บทสรุปผู้บริหารนับตั้งแต่ประเทศไทยม

บทสรุปผู้บริหาร
นับตั้งแต่ประเทศไทยมีการกระจายอำนาจการปกครองท้องถิ่น ในปี พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา ปัจจุบันพบว่าประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ประการหนึ่งคือ ด้านการเงินการคลัง โดยส่งผลต่อโครงสร้างรายได้ มุ่งให้ อปท. มีรายได้คิดเป็นสัดส่วนต่อรายได้ของรัฐบาลมากขึ้น เพื่อให้มีรายได้ที่สม่ำเสมอและเพียงพอต่อการบริหารจัดการองค์กรด้วยตนเอง ซึ่งจะทำให้การบริหารงานและพัฒนาท้องถิ่นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่จากการศึกษากลับพบว่าสัดส่วนรายได้ของ อปท. นั้น รายได้ส่วนใหญ่กลับเป็นรายได้ของท้องถิ่นที่รัฐบาลจัดเก็บและจัดสรรให้ และรายได้ที่รัฐบาลแบ่งให้ท้องถิ่น ซึ่งเป็นรายได้ภาษีจัดสรร เป็นหลักมากกว่ารายได้จัดเก็บเองของ อปท. รายได้ที่สำคัญได้รับจากการจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด ตามมาตรา 62 ของพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พ.ศ. 2540 แต่เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบระหว่างสัดส่วนรายได้ที่ได้รับจัดสรรและสัดส่วนประชากรในแต่ละภูมิภาคแล้ว กลับพบว่าไม่สอดคล้องกัน ทั้งที่ภาษีมูลค่าเพิ่มนั้นเป็นภาษีทางอ้อมที่จัดเก็บจากฐานการบริโภค ดังนั้น คณะวิจัยจึงต้องการศึกษาว่าวิธีการจัดสรรรายได้ภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งวัตถุประสงค์ที่แท้จริงคือต้องการให้สะท้อนการบริโภคเป็นสำคัญนั้น ควรจะดำเนินการด้วยวิธีใดจึงจะบรรลุตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวได้ และจะช่วยให้ อปท. สามารถมีรายได้ที่เหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการอย่างทันท่วงที ซึ่งจะช่วยให้ อปท. สามารถบริหารและพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่ได้มากที่สุด
การศึกษาฉบับนี้ คณะวิจัยจึงใช้วิธีทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง เปรียบเทียบกับสถานการณ์จริงในประเทศไทย ที่เกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจ ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม กฎหมายและเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการทบทวนวรรณกรรมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เกี่ยวกับการกระจายอำนาจทางการคลังและการจัดสรรรายได้ภาษี ระบบภาษีมูลค่าเพิ่มที่มีการใช้อยู่จริงและที่มีผู้นำเสนอแนวคิดในประเทศต่างๆ ตลอดจนการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้จริงในปัจจุบัน โดยศึกษาภายใต้แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษี ทั้งหลักการจัดเก็บภาษีที่ดี หลักการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม เกี่ยวกับการกระจายอำนาจการคลัง การมีส่วนร่วมของประชาชน และการนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาประยุกต์ใช้ในการจัดเก็บภาษี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมในการจัดสรรรายได้ภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ท้องถิ่นให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การกระจายอำนาจทางการคลังสู่ท้องถิ่น และส่งเสริมให้ อปท. สามารถบริหารงานและพัฒนาท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน พร้อมทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทย โดยมีขอบเขตที่จะมุ่งศึกษาวิธีการปรับปรุงการจัดสรรรายได้ภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดให้เหมาะสมกับการบริโภคซึ่งเป็นฐานภาษีของภาษีมูลค่าเพิ่มในแต่ละพื้นที่ ให้เกิดความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างท้องถิ่นและส่วนกลาง
คณะวิจัย ได้ดำเนินการศึกษาดังที่กล่าวมาแล้ว และพบว่าระบบภาษีมูลค่าเพิ่มที่ใช้อยู่ในปัจจุบันของประเทศไทย ถือได้ว่าเป็นระบบภาษีที่สอดคล้องกับหลักการภาษีอากรที่ดี มีความเหมาะสมกับระบบเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบัน สามารถสะท้อนปริมาณธุรกรรมในระบบเศรษฐกิจได้ นอกจากนี้ยังมีความเหมาะสมที่จะใช้ในการจัดสรรรายได้ให้แก่ อปท. ซึ่งบริบทของประเทศไทยในปัจจุบันรัฐบาลกลางยังควรเป็นผู้ดำเนินการจัดเก็บและจัดสรรให้ดังที่ใช้อยู่ แต่วิธีการจัดสรรในปัจจุบันที่กำหนดให้ “ภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บตามประมวลรัษฎากรจัดเก็บได้ในจังหวัดใด ให้ส่งมอบให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยละห้าของภาษีที่จัดเก็บได้” นั้น เกิดเป็นปัญหาดังที่ปรากฎเนื่องจากขัดแย้งกับระบบจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่มีการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่บางสินค้า บางธุรกรรม บางผู้ประกอบการ และบางพื้นที่ นอกจากนี้การยื่นแบบฯ และชำระภาษีในพื้นที่ที่ไม่เกิดธุรกรรมอันเป็นผลจากการที่กรมสรรพากรจำเป็นต้องให้อนุมัติเพื่อประโยชน์ในด้านต้นทุนและการบริหารงานของหน่วยราชการและผู้เสียภาษี จึงทำให้วิธีการจัดสรรในปัจจุบันไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการกระจายอำนาจทางการคลังสู่ท้องถิ่น และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ อปท. ในปัจจุบันไม่สามารถบริหารงานและพัฒนาท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยังคงต้องพึ่งพารัฐบาลกลาง ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน
