วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2555มา

วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

มาร์โค โปโล: นักเดินทางผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล
มาร์โค โปโล: นักเดินทางผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล

บันทึกการเดินทางของมาร์โค โปโล (Marco Polo) ซึ่งเล่าเรื่องราวที่น่าทึ่งและน่าสนใจมากมายในดินแดน ซึ่งยังไม่เคยมีชาวตะวันตกคนใดเคยไปมาก่อน เป็นแรงบันดาลใจให้แก่นักเดินทางทุกยุคทุกสมัยมาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 700 ปี สนใจที่จะออกเดินทางไปยังดินแดนอันไกลโพ้นเพื่อค้นพบสิ่งแปลกใหม่ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ซึ่งค้นพบทวีปอเมริกาในศตวรรษที่ 15 ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการอ่านบันทึกการเดินทางของมาร์โค โปโล ผู้ซึ่งสมควรได้รับการยกย่องว่า เป็นนักเดินทางผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล

มาร์โค โปโล

มาร์โค โปโล เกิดเมื่อปี 1254 ที่เมืองเวนิส บิดาชื่อ นิโคโล โปโล (Nicolo Polo) เป็นพ่อค้าที่ชอบออกไปค้าขายในต่างแดน ตอนที่มาร์โค โปโลเกิด พ่อและอา มัฟเฟโอ โปโล (Maffeo Polo) ได้ออกเดินทางไปค้าขายในแถบคาบสมุทรไครเมียร์ ทางตอนใต้ของประเทศยูเครนในปัจจุบัน ซึ่งในสมัยนั้นอยู่ในเขตอิทธิพลของมองโกลที่กำลังแผ่อำนาจจากเอเชียกลางมายังทวีปยุโรป ในปี 1260 ได้เกิดสงครามระหว่างหลานของเจงกีสข่าน 2 คน ทำให้พ่อและอาของมาร์โค โปโล ต้องเดินทางหลบสงครามไปที่เมืองบูคารา (Bukhara) ในประเทศอุซเบกิซสถานในปัจจุบัน ณ ที่นั้น พ่อและอาของมาร์โค โปโลได้พบกับทูตของกุบไลข่าน (Kublai Khan) (ค.ศ. 1214-1294) ซึ่งได้ชักชวนให้บุคคลทั้งสอง เดินทางไปเข้าเฝ้ากุบไลข่าน ผู้ซึ่งมีความปรารถนาที่จะรู้จักกับชาวละตินและศึกษาวัฒนธรรมของชาวละติน นิโคโล โปโลและน้องชายได้ตอบตกลงและได้เดินทางไปกรุงปักกิ่ง (หรือที่สมัยนั้นเรียกว่า คัมบาลุก “Cambaluc”) ทั้งสองได้เข้าเฝ้ากุบไลข่านในปี ค.ศ. 1266 มองโกลได้เข้าปกครองประเทศจีนและสถาปนาราชวงศ์หยวนขึ้นปกครองในปี ค.ศ. 1264 กุบไลข่านเป็นพระราชนัดดาของเจงกีสข่าน ในสมัยนั้นอาณาจักรของมองโกลได้แผ่ขยายออกไปอย่างกว้างใหญ่ไพศาล กุบไลข่านเป็นผู้ที่สนใจใฝ่รู้เรื่องราวและความเชื่อของชาวยุโรปมาก จึงได้ขอให้นิโคโล โปโล และน้องชายเดินทางกลับไปยังบ้านเกิด เพื่อเข้าเฝ้าพระสันตปาปา และขอให้ส่งผู้มีความรู้ 100 คน และน้ำมันศักดิ์สิทธิ์จากวิหาร The Holy Sepulchre ในนครเยรูซาเลมกลับมาถวายพระองค์
นิโคโล โปโล และน้องชายได้เดินทางกลับถึงบ้านเกิดทีเมืองเวนิสในปี ค.ศ. 1269 มาร์โค โปโลในขณะนั้นมีอายุได้ 15 ปี ได้มีโอกาสพบบิดาเป็นครั้งแรก มารดาของมาร์โค โปโลได้เสียชีวิตไปก่อนที่บิดาของมาร์โค โปโลจะเดินทางกลับถึงบ้านเพียงเล็กน้อย ในปี ค.ศ. 1271 มาร์โค โปโล ซึ่งในขณะนั้นอายุได้ 17 ปี ได้ขอเดินทางติดตามบิดาและอากลับไปประเทศจีน พร้อมกับพระราชสาส์นจากพระสันตปาปาเกร็กกอรี่ ที่ 10 (Pope Gregory X) น้ำมันศักดิ์สิทธิ์ พร้อมด้วยพระ 2 รูป (ซึ่งได้หนีกลับไปหลังจากที่ได้ออกเดินทางไปได้เพียงเล็กน้อย)

