เจมส์ ดู อัน นักธุรกิจเชื้อสายจีนสั

เจมส์ ดู อัน นักธุรกิจเชื้อสายจีนสัญชาติพม่าในนาม เฟรเกรนท์ กรุ๊ป หอบความมุ่งมั่นสร้างนวัตกรรมอาคารสูงพักอาศัยในประเทศไทยด้วยแนวคิดสร้างอาคารประหยัดพลังงานอย่างจริงจังในโครงการ “เซอร์เคิล ลิฟวิ่งโปรโทไทป์” เพื่อให้เป็นอาคารต้นแบบทั้งการนำพลังงานแสงอาทิตย์ผลิตกระแสไฟฟ้า การทำน้ำอุ่นด้วยลมร้อนจากคอมเพรสเซอร์แอร์ และระบบน้ำรีไซเคิลกลับมาใช้ในโครงการ สู่นวัตกรรมล่าสุดโครงการ “เซอร์เคิล สุขุมวิท 11” คอนโดฯที่มีระบบจอดรถอัจฉริยะลอยฟ้าที่ไม่เคยมีมาก่อนในเมืองไทย

ชื่อชั้นของ เจมส์ ดู อัน กลายเป็นนักธุรกิจอสังหาฯ ต่างชาติในไทยที่ต้องจับตามองในเรื่องการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาสู่อาคารสูงพักอาศัยในประเทศไทย วันนี้เจมส์ ดู อัน ขยับอีกก้าวและเป็นย่างก้าวที่ใหญ่กับบิ๊กโปรเจ็กต์ที่จะนำกลับไปพัฒนาอสังหาฯ ในพม่าเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC

เจมส์ ดู อัน กล่าวกับ “คอนโดไกด์” ว่า ในปลายปีนี้จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และนำเงินที่ได้จากการระดมทุนนี้ไปลงทุนในประเทศพม่า โดยหลังพม่าได้เปิดประเทศ รัฐบาลพม่าอยากให้นักลงทุนพม่ากลับเข้ามาลงทุนในพม่าโดยได้ช่วยเรื่องการยกเว้นภาษีนิติบุคคลในธุรกิจที่รัฐบาลพม่าต้องการเป็นระยะเวลา 5 ปี แต่ในส่วนของธุรกิจอสังหาฯ ยังไม่มีข้อเสนอที่ชัดเจน

แต่จากที่เป็นนักธุรกิจสัญชาติพม่าจึงได้เปรียบกว่านักลงทุนอื่นๆ และได้ดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทพัฒนาอสังหาฯที่ประเทศพม่าแล้ว ในนามบริษัท เมียนมาร์ เฟรเกรนท์ ดีเวลลอปเมนท์ฯ กับ บริษัท เมียนมาร์ เฟรเกรนท์ จำกัด พร้อมกับได้เสนอ 2 โครงการใหญ่ให้กับรัฐบาลพม่า โครงการแรกเป็นอสังหาฯ ขนาดใหญ่แบบมิกซ์ยูส ในย่างกุ้ง ประกอบด้วยอาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม ศูนย์การค้า และโรงแรม โดยจะมีการตัดถนนใหม่และปรับถนนทำเป็นรูปแบบถนนคนเดินเหมือนในกรุงปารีส และลอนดอน โดยหวังว่ารัฐบาลพม่าจะมีการแก้กฎหมายให้เป็นถนนคนเดินและใส่วัฒนธรรมเข้าไปคือมีพิพิธภัณฑ์ด้วย พื้นที่โครงการประมาณ 20 ไร่ ใช้เงินลงทุนประมาณ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

“ผมกำลังพูดถึงการสร้างเมืองในอนาคตเพื่อรองรับ AEC ให้กับประเทศพม่า เพราะเมืองจะสวยได้ 25% เป็นการสร้างจากรัฐบาล และอีก 75% เป็นการสร้างโดยเอกชน โดยโครงการนี้ในย่างกุ้งเปรียบเหมือนโครงการพัฒนาหัวลำโพงในอนาคตของประเทศไทย”