จากการศึกษาที่ปรากฎ คณะวิจัยจึงขอเสนอแนวทางปรับปรุงวิธีการจัดสรรรายได้ภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดโดยประยุกค์แนวคิดของระบบ “Viable Integrated” VAT (VIVAT) มาใช้ในการจัดสรรและนำข้อมูลการทำธุรกรรมมาใช้ในการกำหนดสัดส่วนให้เหมาะสม โดยมีข้อเสนอ ดังนี้
1. จัดสรรรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยใช้ข้อมูลสัดส่วนธุรกรรมการบริโภคของผู้บริโภครายสุดท้ายซึ่งเป็นผู้รับภาระภาษีเป็นหลักในการจัดสรร โดยจัดสรรตามพื้นที่ที่มีการบริโภคเกิดขึ้น และใช้การบริโภคขั้นสุดท้ายเป็นฐานภาษี นอกจากนี้ควรนำรายได้ภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บได้ทั้งประเทศมาเป็นฐานในการคำนวณจัดสรรตามสัดส่วน แทนที่ระบบเดิมที่ให้จัดสรรเฉพาะจากรายได้ภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บได้ในแต่ละพื้นที่เท่านั้น
2. ควรให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดสัดส่วนของฐานภาษีที่ใช้จัดสรรได้ เพื่อให้มีความรู้สึกใกล้ชิดและร่วมรับผิดชอบ สอดส่องดูแลการใช้งบประมาณให้เหมาะสม ลดการฉ้อราษฎร์บังหลวง หรือกระทำการอันไม่สะท้อนต่อความต้องการของประชาชน
3. ควรส่งเสริมให้ใช้ระบบจัดทำใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ใบแจ้งหนี้ รายงานต่างๆ และการยื่นแบบแสดงรายการ จะต้องอยู่ในรูปอิเล็กทรอนิกส์คือ ควรพัฒนาภาษีมูลค่าเพิ่มให้เป็นแบบที่ใช้เทคโนโลยีเต็มรูปแบบ เพื่อใช้ประโยชน์ในการเก็บข้อมูลการทำธุรกรรม
4. ให้มีการจดทะเบียนและสมัครขอมีบัตรภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้รับภาระภาษี
5. ส่งเสริมให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดเข้าร่วมเ

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

Executive summaryนับตั้งแต่ประเทศไทยมีการกระจายอำนาจการปกครองท้องถิ่น ในปี พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา ปัจจุบันพบว่าประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ประการหนึ่งคือ ด้านการเงินการคลัง โดยส่งผลต่อโครงสร้างรายได้ มุ่งให้ อปท. มีรายได้คิดเป็นสัดส่วนต่อรายได้ของรัฐบาลมากขึ้น เพื่อให้มีรายได้ที่สม่ำเสมอและเพียงพอต่อการบริหารจัดการองค์กรด้วยตนเอง ซึ่งจะทำให้การบริหารงานและพัฒนาท้องถิ่นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่จากการศึกษากลับพบว่าสัดส่วนรายได้ของ อปท. นั้น รายได้ส่วนใหญ่กลับเป็นรายได้ของท้องถิ่นที่รัฐบาลจัดเก็บและจัดสรรให้ และรายได้ที่รัฐบาลแบ่งให้ท้องถิ่น ซึ่งเป็นรายได้ภาษีจัดสรร เป็นหลักมากกว่ารายได้จัดเก็บเองของ อปท. รายได้ที่สำคัญได้รับจากการจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด ตามมาตรา 62 ของพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พ.ศ. 2540 แต่เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบระหว่างสัดส่วนรายได้ที่ได้รับจัดสรรและสัดส่วนประชากรในแต่ละภูมิภาคแล้ว กลับพบว่าไม่สอดคล้องกัน ทั้งที่ภาษีมูลค่าเพิ่มนั้นเป็นภาษีทางอ้อมที่จัดเก็บจากฐานการบริโภค ดังนั้น คณะวิจัยจึงต้องการศึกษาว่าวิธีการจัดสรรรายได้ภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งวัตถุประสงค์ที่แท้จริงคือต้องการให้สะท้อนการบริโภคเป็นสำคัญนั้น ควรจะดำเนินการด้วยวิธีใดจึงจะบรรลุตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวได้ และจะช่วยให้ อปท. สามารถมีรายได้ที่เหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการอย่างทันท่วงที ซึ่งจะช่วยให้ อปท. สามารถบริหารและพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่ได้มากที่สุดการศึกษาฉบับนี้ คณะวิจัยจึงใช้วิธีทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง เปรียบเทียบกับสถานการณ์จริงในประเทศไทย ที่เกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจ ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม กฎหมายและเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการทบทวนวรรณกรรมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เกี่ยวกับการกระจายอำนาจทางการคลังและการจัดสรรรายได้ภาษี ระบบภาษีมูลค่าเพิ่มที่มีการใช้อยู่จริงและที่มีผู้นำเสนอแนวคิดในประเทศต่างๆ ตลอดจนการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้จริงในปัจจุบัน โดยศึกษาภายใต้แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษี ทั้งหลักการจัดเก็บภาษีที่ดี หลักการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม เกี่ยวกับการกระจายอำนาจการคลัง การมีส่วนร่วมของประชาชน และการนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาประยุกต์ใช้ในการจัดเก็บภาษี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมในการจัดสรรรายได้ภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ท้องถิ่นให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การกระจายอำนาจทางการคลังสู่ท้องถิ่น และส่งเสริมให้ อปท. สามารถบริหารงานและพัฒนาท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน พร้อมทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทย โดยมีขอบเขตที่จะมุ่งศึกษาวิธีการปรับปรุงการจัดสรรรายได้ภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดให้เหมาะสมกับการบริโภคซึ่งเป็นฐานภาษีของภาษีมูลค่าเพิ่มในแต่ละพื้นที่ ให้เกิดความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างท้องถิ่นและส่วนกลางคณะวิจัย ได้ดำเนินการศึกษาดังที่กล่าวมาแล้ว และพบว่าระบบภาษีมูลค่าเพิ่มที่ใช้อยู่ในปัจจุบันของประเทศไทย ถือได้ว่าเป็นระบบภาษีที่สอดคล้องกับหลักการภาษีอากรที่ดี มีความเหมาะสมกับระบบเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบัน สามารถสะท้อนปริมาณธุรกรรมในระบบเศรษฐกิจได้ นอกจากนี้ยังมีความเหมาะสมที่จะใช้ในการจัดสรรรายได้ให้แก่ อปท. ซึ่งบริบทของประเทศไทยในปัจจุบันรัฐบาลกลางยังควรเป็นผู้ดำเนินการจัดเก็บและจัดสรรให้ดังที่ใช้อยู่ แต่วิธีการจัดสรรในปัจจุบันที่กำหนดให้ “ภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บตามประมวลรัษฎากรจัดเก็บได้ในจังหวัดใด ให้ส่งมอบให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยละห้าของภาษีที่จัดเก็บได้” นั้น เกิดเป็นปัญหาดังที่ปรากฎเนื่องจากขัดแย้งกับระบบจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่มีการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่บางสินค้า บางธุรกรรม บางผู้ประกอบการ และบางพื้นที่ นอกจากนี้การยื่นแบบฯ และชำระภาษีในพื้นที่ที่ไม่เกิดธุรกรรมอันเป็นผลจากการที่กรมสรรพากรจำเป็นต้องให้อนุมัติเพื่อประโยชน์ในด้านต้นทุนและการบริหารงานของหน่วยราชการและผู้เสียภาษี จึงทำให้วิธีการจัดสรรในปัจจุบันไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการกระจายอำนาจทางการคลังสู่ท้องถิ่น และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ อปท. ในปัจจุบันไม่สามารถบริหารงานและพัฒนาท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยังคงต้องพึ่งพารัฐบาลกลาง ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนจากการศึกษาที่ปรากฎ คณะวิจัยจึงขอเสนอแนวทางปรับปรุงวิธีการจัดสรรรายได้ภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดโดยประยุกค์แนวคิดของระบบ “Viable Integrated” VAT (VIVAT) มาใช้ในการจัดสรรและนำข้อมูลการทำธุรกรรมมาใช้ในการกำหนดสัดส่วนให้เหมาะสม โดยมีข้อเสนอ ดังนี้ 1. จัดสรรรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยใช้ข้อมูลสัดส่วนธุรกรรมการบริโภคของผู้บริโภครายสุดท้ายซึ่งเป็นผู้รับภาระภาษีเป็นหลักในการจัดสรร โดยจัดสรรตามพื้นที่ที่มีการบริโภคเกิดขึ้น และใช้การบริโภคขั้นสุดท้ายเป็นฐานภาษี นอกจากนี้ควรนำรายได้ภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บได้ทั้งประเทศมาเป็นฐานในการคำนวณจัดสรรตามสัดส่วน แทนที่ระบบเดิมที่ให้จัดสรรเฉพาะจากรายได้ภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บได้ในแต่ละพื้นที่เท่านั้น2. ควรให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดสัดส่วนของฐานภาษีที่ใช้จัดสรรได้ เพื่อให้มีความรู้สึกใกล้ชิดและร่วมรับผิดชอบ สอดส่องดูแลการใช้งบประมาณให้เหมาะสม ลดการฉ้อราษฎร์บังหลวง หรือกระทำการอันไม่สะท้อนต่อความต้องการของประชาชน
3. ควรส่งเสริมให้ใช้ระบบจัดทำใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ใบแจ้งหนี้ รายงานต่างๆ และการยื่นแบบแสดงรายการ จะต้องอยู่ในรูปอิเล็กทรอนิกส์คือ ควรพัฒนาภาษีมูลค่าเพิ่มให้เป็นแบบที่ใช้เทคโนโลยีเต็มรูปแบบ เพื่อใช้ประโยชน์ในการเก็บข้อมูลการทำธุรกรรม
4. ให้มีการจดทะเบียนและสมัครขอมีบัตรภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้รับภาระภาษี
5. ส่งเสริมให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดเข้าร่วมเ

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

Executive summary