ครอบครัวโปโลทั้ง 3 คนออกเดินทางจากนครเยรูซาเลมในปี ค.ศ. 1272 และใช้เวลาเดินทางนานเกือบ 3 ปีครึ่ง จึงเดินทางถึงเมืองชางตู (Shang-tu) ที่ประทับในฤดูร้อนของ กุบไลข่าน การเดินทางทางบกไปยังประเทศจีนในครั้งนี้ ครอบครัวโปโลได้เดินทางผ่านดินแดนต่างๆ มากมาย ได้แก่ อนาโตเลีย (เอเชียไมเนอร์) คอเคซัส ตะวันออกกลาง และเอเชียกลาง ก่อนที่จะข้ามที่ราบสูงพาเมียร์ (Pamir) ซึ่งมีความสูงกว่า 5,000 เมตร เป็นเสมือนหลังคาโลก มาร์โค โปโล ได้เล่าไว้ในบันทึกว่า ระหว่างที่เดินทางอยู่บนที่ราบสูงพาเมียร์ การจุดไฟหุงหาอาหารทำได้ยากมาก เนื่องจากจุดไฟไม่ค่อยติด บนท้องฟ้าก็ไม่ค่อยมีนกบินให้เห็น หลังจากที่สามารถปีนข้ามที่ราบสูงพาเมียร์ได้สำเร็จ ครอบครัวโปโลได้เดินทางข้ามทะเลทรายโกบี ซึ่งเป็นที่กล่าวขานถึงความน่ากลัวของภูตผีปีศาจ และความโหดร้ายของสภาพดินฟ้าอากาศ ภายหลังที่สามารถข้ามทะเลทรายโกบี ด่านสำคัญทางธรรมชาติด่านสุดท้ายได้สำเร็จ ครอบครัวโปโลก็สามารถเดินทางเข้าสู่เขตประเทศจีน (ตอนเหนือ) ซึ่งมาร์โค โปโล เรียกว่า คาเธย์ (Cathay) รวมระยะทางข้ามทวีปกว่า 5,600 ไมล์

ในฤดูร้อนของปี ค.ศ. 1275 ครอบครัวโปโลเดินทางถึงเมืองชางตู (ประมาณ 180 ไมล์จากกรุงปักกิ่ง) ที่ประทับฤดูร้อนของกุบไลข่าน และได้เข้าเฝ้ากุบไลข่านที่นั่น กุบไลข่านทรงให้ความเอ็นดู มาร์โค โปโล ซึ่งในขณะนั้นมีอายุได้ 21 ปี เป็นพิเศษ ทำให้มาร์โค โปโลได้มีโอกาสเข้าทำงานรับใช้กุบไลข่าน ในช่วงที่มองโกลปกครองประเทศจีน มองโกลให้ความไว้วางใจแก่ชาวต่างชาติมากกว่าคนจีน ภายหลังที่อยู่ประเทศจีนนานถึง 17 ปี ครอบครัวโปโลเริ่มเกิดความวิตกกังวลถึงอนาคตของพวกตน หากมีอะไรเกิดขึ้นกับกุบไลข่าน ซึ่งทรงชราภาพมากขึ้น (อายุใกล้ 80 พรรษา) ครอบครัวโปโลจึงได้เข้าไปกราบทูลกุบไลข่าน ขออนุญาตเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด ในตอนแรกกุบไลข่านไม่ทรงอนุญาต อย่างไรก็ดี ในปี ค.ศ. 1292 พระชายาของอาร์กุน (Arghun ) ข่านแห่งเปอร์เซีย ซึ่งเป็นเจ้าหญิงมองโกลสิ้นพระชนม์ อาร์กุนข่านจึงได้ส่งทูตมาขอให้กุบไลข่านส่งเจ้าหญิงมองโกลไปเป็นพระชายาองค์ใหม่ ครอบครัวโปโลจึงได้ขันอาสาพาเจ้าหญิงโคคาชิน (Kokachin) พระชนมายุ 17 พรรษาไปถวายให้แก่ข่านแห่งเปอร์เซีย กุบไลข่านจึงจำใจต้องอนุญาตให้ครอบครัวโปโลเดินทางนำเจ้าหญิงโคคาชินไปส่งให้ข่านแห่งเปอร์เซีย