อีกโครงการหนึ่งได้เสนอเกี่ยวกับเมืองการเงิน ประกอบด้วยอาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม ศูนย์การค้าและโรงแรม พื้นที่ประมาณ 25 ไร่ มูลค่าประมาณ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และได้มีการเสนอให้ประธานที่ดูแลและจะนำเข้าคณะรัฐมนตรีเป็นลำดับต่อไป ซึ่งหากคณะรัฐมนตรีเห็นด้วยและได้ข้อสรุปปลายปีนี้น่าจะเริ่มพัฒนาได้

เจมส์ ดู อัน ได้อธิบายถึงรูปแบบการลงทุนให้ฟังว่า ได้นำเสนอใน 3 โมเดล ได้แก่ 1. เป็นการลงทุนแบบลำพังและซื้อที่ดินจากรัฐบาลเพราะมีสัญชาติพม่าไม่ต้องร่วมทุนกับใครก็ได้ 2. เป็นการร่วมทุนกับรัฐบาล และ 3. เป็นการเช่าที่ดินสัญญาเช่า 70 ปี

“ผมมองลูกค้าเป้าหมายเป็นตลาดนานาชาติรองรับการเปิด AEC เพราะถึงเวลานั้นนักลงทุนคงต้องการออฟฟิศที่มีมาตรฐานรวมถึงคอนโดฯด้วย นอกจากนั้นแล้วโรงแรมเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สมควรทำเพราะห้องพักมีแค่ 6 พันห้องแต่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวพม่าจำนวนมาก ส่วนคอนโดฯ มองราคาขายอยู่ที่ 1 แสนบาทต่อตร.ม. สำหรับห้องขนาด 100 ตร.ม. หรือราคาอยู่ที่ 10 ล้านดอลลาร์”

ต่อการพัฒนาโครงการนั้น เจมส์ ดู อัน กล่าวว่า จะนำเอาพันธมิตรทางธุรกิจมาด้วย เช่น ผู้ประกอบการศูนย์การค้าของไทย และผู้ประกอบการโรงแรม โดยเฟรเกรนท์จะลงทุนก่อสร้างให้เสร็จแล้วขายต่อให้กับพันธมิตรดังกล่าว ส่วนเงินที่จะมาลงทุนนั้นส่วนหนึ่งมาจากเงินระดมทุนและส่วนหนึ่งมาจากการสนับสนุนของแบงก์ไทยที่มาเปิดสาขาในพม่าตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้อนุญาตให้ปล่อยกู้นิติบุคคลไทยใช้ลงทุนในอาเซียนได้

สำหรับอุปสรรคของนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในพม่านั้น เจมส์ ดู อัน กล่าวว่า พม่าเพิ่งจะมีการเปิดประเทศ ดังนั้นการเจรจาลงทุนยังเป็นเรื่องที่ใหม่อยู่จึงต้องใช้เวลา นอกจากนั้นแล้วการลงทุนใช้เงินที่สูงเกินไปซึ่งในโครงการเมืองการเงินนั้นเห็นว่าการลงทุนไม่ควรเกิน 60-80 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯหรือ 2 พันล้านบาท เหตุที่เป็นอย่างนั้นเพราะที่ดินในพม่ามีราคาที่สูง และพม่าไม่มีราคาประเมินเหมือนเมืองไทยซึ่งรัฐบาลพม่าควรจะจัดทำราคามาตรฐานที่ดินที่ทำให้เอกชนที่เข้ามาลงทุนในพม่ารับไหว นอกจากนั้นแล้วที่ดินในเขตซีบีดีกับชานเมืองไม่ควรคิดราคาเดียวกัน และไม่ควรเรียกเก็บค่าเช่าซับซ้อนคือถ้าเช่าที่ดิน 2.5 ไร่ ซึ่งเท่ากับ 1 เอเคอร์ จะจ่ายค่าเช่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเมื่อก่อสร้างต้องจ่ายอีกครั้งซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

