Full Truck Load (FTL) or the full Cabinet met transport concept or strategy that is applied to reduce the cost of transporting goods to foreign countries. วิธีนี้นั้นมีมานานแล้ว แต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมเพราะทำได้ยาก และมิใช่ว่าต้องการใช้แนวคิดนี้ แล้วจะทำได้ทันทีทันใด หากจะต้องมีการวางแผนเป็นลำดับขั้นตอน และต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภายในองค์กรเป็นอย่างดี ซึ่งในบางครั้งต้องมีการขอความร่วมมือจากลูกค้าด้วย อีกทั้งต้องมีการวัดผล การควบคุมขบวนการอย่างเป็นรูปธรรมแบบต่อเนื่อง ซึ่งในบทความนี้จะนำเสนอแนวทางการเตรียมความพร้อมด้านต่าง ๆ, ผลประโยชน์ในการช่วยให้ลดต้นทุนขนส่งสินค้าได้ รวมถึงอุปสรรคต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในการทำ FTL นี้ หนึ่งในเป้าหมายการทำธุรกิจนั้นก็คือ การส่งสินค้าให้ทันเวลา ถูกต้องทั้งจำนวนและคุณภาพ ซึ่งหลายท่านคงไม่ปฏิเสธว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งปัจจุปันนอกจากการวัดผลของคุณภาพสินค้าแล้ว ยังวัดเรื่องคุณภาพของการส่งมอบทันเวลาด้วย เราเรียกวิธีวัดนี้ เรียกว่า On Time Delivery Measurement หรือ OTDM การส่งทันเวลานั้นหมายถึงการที่ไม่ส่งสินค้าก่อน หรือหลังวันที่ลูกค้ากำหนด จึงทำให้ฝ่ายLogistic หรือหัวหน้าองค์กร ต้องวางแผนด้าน Logistic และ Supply Chain กันอย่างมาก และมีการตั้งเป้าหมายประจำปีขององค์กรไว้ โดยให้มุ่งเน้นในการส่งสินค้าให้ลูกค้าทันเวลามากขึ้น เช่น จากที่เคยตั้งเป้าไว้ 90% อาจเพิ่มเป็น 95% หรือ 99% หรือ100% เลยก็มี เพื่อให้ลูกค้าพึงพอใจมากขึ้นและเป็นการคาดหวังในการต่อยอดทางธุรกิจต่อไป ซึ่งในบางครั้งการมุ่งเน้นเรื่อง On Time Delivery (OTD) มากจนเกินไป อาจทำให้เกิดความผิดพลาดด้านคุณภาพของสินค้าที่ส่งได้ หรือ ทำให้เกิดต้นทุนการขนส่งที่เพิ่มขึ้นได้ ซึ่งในบางครั้งบางเหตุผล อาจมีความไม่เป็นธรรมกับผู้ขายอยู่บ้าง เช่น การที่ลูกค้าเร่งให้ผู้ขายส่งสินค้าก่อนเวลานำ(Lead Time) ที่ได้ทำข้อตกลงกันไว้ตอนเริ่มทำธุรกิจด้วยกัน หรืออีกกรณีหนึ่ง ลูกค้ามีพื้นที่การเก็บสินค้าคงคลังน้อยลงและมีการลดมูลค่าสินค้าคงคลังให้น้อยลง และบางครั้งลูกค้าอาจมีความผิดพลาดทางการคาดคะเนการขาย ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวนั้น เป็นสิ่งที่นำไปสู่การเร่งรัดหรือขอร้องให้ผู้ขายส่งสินค้าแบบทยอย หรือ ไม่เต็มตู้ ตลอดจนการส่งแบบเร่งด่วน โดยเพิ่มการส่งให้มีความถี่หรือบ่อยมากขึ้น สุดท้ายพอช่วงสรุปงบรายเดือนรายปี ของบริษัทผู้ขาย Logistic Top Management บางรายเห็นสรุปต้นทุนค่าขนส่ง หรือ Freight Cost บางรายถึงกับนั่งกุมขมับก็มี อย่างไรก็ตาม การทำธุรกิจนอกจากการมุ่งเน้นให้ลูกค้าพึงพอใจนั้นถูกต้องแล้ว แต่สิ่งที่มุ่งเน้นอีกเรื่องที่สำคัญมากกว่าก็คือ กำไร หรืออย่างน้อยก็ต้องไม่ขาดทุน คงไม่มีใครทำธุรกิจหวังแต่การขาดทุนเป็นแน่ การส่งให้ทันเวลาแต่มีค่าใช้จ่ายที่เกินงบประมาณหรือต้องขาดทุนนั้น ก็เป็นสิ่งไม่พึงประสงค์ของการทำธุรกิจเช่นกัน อีกทั้งในตลาดที่มีการแข่งขันที่สูงในปัจจุปัน กว่าจะชนะคู่แข่งมาได้ในแต่ละครั้ง ก็มีการกดต้นทุนกันแทบแย่แล้ว เมื่อเวลาผ่านไปสถานการณ์ต่างๆ ก็ยากที่จะคาดเดาลำบาก ค่าใช้จ่ายเรื่องขนส่งก็มีต้นทุนสูงขึ้นตลอดเวลา เพราะอิงกับราคาน้ำมัน และปัจจัยต่างๆ ที่ไม่สามารถคาดคะเนได้ หรือคาดคะเนได้แต่ก็มีความแกว่งสูง และอีกสิ่งที่มีความยากสำหรับผู้ขายสินค้าก็คือการไปขอขึ้นราคาค่าขนส่งกับลูกค้า ส่วนมากก็จะไม่ค่อยสำเร็จบ้าง, ได้รับการปฏิเสธจากการไม่รัดกุมในสัญญาซื้อบ้าง หรือลูกค้าก็ใช้วิธีดึงเวลาบ้าง Ever heard the saying of those who do business in large multinational companies, the people of Malaysia. One said, "If you deliver goods on time to keep the customers satisfied, but makes business loss or the losses because of possible items of freight on the rise, it should not send a business will thus be a better choice." From the above mentioned apply to every organization believes that any strategy driven, their business with low-cost transportation, and a worthy and able to create satisfied customers.
การแปล กรุณารอสักครู่..