ในสังคมปัจจุบันที่ขยายตัวมากขึ้นกว่

ในสังคมปัจจุบันที่ขยายตัวมากขึ้นกว่าสังคมในยุคบุพกาลที่ประชาชนสามารถมารวมกันเพื่อตัดสินใจร่วมกันโดยตรงซึ่งเราเรียกกันว่าการปกครองในระบอบประชาธิปไตยทางตรง(Direct Democracy)นั้น ปัจจุบันเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ในระดับชาติซึ่งมีความสลับซับซ้อน ดังนั้น จึงเกิดความจำเป็นที่จะต้องมีการเลือกผุ้แทนของตนเพื่อไปออกเสียงแทนในเรื่องต่างๆ ซึ่งเป็นการแสดงถึงการใช้อำนาจอธิปไตยที่เป็นของปวงชน
ในบรรดาของประเทศต่างๆที่ใช้ระบบของการมีผู้แทนอาจจำแนกได้เป็นรูปแบบหลักๆอยู่ ๒ รูปแบบ คือ
๑) รูปแบบการปกครองแบบประธานาธิบดี (Presidential System) มีหลักการที่สำคัญ คือ มีการแบ่งแยกอำนาจการใช้อำนาจอธิปไตยกันอย่างเด็ดขาด ประมุขของรัฐกับหัวหน้าฝ่ายบริหารเป็นคนๆเดียวกัน ฝ่ายบริหารเป็นอิสระต่อการควบคุมของรัฐสภา(ไม่สามารถเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ) รัฐมนตรีรับผิดชอบโดยตรงต่อประธานาธิบดี (ไม่จำเป็นต้องไปร่วมประชุมรัฐสภา) และอำนาจในการแต่งตั้งตุลาการเป็นของประธานาธิบดีโดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา
๒) รูปแบบการปกครองแบบรัฐสภา (Parliamentary System) ซึ่งมีหลักการที่สำคัญ คือ ตำแหน่งประมุขของประเทศแยกออกจากตำแหน่งบริหาร ตัวแทนของประชาชนทำหน้าที่นิติบัญญัติ คณะรัฐบาลมาจากรัฐสภา และการคงอยู่ของรัฐบาลขึ้นอยู่กับความไว้วางใจของรัฐสภา
คำว่ารัฐสภา หรือ Parliament มาจากคำว่า Parlor หมายถึง ห้องรับแขก เพราะเอาไว้คุยกันของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งในภาคพื้นยุโรปจะจัดเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ แต่เดิม ในยุคกรีกหรือโรมันนั้นจะไม่มีเก้าอี้ แต่จะเป็นขั้นบันไดยาวๆไปรอบห้อง คล้ายๆกับอัฒจันทร์ของสนามกีฬา พอถึงเวลาประชุมก็จับกลุ่มยืนคุยเป็นกลุ่มๆแล้วแต่จะชอบพอใครหรือเป็นพวกของใคร ส่วนอัฒจันทร์ก็เอาไว้นั่งเวลาเหนื่อยหรือเบื่อที่ฟังคนอื่นพูด
ประเทศไทยเรานั้นจัดอยู่ในระบบการปกครองแบบรัฐสภา แต่ทว่าในความเป็นจริงแล้วสถานภาพของรัฐสภาไทยเราอาจเรียกได้ว่าเป็นเพียงตัวประกอบในระบบการเมืองเท่านั้น เพราะความสำคัญต่างๆกลับไปเน้นอยู่ที่คณะรัฐบาลเท่านั้น
เราอาจเห็นการแสดงละครเรื่อง “การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี” ซึ่งมีครบทุกรสชาติ ไม่ว่าจะเป็นบทบู๊ล้างผลาญ คมคายเชือดเฉือน เงอะงะเลอะเลือน พร้อมทั้งบทตลกที่คอยแทรกเสริมด้วยการประท้วงเป็นระยะๆ แต่ในที่สุดเมื่อมีการลงคะแนนก็ไม่มีผลอันใดต่อสถานภาพของรัฐบาล เพราะรัฐบาลคุมมือไว้หมดแล้ว
ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมการบริหาราชการแผ่นดินของรัฐบาลในรัฐสภาที่ใช้ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรก็ดี การประชุมวุฒิสภาก็ดี การประชุมคณะกรรมาธิการก็ดี ไม่ต่างไปจากละครการเมืองน้ำเน่า ที่หาได้ส่งผลต่อการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอย่างใดไม่