“ผมเชื่อว่าพม่ากำลังเนื้อหอมเพราะติดจีนและอินเดีย ถ้าส่งออกต้องผ่านพม่าซึ่งตอนนี้พม่าได้ลงทุนอินฟราสตรักเจอร์ค่อนข้างเยอะ ทั้งท่าเรือน้ำลึกทวาย อีกทั้งยังมีอัญมณี และเวิลด์แบงก์เพิ่งปล่อยเงินกู้ นอกจากนั้นญี่ปุ่นก็ยกหนี้ให้และยังให้เงินกู้เพิ่มด้วย ดังนั้นอนาคตพม่าจะเป็นแหล่งผลิตใหม่ซึ่งตอนนี้ไม่มีประเทศไหนไม่มาเจรจากับพม่าและเรายินดีเป็นที่ปรึกษาให้เพื่อเพิ่มนักท่องเที่ยวให้เดินทางไปพม่าเป็นปีละ 10 ล้านคน จากปีละไม่ถึง 9 แสนคนได้ แต่งานเอนจิเนียริงในพม่ายังล้าหลังต้องมีการปรับครั้งใหญ่ไม่เช่นนั้นต้นทุนการเข้าไปลงทุนในพม่าจะสูงเกินไป”

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

James see an ethnic Chinese businessmen of Myanmar nationals on behalf of ron Fraser gate group committed to creating innovative buildings carry a high-living in the country of Thailand by building energy-saving ideas seriously in "circle living Pro phenotypic protocols" to the whole template is a leading solar power electricity. The hot water with hot air from a air compressor and water recycling system back in the project to the latest innovation project "circle Sukhumvit 11". Intelligent parking system for condominium with a sky that has never been before in Thailand.The name of James spectrometers look becomes foreign property business in Thailand who need looking at in terms of new technology into the residential high-rise buildings in the country, Thailand. To this day, James See another step and a stunning move a big step with the big project that will bring a return to property development. In Myanmar, devoted to open a AEC or AEC.James spectrometers to look "condo Guide" that later this year the company will be listed on the stock exchange of Thailand and take money from the funding to invest in Myanmar. Myanmar has turned the country back by. The Government of Myanmar wants to give Burma back into investors investing in Myanmar has helped tax-exempt issues a legal entity in the business of the Government of Myanmar would like to for a period of 5 years, but the business part of the property is not yet a clear proposal.แต่จากที่เป็นนักธุรกิจสัญชาติพม่าจึงได้เปรียบกว่านักลงทุนอื่นๆ และได้ดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทพัฒนาอสังหาฯที่ประเทศพม่าแล้ว ในนามบริษัท เมียนมาร์ เฟรเกรนท์ ดีเวลลอปเมนท์ฯ กับ บริษัท เมียนมาร์ เฟรเกรนท์ จำกัด พร้อมกับได้เสนอ 2 โครงการใหญ่ให้กับรัฐบาลพม่า โครงการแรกเป็นอสังหาฯ ขนาดใหญ่แบบมิกซ์ยูส ในย่างกุ้ง ประกอบด้วยอาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม ศูนย์การค้า และโรงแรม โดยจะมีการตัดถนนใหม่และปรับถนนทำเป็นรูปแบบถนนคนเดินเหมือนในกรุงปารีส และลอนดอน โดยหวังว่ารัฐบาลพม่าจะมีการแก้กฎหมายให้เป็นถนนคนเดินและใส่วัฒนธรรมเข้าไปคือมีพิพิธภัณฑ์ด้วย พื้นที่โครงการประมาณ 20 ไร่ ใช้เงินลงทุนประมาณ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ“ผมกำลังพูดถึงการสร้างเมืองในอนาคตเพื่อรองรับ AEC ให้กับประเทศพม่า เพราะเมืองจะสวยได้ 25% เป็นการสร้างจากรัฐบาล และอีก 