การเดินทางในครั้งนี้ได้ใช้เส้นทางเรือ โดยใช้เรือกำปั่นขนาดใหญ่ 14 ลำ บรรทุกผู้โดยสาร 600 คนเดินทางผ่านเกาะญี่ปุ่น อาณาจักรจามปา ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศเวียดนามในปัจจุบัน เกาะสุมาตรา เกาะนิโคบาร์ในมหาสมุทรอินเดีย เกาะลังกา เข้าสู่อ่าวเปอร์เซีย การเดินทางใช้เวลานานถึง 2 ปี ผู้โดยสารกว่า 600 คนเหลือชีวิตรอดถึงจุดหมายปลายทางได้เพียง 18 คน เนื่องจากโรคภัยไข้เจ็บ พายุ และการปล้นของโจรสลัด คณะผู้ติดตามและเจ้าหญิงโคคาชินได้เดินทางถึงเปอร์เซียในปี ค.ศ. 1294 เมื่อเดินทางถึงจึงทราบภายหลังว่า อาร์กุนข่านได้สิ้นพระชนม์ไปแล้ว เจ้าหญิงโคคาชินจึงได้เสกสมรสกับโอรสของอาร์กุนข่านแทน เป็นที่น่าเสียดายว่า เจ้าหญิงโคคาชินทรงใช้ชีวิตอยู่ที่เปอร์เซียได้เพียง 2 ปีก็สิ้นพระชนม์ ในระหว่างที่ครอบครัวโปโลพำนักอยู่ที่เปอร์เซียได้ทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ของกุบไลข่าน ภายหลังที่กุบไลข่านสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1294 อาณาจักรของมองโกลก็เริ่มเสื่อมอำนาจลงอย่างรวดเร็ว ในปี ค.ศ. 1368 มองโกลได้ถูกขับออกจากประเทศจีน
ครอบครัวโปโลได้เดินทางจากเปอร์เซียทางบกสู

วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

มาร์โค โปโล: นักเดินทางผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล
มาร์โค โปโล: นักเดินทางผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล

บันทึกการเดินทางของมาร์โค โปโล (Marco Polo) ซึ่งเล่าเรื่องราวที่น่าทึ่งและน่าสนใจมากมายในดินแดน ซึ่งยังไม่เคยมีชาวตะวันตกคนใดเคยไปมาก่อน เป็นแรงบันดาลใจให้แก่นักเดินทางทุกยุคทุกสมัยมาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 700 ปี สนใจที่จะออกเดินทางไปยังดินแดนอันไกลโพ้นเพื่อค้นพบสิ่งแปลกใหม่ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ซึ่งค้นพบทวีปอเมริกาในศตวรรษที่ 15 ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการอ่านบันทึกการเดินทางของมาร์โค โปโล ผู้ซึ่งสมควรได้รับการยกย่องว่า เป็นนักเดินทางผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล

