวลานาน เฝ้ามองดูปลาซึ่งติดไซพยายามแหวกว่ายน้ำหนี
แล้วในที่สุดบาดังก็แลเห็นใครคนหนึ่งแอบย่องมาที่ไซของเขา ....มันเป็นอสุรกายนัยน์ตาแดงก่ำ ผมดกหนายุ่งเหยิง เครายาวลงมาถึงเอว พออสูรตนนั้นจะลงมือกินปลา บาดังก็กระโจนพรวดถึงตัวมัน "แกนั่นเอง ขโมยปลาของข้าไป" บางดังร้องตวาด ฉวยเคราไอ้เจ้าตัวนั่นไว้ มันพยายามจะออกวิ่งหนี แต่บาดังก็รั้งเครามันเอาไว้แน่น มันร้องวิงวอน "อย่าฆ่าข้าเลย อย่าฆ่าเลย ถ้านายปล่อยให้ข้ารอดขีวิต ข้าจะให้สิ่งที่นายปรารถนา ทรัพย์สิน อำนาจ กำลังกาย ล่องหนหายตัว หรือจะเอาอะไรก็ได้ ขออย่างเดียวโปรดอย่าทำร้ายข้าเลย"
บาดังคิดอย่างรวดเร็ว ถ้าเขาขอทรัพย์สิน นายของเขาต้องเอาไปหมด สิ่งที่เขาอยากได้คือ กำลังกาย ถ้าเขามีกำลังกายแข็งแรงจะได้ใช้มันถอนต้นไม้ฮึ่ดเดียวให้หลุดออกทั้งรากทั้งโคน แล้วเขาจะได้ถากถางพื้นที่ได้เสร็จในเวลาไม่นาน บาดังจึงบอกแก่มันว่า "ข้าอยากได้กำลังกายให้แข็งแรง พอที่จะถอนต้นไม้ใหญ่ที่สุดได้ด้วยมือข้างเดียว" "ข้ายอมให้ตามความปรารถนาของนาย" อสูรกล่าว " ทีนี้ปล่อยข้าไปเถิด " แต่บาดังยังไม่ยอมปล่อยให้มันเป็นอิสระ จนกว่าจะได้ทดลองกำลังของเขาดูแล้ว บาดังลากเอาเจ้าอสูรไปด้วยมือข้างหนึ่ง เดินเข้าไปในป่า เอามือฉวยต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในป่า ซึ่งปกติแล้วเขาต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะโคนมันลงแล้วขุดรากถอนโคนมันได้เสร็จ แต่มาบัดนี้ต้นไม้มหึมานั้นหลุดพรวดพราดออกมาทั้งรากทั้งโคนง่ายเหมือนถอนต้นหญ้า เขาแข็งแรงจริงแล้ว! เขาจึง ปล่อยอสูรนั้นไป
บาดังคงทำงานต่อไปในป่าอีก แต่เดี๋ยวนี้เพราะกำลังมหาศาลของเขานั่นเอง เขาสามารถทำงานที่เคยใช้เวลาแรมวันแรมเดือนเสร็จภายในสองสามนาที ต้นไม้ใหญ่ๆถูกดึงถอนยกขึ้นลิ่วๆ ไม่นานป่าทึบก็กลายเป็นพื้นที่ราบโล่งพร้อมจะลงมือไถคราดได้ เมื่อนายถามเขาว่าทำอย่างไรงานของเขาจึงสำเร็จได้อย่างอัศจรรย์ใจอย่างนั้น บาดังก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้นายฟัง "เมื่อเจ้าอสูรมันบอกแก่ข้าพเจ้าว่า มันจะให้สิ่งใดก็ได้แล้วแต่ข้าพเจ้าอยากจะได้ ข้าพเจ้าเลยเลือกเอากำลังกาย เพื่อจะได้รับใช้นายให้ดีกว่าที่แล้วๆ มา" บาดังกล่าวในตอนท้าย นายฟังคำของบาดังแล้วก็ตื้นตันใจ จึงให้อิสรภาพแก่บาดังตั้งแต่นั้นมา ชื่อเสียงของบาดังเลื่องลือไปทั่วแคว้น ไม่ช้านัก รายาแห่งแคว้นสิงคปุระก็เชิญบาดังไปเป็นแม่ทัพ บาดังรับคำเชิญและได้ทำวีรกรรมทางพลังกายให้แก่รายาหลายครั้ง