75% เป็นการสร้างโดยเอกชน โดยโครงการนี้ในย่างกุ้งเปรียบเหมือนโครงการพัฒนาหัวลำโพงในอนาคตของประเทศไทย”อีกโครงการหนึ่งได้เสนอเกี่ยวกับเมืองการเงิน ประกอบด้วยอาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม ศูนย์การค้าและโรงแรม พื้นที่ประมาณ 25 ไร่ มูลค่าประมาณ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และได้มีการเสนอให้ประธานที่ดูแลและจะนำเข้าคณะรัฐมนตรีเป็นลำดับต่อไป ซึ่งหากคณะรัฐมนตรีเห็นด้วยและได้ข้อสรุปปลายปีนี้น่าจะเริ่มพัฒนาได้เจมส์ ดู อัน ได้อธิบายถึงรูปแบบการลงทุนให้ฟังว่า ได้นำเสนอใน 3 โมเดล ได้แก่ 1. เป็นการลงทุนแบบลำพังและซื้อที่ดินจากรัฐบาลเพราะมีสัญชาติพม่าไม่ต้องร่วมทุนกับใครก็ได้ 2. เป็นการร่วมทุนกับรัฐบาล และ 3. เป็นการเช่าที่ดินสัญญาเช่า 70 ปี“ผมมองลูกค้าเป้าหมายเป็นตลาดนานาชาติรองรับการเปิด AEC เพราะถึงเวลานั้นนักลงทุนคงต้องการออฟฟิศที่มีมาตรฐานรวมถึงคอนโดฯด้วย นอกจากนั้นแล้วโรงแรมเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สมควรทำเพราะห้องพักมีแค่ 6 พันห้องแต่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวพม่าจำนวนมาก ส่วนคอนโดฯ มองราคาขายอยู่ที่ 1 แสนบาทต่อตร.ม. สำหรับห้องขนาด 100 ตร.ม. หรือราคาอยู่ที่ 10 ล้านดอลลาร์”ต่อการพัฒนาโครงการนั้น เจมส์ ดู อัน กล่าวว่า จะนำเอาพันธมิตรทางธุรกิจมาด้วย เช่น ผู้ประกอบการศูนย์การค้าของไทย และผู้ประกอบการโรงแรม โดยเฟรเกรนท์จะลงทุนก่อสร้างให้เสร็จแล้วขายต่อให้กับพันธมิตรดังกล่าว ส่วนเงินที่จะมาลงทุนนั้นส่วนหนึ่งมาจากเงินระดมทุนและส่วนหนึ่งมาจากการสนับสนุนของแบงก์ไทยที่มาเปิดสาขาในพม่าตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้อนุญาตให้ปล่อยกู้นิติบุคคลไทยใช้ลงทุนในอาเซียนได้สำหรับอุปสรรคของนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในพม่านั้น เจมส์ ดู อัน กล่าวว่า พม่าเพิ่งจะมีการเปิดประเทศ ดังนั้นการเจรจาลงทุนยังเป็นเรื่องที่ใหม่อยู่จึงต้องใช้เวลา นอกจากนั้นแล้วการลงทุนใช้เงินที่สูงเกินไปซึ่งในโครงการเมืองการเงินนั้นเห็นว่าการลงทุนไม่ควรเกิน 60-80 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯหรือ 2 พันล้านบาท เหตุที่เป็นอย่างนั้นเพราะที่ดินในพม่ามีราคาที่สูง และพม่าไม่มีราคาประเมินเหมือนเมืองไทยซึ่งรัฐบาลพม่าควรจะจัดทำราคามาตรฐานที่ดินที่ทำให้เอกชนที่เข้ามาลงทุนในพม่ารับไหว นอกจากนั้นแล้วที่ดินในเขตซีบีดีกับชานเมืองไม่ควรคิดราคาเดียวกัน และไม่ควรเรียกเก็บค่าเช่าซับซ้อนคือถ้าเช่าที่ดิน 2.5 ไร่ ซึ่งเท่ากับ 1 เอเคอร์ จะจ่ายค่าเช่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเมื่อก่อสร้างต้องจ่ายอีกครั้งซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
“ผมเชื่อว่าพม่ากำลังเนื้อหอมเพราะติดจีนและอินเดีย ถ้าส่งออกต้องผ่านพม่าซึ่งตอนนี้พม่าได้ลงทุนอินฟราสตรักเจอร์ค่อนข้างเยอะ ทั้งท่าเรือน้ำลึกทวาย อีกทั้งยังมีอัญมณี และเวิลด์แบงก์เพิ่งปล่อยเงินกู้ นอกจากนั้นญี่ปุ่นก็ยกหนี้ให้และยังให้เงินกู้เพิ่มด้วย ดังนั้นอนาคตพม่าจะเป็นแหล่งผลิตใหม่ซึ่งตอนนี้ไม่มีประเทศไหนไม่มาเจรจากับพม่าและเรายินดีเป็นที่ปรึกษาให้เพื่อเพิ่มนักท่องเที่ยวให้เดินทางไปพม่าเป็นปีละ 10 ล้านคน จากปีละไม่ถึง 9 แสนคนได้ แต่งานเอนจิเนียริงในพม่ายังล้าหลังต้องมีการปรับครั้งใหญ่ไม่เช่นนั้นต้นทุนการเข้าไปลงทุนในพม่าจะสูงเกินไป”