มาร์โค โปโล

มาร์โค โปโล เกิดเมื่อปี 1254 ที่เมืองเวนิส บิดาชื่อ นิโคโล โปโล (Nicolo Polo) เป็นพ่อค้าที่ชอบออกไปค้าขายในต่างแดน ตอนที่มาร์โค โปโลเกิด พ่อและอา มัฟเฟโอ โปโล (Maffeo Polo) ได้ออกเดินทางไปค้าขายในแถบคาบสมุทรไครเมียร์ ทางตอนใต้ของประเทศยูเครนในปัจจุบัน ซึ่งในสมัยนั้นอยู่ในเขตอิทธิพลของมองโกลที่กำลังแผ่อำนาจจากเอเชียกลางมายังทวีปยุโรป ในปี 1260 ได้เกิดสงครามระหว่างหลานของเจงกีสข่าน 2 คน ทำให้พ่อและอาของมาร์โค โปโล ต้องเดินทางหลบสงครามไปที่เมืองบูคารา (Bukhara) ในประเทศอุซเบกิซสถานในปัจจุบัน ณ ที่นั้น พ่อและอาของมาร์โค โปโลได้พบกับทูตของกุบไลข่าน (Kublai Khan) (ค.ศ. 1214-1294) ซึ่งได้ชักชวนให้บุคคลทั้งสอง เดินทางไปเข้าเฝ้ากุบไลข่าน ผู้ซึ่งมีความปรารถนาที่จะรู้จักกับชาวละตินและศึกษาวัฒนธรรมของชาวละติน นิโคโล โปโลและน้องชายได้ตอบตกลงและได้เดินทางไปกรุงปักกิ่ง (หรือที่สมัยนั้นเรียกว่า คัมบาลุก “Cambaluc”) ทั้งสองได้เข้าเฝ้ากุบไลข่านในปี ค.ศ. 1266 มองโกลได้เข้าปกครองประเทศจีนและสถาปนาราชวงศ์หยวนขึ้นปกครองในปี ค.ศ. 1264 กุบไลข่านเป็นพระราชนัดดาของเจงกีสข่าน ในสมัยนั้นอาณาจักรของมองโกลได้แผ่ขยายออกไปอย่างกว้างใหญ่ไพศาล กุบไลข่านเป็นผู้ที่สนใจใฝ่รู้เรื่องราวและความเชื่อของชาวยุโรปมาก จึงได้ขอให้นิโคโล โปโล และน้องชายเดินทางกลับไปยังบ้านเกิด เพื่อเข้าเฝ้าพระสันตปาปา และขอให้ส่งผู้มีความรู้ 100 คน และน้ำมันศักดิ์สิทธิ์จากวิหาร The Holy Sepulchre ในนครเยรูซาเลมกลับมาถวายพระองค์
 นิโคโล โปโล และน้องชายได้เดินทางกลับถึงบ้านเกิดทีเมืองเวนิสในปี ค.ศ. 1269 มาร์โค โปโลในขณะนั้นมีอายุได้ 15 ปี ได้มีโอกาสพบบิดาเป็นครั้งแรก มารดาของมาร์โค โปโลได้เสียชีวิตไปก่อนที่บิดาของมาร์โค โปโลจะเดินทางกลับถึงบ้านเพียงเล็กน้อย ในปี ค.ศ. 1271 มาร์โค โปโล ซึ่งในขณะนั้นอายุได้ 17 ปี ได้ขอเดินทางติดตามบิดาและอากลับไปประเทศจีน พร้อมกับพระราชสาส์นจากพระสันตปาปาเกร็กกอรี่ ที่ 10 (Pope Gregory X) น้ำมันศักดิ์สิทธิ์ พร้อมด้วยพระ 2 รูป (ซึ่งได้หนีกลับไปหลังจากที่ได้ออกเดินทางไปได้เพียงเล็กน้อย)