since the decentralization of local government in 2009.2475 onwards. At present, it is found that the structural changes as the policy. The important change of the local administrative organization (LGS), one is the finance by affecting the income structure aiming to LGS.Thinking of the government income paid more. In order to earn consistent and adequate to the enterprise management by themselves. The administration and local development is effectively most.LGSThat the most income is income of local government storage and allocation. And income share, which is the local government tax allocation A main rather than revenue collection of LGS.The key revenue received by allocating tax to the provincial section 62 act of provincial administration. (in).2540 but when comparing between the proportion of income allocation and the proportion in each region, we find that the inconsistent. Both the VAT that is an indirect tax collected from consumption base.Should be conducted either way will achieve such purpose, and will help the LGSCan earn proper. Comply with the requirements in a timely manner, which will help local government organizations can manage and develop effectively. Meet the needs of people in the area were the most
.The study of this contract. The research team is the review of related literature. Compared with the actual situation in about the economy. The VAT system, law and information technology at present.On the decentralization of Finance and the allocation of income taxes. Value added tax system with the use of real and that the presented concepts in different countries. As well as the application of information technology system is actually used at present.The principle of taxation. The principle of value added tax collection. On the decentralization of Finance and public participation. And the application of the electronic system applied in taxation.And encourage LGSIt can be administered and local development effectively according to the needs of the people. And promote the participation of the people.The scope is to study how to improve the allocation of tax revenue to the provincial administrative organization to suit the consumption tax, which is the base of value added tax in each area. Achieve fairness.The research team has carried out as mentioned. And found that the VAT system currently used in Thailand. Regarded as a tax system in line with the principle of taxation.The transaction volume in the economic system. There are also suitable to be used in the allocation of income for the local government organizationsThe federal government should still be the current context operator, store and allotted as used. But how to allocate the current set. "VAT stored as revenue collection in the province.It's a problem as is evident due to conflict with the VAT collection system With the exemption of VAT for some items, some transactions, some entrepreneurs and some areas, in addition to file taxTherefore, how to allocate the current is not consistent with the purpose of fiscal decentralization to local. And is the one who makes LGSThe administration and local development effectively. Still have to rely on the federal government. That may not meet the needs of the People
.According to a study to appear. The proposed guidelines for the improvement of how to allocate income tax to the provincial administrative organizations by applied the concept of the system. "Viable Integrated." VAT (VIVAT).The proposal is as follows:
.1.Allocation of revenue from tax. The proportion of consumption of consumer transactions last which bear the burden of tax is a principle in the allocation of By allocating by area with consumption occurs.In addition, the tax revenue collection throughout the country as the base calculation allocated proportionally. Instead of the original system to allocate only from the tax revenue collected in each area only
.2.Should people to participate in the proportion of the tax base, used to allocate. In order to have a close and shared responsibility. Its budget is appropriate to reduce corruption.3.Should be encouraged to use preparation system electronic invoice invoice, various reports and filing a list must be in electronic form. Should develop value added tax to the technology used in full.4. Registered and apply a VAT tax
5 card carrying a burden.? To promote the provincial join.