ต่อมาราชาแห่งอาณาจักร กลิงคะได้ทราบเรื่องของบาดังผู้ทรงพลังเข้า ก็ส่งคนที่แข็งแรงที่สุดในแคว้นของพระองค์มาท้าบาดัง การแข่งขันกระทำกันที่พระลานในวังของรายาสิงคปุระ ผู้คนมาชุมนุมกันมากมายก่ายกอง องค์ราชาเองก็เสด็จมาดูด้วย ได้ตกลงกันไว้ว่าคนของรายาฝ่ายใดแพ้ก็ต้องยกเรือใหญ่เจ็ดลำพร้อมด้วยทรัพย์สินมีค่าเต็มลำให้แก่ฝ่ายที่ชนะตรงหน้าวังมีก้อนหินใหญ่มหึมาตั้งอยู่ ผู้ทรงพลังฝ่ายกลิงคะร้องท้าบาดังให้คอยดูว่าใครจะเป็นคนยกหินก้อนนั้นได้ คนฝ่ายกลิงคะใช้สองแขนยกก้อนหินขึ้นอย่างสุดกำลัง หินค่อยๆเคลื่อนขึ้นจากพื้นทีละนิ้วๆ จนสูงขึ้นมาแค่เข่าของคนยก แต่ก็ยกสูงขึ้นกว่านั้นอีกไม่ไหว ต้องปล่อยหินตกตึงลงบนดินเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น "เอ้า ทีนี้ตาท่านบ้างละ" คนฝ่ายกลิงคะร้องบอกบาดัง
บาดังยืนยืดอกอยู่ข้างก้อนหิน แล้วก้มตัวลงยกก้อนหินอย่างง่ายดายรวดเดียวก็สูงขึ้นเหนือศรีษะเหมือนยกหินก้อนเล็กๆ บาดังเอามือยกหินแกว่งไปรอบๆ หลายครั้ง แล้วก็โยนขึ้นลอยละลิ่วสูงกว่าศีรษะคนดูเสียอีก คนดูโห่ร้องเชียร์กันสนั่นหวั่นไหว แล้วบาดังก็เป็นฝ่ายชนะ ได้เรือเจ็ดลำพร้อมด้วยข้าวของเงินทองเต็มลำ แชมเปี้ยนฝ่ายแพ้คอตกออกแล่นเรือกลับบ้านตน
เรื่องราวการกระทำอันลือเลื่องด้วยพลังแกร่งกล้าของบาดังขจรขจายไปถึงอาณาจักรเปลัค รายาแห่งแคว้นเปลัคเป็นอนุชาของรายาแห่งแคว้นสิงคปุระ ตกลงพระทัยจะส่งผู้ทรงพลังของพระองค์ ชื่อว่า เบนเดรัง มาท้าแชมเปี้ยนผู้ทรงพลังของพระเชษฐา พร้อมด้วยอัครเสนาบดีถือสารมาถวายพระเชษฐาด้วย
เมื่อคณะผู้ทรงพลังมาถึงเกาะสิงคปุระ ตัวอัครเสนาบดี เบนเดรังและคณะทั้งหมดก็จัดขบวนแห่งดงามด้วยสีสัน แห่แหนสารของรายาแห่งเปลัคมายังวัง เพื่อถวายแก่รายาแห่งสิงคปุระ ชั้นหัวหน้าก็นั่งหลังช้าง ชั้นบริวารก็เดินเท้าไปข้างๆ ช้างพาหนะ
อัครเสนาบดีโค้งกายลงต่ำเพื่อเป็นการเคารพ และส่งสารถวายรายาแห้งสิงคปุระ แล้วทูลว่า " พระอนุชาทรงฝากความเคารพและระลึกถึงมาด้วย ทั้งทรงขอให้จัดการแข่งขันระหว่างผู้ทรงพลังของเปลัคและของสิงคปุระ หากบาดัง คนของพระองค์ชนะ เจ้านายของหม่อมฉันจะยอมถวายคลังมหาสมบัติแด่พระองค์ "
รายาแห่งแคว้นสิงคปุระทอดพระเนตรดูเบนเดรัง ซึ่งตัวใหญ่กว่าบาดัง ทั้งท่าทางก็ดูจะแข็งแรงกว่าไม่น้อย "เราขอคิดดูก่อน " รับสั่งว่าอย่างนั้น " แล้วตกลงว่าอย่างไรจะบอกท่านพรุ่งนี้ "
ครู่ต่อมาก็รังสั่งให้หาบาดังมา แล้วตรัสถามบาดังว่า คิดว่าจะเอาชนะในการท้าแข่งครั้งนี้หรือไม่ บาดังทูลว่า " พูดยาก " แล้วก็ทูลแนะขึ้นว่า " ควรรับสั่งให้จัดงานเลี้ยงคืนนี้ เพื่อหม่อมฉันจะได้ทดลองกำลังของเบนเดรังดู ถ้าเขาแข็งแกร่งกว่าหม่อมฉัน พระองค์ก็ทรงปฎิเสธไม่แข่งด้วย และก็จะไม่มีฝ่ายใดเสียเกียรติ "
รายาเห็นว่าข้อเสนอของบาดังน่าฟัง คืนวันนั้นจึงจัดงานเลี้ยงใหญ่ให้แก่แขกเมือง ทุกคนนั่งขัดสมาธิบนพื้น ขณะที่กำลังกินเลี้ยงกันอย่างสนุกสนานอยู่นั้น บาดังก็เข้าไปนั่งใกล้เบนเดรัง
เบนเดรังเอาขาทับซ้อนลงบนขาของบาดัง