ครอบครัวโปโลทั้ง 3 คนออกเดินทางจากนครเยรูซาเลมในปี ค.ศ. 1272 และใช้เวลาเดินทางนานเกือบ 3 ปีครึ่ง จึงเดินทางถึงเมืองชางตู (Shang-tu) ที่ประทับในฤดูร้อนของ กุบไลข่าน การเดินทางทางบกไปยังประเทศจีนในครั้งนี้ ครอบครัวโปโลได้เดินทางผ่านดินแดนต่างๆ มากมาย ได้แก่ อนาโตเลีย (เอเชียไมเนอร์) คอเคซัส ตะวันออกกลาง และเอเชียกลาง ก่อนที่จะข้ามที่ราบสูงพาเมียร์ (Pamir) ซึ่งมีความสูงกว่า 5,000 เมตร เป็นเสมือนหลังคาโลก มาร์โค โปโล ได้เล่าไว้ในบันทึกว่า ระหว่างที่เดินทางอยู่บนที่ราบสูงพาเมียร์ การจุดไฟหุงหาอาหารทำได้ยากมาก เนื่องจากจุดไฟไม่ค่อยติด บนท้องฟ้าก็ไม่ค่อยมีนกบินให้เห็น หลังจากที่สามารถปีนข้ามที่ราบสูงพาเมียร์ได้สำเร็จ ครอบครัวโปโลได้เดินทางข้ามทะเลทรายโกบี ซึ่งเป็นที่กล่าวขานถึงความน่ากลัวของภูตผีปีศาจ และความโหดร้ายของสภาพดินฟ้าอากาศ ภายหลังที่สามารถข้ามทะเลทรายโกบี ด่านสำคัญทางธรรมชาติด่านสุดท้ายได้สำเร็จ ครอบครัวโปโลก็สามารถเดินทางเข้าสู่เขตประเทศจีน (ตอนเหนือ) ซึ่งมาร์โค โปโล เรียกว่า คาเธย์ (Cathay) รวมระยะทางข้ามทวีปกว่า 5,600 ไมล์

ในฤดูร้อนของปี ค.ศ. 1275 ครอบครัวโปโลเดินทางถึงเมืองชางตู (ประมาณ 180 ไมล์จากกรุงปักกิ่ง) ที่ประทับฤดูร้อนของกุบไลข่าน และได้เข้าเฝ้ากุบไลข่านที่นั่น กุบไลข่านทรงให้ความเอ็นดู มาร์โค โปโล ซึ่งในขณะนั้นมีอายุได้ 21 ปี เป็นพิเศษ ทำให้มาร์โค โปโลได้มีโอกาสเข้าทำงานรับใช้กุบไลข่าน ในช่วงที่มองโกลปกครองประเทศจีน มองโกลให้ความไว้วางใจแก่ชาวต่างชาติมากกว่าคนจีน ภายหลังที่อยู่ประเทศจีนนานถึง 17 ปี ครอบครัวโปโลเริ่มเกิดความวิตกกังวลถึงอนาคตของพวกตน หากมีอะไรเกิดขึ้นกับกุบไลข่าน ซึ่งทรงชราภาพมากขึ้น (อายุใกล้ 80 พรรษา) ครอบครัวโปโลจึงได้เข้าไปกราบทูลกุบไลข่าน ขออนุญาตเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด ในตอนแรกกุบไลข่านไม่ทรงอนุญาต อย่างไรก็ดี ในปี ค.ศ. 1292 พระชายาของอาร์กุน (Arghun ) ข่านแห่งเปอร์เซีย ซึ่งเป็นเจ้าหญิงมองโกลสิ้นพระชนม์ อาร์กุนข่านจึงได้ส่งทูตมาขอให้กุบไลข่านส่งเจ้าหญิงมองโกลไปเป็นพระชายาองค์ใหม่ ครอบครัวโปโลจึงได้ขันอาสาพาเจ้าหญิงโคคาชิน (Kokachin) พระชนมายุ 17 พรรษาไปถวายให้แก่ข่านแห่งเปอร์เซีย กุบไลข่านจึงจำใจต้องอนุญาตให้ครอบครัวโปโลเดินทางนำเจ้าหญิงโคคาชินไปส่งให้ข่านแห่งเปอร์เซีย

