การเขียนพู่กันจีนมีประวัติความเป็นมายาวนานคู่กับประเทศจีน ถือเป็นศิลปะขั้นสูงหนึ่งในสี่อย่างของชนชาติจีน คือ การเขียนพู่กันจีน การวาดภาพ การบรรเลงเครื่องสาย และการเล่นหมากรุกจีน นอกจากจีนแล้วการเขียนพู่กันจีนยังเป็นที่นิยมในหมู่ชาวเอเชียอย่าง ญี่ปุ่น เกาหลี เวียตนามและสิงคโปร์ ผู้ที่จะเรียนพู่กันจีนควรมีพื้นฐานภาษาจีน เพื่อที่จะรู้วิธีเขียนอักษรแต่ละตัวให้เป็น การเขียนพู่กันจีนเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ไม่เพียงสื่อสารความคิดของผู้เขียน ยังแสดงถึงลักษณะเส้นสายที่มีจังหวะการเขียนและองค์ประกอบของตัวหนังสือที่งดงาม บ่งบอกถึงลักษณะนิสัยของเจ้าของลายมือ และเป็นการฝึกสมาธิที่ดีอย่างหนึ่งอีกด้วย นักเขียนพู่กันจีนที่มีชื่อเสียงของจีนมีอยู่หลายท่าน เช่น หวางซีจือ (ลูกชายท่าน หวางเสี้ยนจือก็ขึ้นชื่อว่ามีลายมืองดงามเช่นกัน), โอหยางสุน (เราชอบลายมือท่านนี้ที่สุดค่ะ), หลิวกงเฉวียน, ซูซื่อ, ซูเว่ย ฯลฯ ในงานของศิลปินตะวันตกสองท่านคือ Picasso และ Matisse จะเห็นได้ชัดว่าได้รับอิทธิพลของการเขียนพู่กันจีนด้วย
อักษรจีนจะมีโครงสร้าง ๓ ลักษณะ คือวงกลม สามเหลี่ยมและสี่เหลี่ยม แต่ละตัวมีจำนวนขีดและจุดที่แน่นอน การฝึกเขียนพู่กันจีนต้องเริ่มฝึกด้วยการลอกจากแบบตัวหนังสือทีละตัว ทีละขีดให้แม่นยำ และจะเขียนให้เก่งก็ต้องฝึกฝนบ่อย ๆ เท่านั้น
อุปกรณ์ที่ใช้
๑. กระดาษ
๒. หมึกจีนหรือแท่งฝนหมึก
๓. พู่กัน
๔. จานรองหมึก
๕. ที่ทับกระดาษ
๖. ที่รองกระดาษเวลาเขียนกันหมึกซึม
๘. ตราประทับชื่อ
แบบตัวอักษรที่ใช้เขียนมี ๕ แบบคือ
๑. จ้วนซู กำหนดรูปแบบขึ้นมาในสมัยราชวงศ์เฉิน เป็นแบบที่เก่าที่สุดและยังใช้ฝึกเขียนจนทุกวันนี้ ตราประทับมักแกะสลักด้วยตัวหนังสือประเภทนี้
๒. ลี่ซู นิยมเขียนกันมากในสมัยราชวงศ์ฮั่น ตัวหนังสือจะออกแป้น ๆ การเขียนเน้นที่การลากหางเป็นเส้นหนา ปัจจุบันใช้ในงานตกแต่งหรืองานศิลปะมากกว่า
๓. เฉ่าซู ลักษณะตัวหนังสือแบบหวัด
๔. สิงซู ลักษณะตัวหนังสือหัวดแกมบรรจง
๕. ข่ายซู ลักษณะตัวหนังสือแบบบรรจง