ตั้งแต่เรามีระบบรัฐสภาเป็นต้นมา รัฐสภาไทยเต็มไปด้วยสมาชิกที่มาจาก ชนชั้นที่ได้เปรียบทางสังคม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจและนักการเมืองอาชีพตลอดจนอดีตข้าราชการที่โยงใยใกล้ชิดกัน โดยเฉพาะอย่างวุฒิสภาที่มีการกำหนดคุณสมบัติที่เอื้ออำนวยต่อชนชั้นนำมากกว่าชนชั้นล่าง มิหนำซ้ำยังมาจากการลากตั้งอีก ๗๔ จาก ๑๕๐ คน
ทั้งนี้ เนื่องมาจากรัฐธรรมนูญที่ออกโดยชนชั้นนำและแนวทางการพัฒนาประเทศที่ขาดการสมดุล ทำให้คนส่วนใหญ่ถูกกันออกไปจากเวทีแข่งขันทางการเมือง โดยอัตโนมัติ คนส่วนใหญ่จึงไม่สามารถมีส่วนกำหนดนโยบายใดๆของรัฐ ตัวระบอบรัฐสภาเองจึงมีความจำกัดในการตอบสนองความต้องการของประชาชน
ตัวรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันก็มุ่งแต่กลั่นกรองตัวบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง มากกว่าการกระจายโอกาสทางการเมืองให้แก่ประชาชนทุกหมู่เหล่า ดังจะเห็นได้จากสัดส่วนของสมาชิกรัฐสภาปัจจุบันที่ล้วนแล้วแต่เป็นชนชั้นนำที่ครอบงำรัฐสภาอยู่
ในหลักการของระบบรัฐสภานั้นฝ่ายบริหารอาจถูกลงมติไม่ไว้วางใจหรือสภาผู้แทนอาจถูกยุบเพื่อให้ประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยได้แสดงบทบาทของผู้ตัดสิน ประชาชนจึงต้องพร้อมเสมอที่จะใช้สิทธินั้น ดังนั้น จึงมีความจำเป้นอย่างยิ่งที่ประชาชนจะต้อง ได้รับการศึกษาและได้รับโอกาสในการรับรู้ข่าวสารทางการเมือง ตลอดจนโอกาสในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของการกำหนดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการควบคุม การดำเนินงานขององค์กรที่ใช้อำนาจอธิปไตย และหากประเทศใดขาดหลักเกณฑ์ที่ว่านี้ ก็ย่อมกล่าวไม่ได้ว่าประเทศนั้นมีการปกครองในระบบรัฐสภาที่แท้จริง และประเทศที่ว่านี้ย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่ารวมประเทศไทยของเราในปัจจุบันนี้เข้าไปด้วย
นอกจากปัญหาสำคัญที่ได้ชี้ให้เห็นมาแล้วว่ารูปแบบการปกครองแบบรัฐสภา ซึ่งก็หมายความว่ารัฐสภาเป็นใหญ่หรือมีอำนาจสูงสุด แต่ระบบรัฐสภาของไทยในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ แต่กลับกลายเป็นรัฐบาลที่เป็นใหญ่กว่ารัฐสภา
ในส่วนของพรรคการเมืองของไทยนั้น พรรคการเมืองต่างๆล้วนแล้วแต่ บกพร่องในบทบาทต่อสังคม เพราะทำตัวแปลกแยกจากสังคมมาโดยตลอด แสวงหาหรือ เล่นบทบาทเฉพาะบทบาททางการเมืองในสภาเท่านั้น
มิหนำซ้ำเมื่อเกิดปรากฏการณ์พันธมิตรฯขึ้นมา พรรคการเมืองทั้งหลายก็กลับละทิ้งหน้าที่ในทางการเมืองในสภาไปเสียอีก หันไปเล่นทางลัดนอกสภาโดยคอยหนุนหลัง กลุ่มเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดงอย่างโจ๋งครึ่ม พรรคการเมืองจึงหมดความหมายจากประชาชนไปโดยสิ้นเชิงเพราะไม่ได้ทำหน้าที่ทั้งในทางสังคมและในทางการเมืองแต่อย่างใด โอกาสในการพัฒนาประชาธิปไตยโดยพรรคการเมืองจึงเสื่อมสูญไปอย่างน่าเสียดาย กอปรกับการมีมาตรการยุบพรรคซ้ำเติมเข้าไปอีก ก็เป็นอันว่าสิ้นหวังได้เลยว่าพรรคการเมืองจะเป็นจักรกลที่จะขับเคลื่อนการเมืองในระบบรัฐสภาของเราให้พัฒนากว่านี้ไปได้

ถึงเวลาแล้วที่รัฐสภาไทยจะต้องปรับปรุงกันอย่างขนานใหญ่ ด้วยการ ยกร่างรัฐธรรมนูญเสียใหม่ เพราะพิสูจน์ได้ชัดเจนแล้วว่ารัฐสภาซึ่งใช้อำนาจนิติบัญญัตินั้นตกเป็นเบี้ยล่างของรัฐบาล ไม่ได้เป็นอิสระและไม่อาจถ่วงดุลเพื่อควบคุมตรวจสอบรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพเลย เป็นแต่เพียงการแสดงละครฉากใหญ่เท่านั้นเอง