การเดินทางในครั้งนี้ได้ใช้เส้นทางเรือ โดยใช้เรือกำปั่นขนาดใหญ่ 14 ลำ บรรทุกผู้โดยสาร 600 คนเดินทางผ่านเกาะญี่ปุ่น อาณาจักรจามปา ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศเวียดนามในปัจจุบัน เกาะสุมาตรา เกาะนิโคบาร์ในมหาสมุทรอินเดีย เกาะลังกา เข้าสู่อ่าวเปอร์เซีย การเดินทางใช้เวลานานถึง 2 ปี ผู้โดยสารกว่า 600 คนเหลือชีวิตรอดถึงจุดหมายปลายทางได้เพียง 18 คน เนื่องจากโรคภัยไข้เจ็บ พายุ และการปล้นของโจรสลัด คณะผู้ติดตามและเจ้าหญิงโคคาชินได้เดินทางถึงเปอร์เซียในปี ค.ศ. 1294 เมื่อเดินทางถึงจึงทราบภายหลังว่า อาร์กุนข่านได้สิ้นพระชนม์ไปแล้ว เจ้าหญิงโคคาชินจึงได้เสกสมรสกับโอรสของอาร์กุนข่านแทน เป็นที่น่าเสียดายว่า เจ้าหญิงโคคาชินทรงใช้ชีวิตอยู่ที่เปอร์เซียได้เพียง 2 ปีก็สิ้นพระชนม์ ในระหว่างที่ครอบครัวโปโลพำนักอยู่ที่เปอร์เซียได้ทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ของกุบไลข่าน ภายหลังที่กุบไลข่านสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1294 อาณาจักรของมองโกลก็เริ่มเสื่อมอำนาจลงอย่างรวดเร็ว ในปี ค.ศ. 1368 มองโกลได้ถูกขับออกจากประเทศจีน 
ครอบครัวโปโลได้เดินทางจากเปอร์เซียทางบกสู

0/5000

จาก: -

เป็น: -

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1: [สำเนา]

คัดลอก!

Tuesday, May 29, 1937 2555.Marco Polo: the great traveler foreverMarco Polo: the great traveler forever The travel notes of Marco Polo (Marco Polo), which tells the story of remarkable and interesting in a territory that has never had any Westerner ever to come before the. As an inspiration to all modern era every time longer than 700 years have interest to travel to fascinating lands klaiphon to discover what's new. Christopher Columbus discovered America in the 15th century, inspired by the reading of Marco's travel log. Polo, who earned a reputation as a great traveler, forever.Marco Polo Marco Polo born 1254 year at Venice his father name, new colony, Polo (Nicolo Polo) is a businessman who likes to go out, trading in a foreign land. Now that Marco Polo was born. Daddy-o Fe Polo and maf (Maffeo Polo) travel to the peninsula, the Kai bar ramia. The southern part of the country currently in Ukraine it is the influence of power from Central Asia is being spread to Europe. In the year 1260, has caused a war between the 2 famous buildings of ngakit children, and father of Marco Polo to dodge the war to Kara (Bukhara), Bubu, Othman is currently at around sabe kis. His father, Marco Polo with diplomats of famous buildings (Kublai Khan) 6th kup (r. 1214-1294), which has two-person solicitation, travel to famous buildings who are 6th kup wishes to know the people and cultures of the people of Latin. New colony Polo and brother did agree and traveled to Beijing (or those so called cam BA rose "Cambaluc,"), both into the famous buildings in 1266 6th kup Mongol rule in China and has established Yuan dynasty rule in 1264 as famous buildings of natda kup Lai of famous buildings in the j-ngakit.The Mongol Empire's era has spread widely extended impression of famous buildings is a large interested 6th kup curious stories and beliefs of many European and therefore has asked for the new colony, Polo and his brother returned to the home audience monk San Spa, sends a tapa with Holy oil from 100 people and The Holy Sepulchre in Jerusalem Metropolitan Cathedral come back offering him. New colony, Polo and his brother traveled back to t-town hometown Venice in years. 1269, Marco Polo, while the age of 15 years old have an opportunity to find a father for the first time. Devil da Marco Polo had died before the Hotel da Marco. Polo will return to little house. In 1271, Marco Polo, which at that time was 17 years of age were asked to travel the track and back to China with his father along with his statement that God krekkori 10 tapa Paris Mignon (Pope Gregory X) the Holy oil with two monks (who has fled back to after they leave a little.) The three men Polo family, departed from Jerusalem Metropolitan in 1272, and it takes too long, it's almost 3 years and a half at the city (Shang-tu) at ngatu tea in summer of 6th kup famous buildings. Land travel to China. The family traveled through Polo in many different lands, including Ana Puerto Italia (Asia minor), the Caucasus, the Middle East and Central Asia. Before crossing the plateau Palace Premier (Pamir), which is higher than 5000 metres as the roof of the world. Marco Polo had told it in the record that during the journey on the plateau Palace Premier. The fire is also working very hard to find food because the fire didn't stick. In the sky flying birds, they rarely have seen. After that you can climb across the plateau Palace Premier. The family traveled across the desert, Polo, Kochi b which is well to fear of demons and the brutality of the weather. Later, at a desert Beach find Dan Dan the last natural key. Polo family walk into County, China (North), which Marco Polo called the price (Cathay), the total distance across the thawipkwa 5600 miles. ในฤดูร้อนของปี ค.ศ. 1275 ครอบครัวโปโลเดินทางถึงเมืองชางตู (ประมาณ 180 ไมล์จากกรุงปักกิ่ง) ที่ประทับฤดูร้อนของกุบไลข่าน และได้เข้าเฝ้ากุบไลข่านที่นั่น กุบไลข่านทรงให้ความเอ็นดู มาร์โค โปโล ซึ่งในขณะนั้นมีอายุได้ 21 ปี เป็นพิเศษ ทำให้มาร์โค โปโลได้มีโอกาสเข้าทำงานรับใช้กุบไลข่าน ในช่วงที่มองโกลปกครองประเทศจีน มองโกลให้ความไว้วางใจแก่ชาวต่างชาติมากกว่าคนจีน ภายหลังที่อยู่ประเทศจีนนานถึง 17 ปี ครอบครัวโปโลเริ่มเกิดความวิตกกังวลถึงอนาคตของพวกตน หากมีอะไรเกิดขึ้นกับกุบไลข่าน ซึ่งทรงชราภาพมากขึ้น (อายุใกล้ 80 พรรษา) ครอบครัวโปโลจึงได้เข้าไปกราบทูลกุบไลข่าน ขออนุญาตเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด ในตอนแรกกุบไลข่านไม่ทรงอนุญาต อย่างไรก็ดี ในปี ค.ศ. 1292 พระชายาของอาร์กุน (Arghun ) ข่านแห่งเปอร์เซีย ซึ่งเป็นเจ้าหญิงมองโกลสิ้นพระชนม์ อาร์กุนข่านจึงได้ส่งทูตมาขอให้กุบไลข่านส่งเจ้าหญิงมองโกลไปเป็นพระชายาองค์ใหม่ ครอบครัวโปโลจึงได้ขันอาสาพาเจ้าหญิงโคคาชิน (Kokachin) พระชนมายุ 17 พรรษาไปถวายให้แก่ข่านแห่งเปอร์เซีย กุบไลข่านจึงจำใจต้องอนุญาตให้ครอบครัวโปโลเดินทางนำเจ้าหญิงโคคาชินไปส่งให้ข่านแห่งเปอร์เซีย การเดินทางในครั้งนี้ได้ใช้เส้นทางเรือ โดยใช้เรือกำปั่นขนาดใหญ่ 14 ลำ บรรทุกผู้โดยสาร 600 คนเดินทางผ่านเกาะญี่ปุ่น อาณาจักรจามปา ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศเวียดนามในปัจจุบัน เกาะสุมาตรา เกาะนิโคบาร์ในมหาสมุทรอินเดีย เกาะลังกา เข้าสู่อ่าวเปอร์เซีย การเดินทางใช้เวลานานถึง 2 ปี ผู้โดยสารกว่า 600 คนเหลือชีวิตรอดถึงจุดหมายปลายทางได้เพียง 18 คน เนื่องจากโรคภัยไข้เจ็บ พายุ และการปล้นของโจรสลัด คณะผู้ติดตามและเจ้าหญิงโคคาชินได้เดินทางถึงเปอร์เซียในปี ค.ศ. 1294 เมื่อเดินทางถึงจึงทราบภายหลังว่า อาร์กุนข่านได้สิ้นพระชนม์ไปแล้ว เจ้าหญิงโคคาชินจึงได้เสกสมรสกับโอรสของอาร์กุนข่านแทน เป็นที่น่าเสียดายว่า เจ้าหญิงโคคาชินทรงใช้ชีวิตอยู่ที่เปอร์เซียได้เพียง 2 ปีก็สิ้นพระชนม์ ในระหว่างที่ครอบครัวโปโลพำนักอยู่ที่เปอร์เซียได้ทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ของกุบไลข่าน ภายหลังที่กุบไลข่านสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1294 อาณาจักรของมองโกลก็เริ่มเสื่อมอำนาจลงอย่างรวดเร็ว ในปี ค.ศ. 1368 มองโกลได้ถูกขับออกจากประเทศจีน The family traveled from Persia Polo land success.