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

In the current society that grew more than social realities can season bup come together to make decisions together directly, which we called the ruling democratic alternative (Direct Democracy). What is not in the national complex? Therefore it was necessary to have their selection of their replacement to pronounce instead of, which is to represent the sovereignty that belongs to the public. Among the countries that use the system to have a delegates may be recognized as the primary format. 2 formats: The model 1) President (Presidential System), there is an important principle of separation of powers is using sovereignty as decisive. Head of State of the State with the Chief Executive as the same person. The management is independent of the control of the Parliament (cannot open debate does not trust) The Minister is responsible directly to the President (no need to go to the meeting of Parliament) and the judiciary authority appointed by the President of the Parliament. The model 2) Parliament (Parliamentary System), which is an important principle is the country's head of State position excluded from executive positions. The representative of the public acts of legislation Council of Government from Parliament and Government remain dependent on the trust of the Parliament. The term of Parliament or Parliament comes from the word Parlor represents the living room because there is talk of a member of Parliament. The European ground is a large hall, but the original. In the era of green or does not have Roman Chair but lengthy stepped into the room. Similar to the Amphitheatre of time any stadium congregate to stand and talk groups, but would like it enough to anyone who's they? Best time of the day, amphitheatre seating or bored listening to others speak. A Thai national held in the parliamentary system. But in fact, the status of Thai Parliament we can just factor in the political system only. It is important to emphasize that only a Government Committee. We might see a theatrical title "the debate did not trust the Prime Minister and the Ministers," which contains every taste whether it's chapter of fighting devastating images evolve to slash slash. With ngoe stained a funny article Shiga recollection that insert supplemented with periodic protests, but in the end, when the vote had no effect either on the Government's standing. Because of the Government's control over all of the hands. Best practices for controlling public services of the Government in the Parliament meeting in the House of representatives, as well. A meeting of the Senate, as well. The meeting of the Commission, as well. No different from the political drama that has polluted water affects the adjustment to change in any way? Since we have a parliamentary system, etc. Thai Parliament full of members who come from all social classes, which have mainly businessmen and politicians, as well as the former career civil servant who unite closely. In particular, the Senate was defined property that enrolling more than lower-class elite. Otherwise repeat the nam also came from another area from 74 to drag people 150. This is because the Constitution issued by the elite and guidelines for developing countries that lack of most of the people are balancing each other out of the political race stage automatically. Most people cannot contribute to any policy of the State. The parliamentary regime itself, so there is a limit to people's needs. The current Constitution was aimed at, but refine the selection of the person to be served. Political opportunity, rather than a political explosion, all the people of these islands can be seen from the proportion of members of the current Parliament are the people who dominated the Parliament. In principle, the parliamentary system, the management may have been voting don't trust or Council representatives could be dissolved in order to make the people sovereign owners have shown the role of a judge. People must therefore be ready to use the rights thus have required through more people need to get educated and get a chance to get to know the political news, as well as the opportunity to provide feedback, which is an important principle of requiring people to participate in the control. The operations of the Organization and, if any nation sovereignty lacking the basis that this would not be the country that has been ruled in a parliamentary system that truly and surely this country cannot deny that our Thai country nowadays go. In addition to the important problems that have been pointed out and that a parliamentary form of Government, which means that the Parliament or parliamentary system, but it is the highest power of the Thai, in fact, not a Government, but it has become a bigger Council House. On the part of political parties of the Thai. The various political parties which defects in the social roles they perform a dissimilar from throughout society. Looking for a specific role or playing a role in politics in the Council only. Otherwise repeat the roadblock phenomenon occurred when nam came up. Political parties arose back officer discarded in a political election to lose. Turned to play outside of the Council to reinforce the shortcuts. Red shirts and yellow shirts or chongkhruem Political parties, it means all the people go completely because they do not function in both social and political, but in any way. The opportunity to develop democracy without political parties, thus unfortunately lost book. Composed with measures to intensify party collapse again, it is just that the despair that political parties would be geared to driving our political system development in Parliament, than this. It's time for the Thai Parliament will certainly be adjusted parallel double by lifting the new draft Constitution has clearly proven that it has the power of legislation to Parliament as the Government's inferior. Does not freedom and not be counterbalanced by government audit to regulate effectively. As the only theater major scenes only.

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

In modern society more expansive than the society in the ancient time that people can come together to decide together directly, which we call that the government direct democracy (Direct. Democracy).