การแปล กรุณารอสักครู่..

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:[สำเนา]

คัดลอก!

Tuesday, May 29, 2555 Marco Polo: Traveller great forever Marco Polo: Traveller greatest ever recorded journey of Marco Polo (Marco Polo), which told the story. dramatic and exciting territory. Westerners who have never been to one before. An inspiration to travelers of all ages over a period spanning more than 700 years old interested in traveling to the territory horizons to discover something new Christopher Columbus, who discovered America in. The 15th century was inspired by reading The Travels of Marco Polo, who deserves praise for that. A traveler of all time Marco Polo Marco Polo was born in 1254 at the Venetian Father Nicolo Polo (Nicolo Polo) traders who like to trade in foreign lands when Marco Polo was born. Buffett's father and uncle Thomas Polo (Maffeo Polo) set out to trade in the Crimean Peninsula Hotel. In southern Ukraine today. In those days, in the zone of influence of the Mongol power radiated from Central Asia to Europe in 1260 was a war between the descendants of Genghis Khan, the two men made the father and uncle of Marco Polo must dodge the war goes on. City Bukhara (Bukhara) in Uzbekistan left the place today at the father and uncle of Marco. Polo met with the ambassadors of Kublai Khan (Kublai Khan) (AD 1214-1294), which has persuaded both parties. Getting to the presence of Kublai Khan. Those who wish to know the culture of Hispanics and Latinos Nicolo Polo and his brother was accepted and traveled to Beijing. (Or at the time called Campo said he "Cambaluc") both met Kublai Khan in 1266 AD the Mongols ruled China and established the Yuan dynasty rule in AD 1264 simulated. The Khan is the grandson of Genghis Khan. In those days of the Mongol empire spread out very vast. Kublai Khan was the desire to know the history and beliefs of many Europeans. He has asked Nicolo Polo and his brother returned to their homeland. The presence of the Pope. And requested a sage 100 people and holy oil from the Cathedral The Holy Sepulchre in the city of Jerusalem back to him Nicolo Polo and his brother returned to his hometown of Venice in the year. Fri. . 1269 Marco Polo in the last 15 years have had a chance to meet his father for the first time. Mothers of Marco Polo died before his father Marco. Polo will arrive home a little In 1271 Marco Polo, which at that time was 17 years old and his father were asked to track back to China. Along with the royal letter from the Pope Greg Kot region at 10 (Pope Gregory X) holy oil, along with the second phase (which had gone after leaving to have a little) family polo all three. People traveling from the city of Jerusalem in the year 1272 and takes nearly three years to travel to the city of Chengdu Shang (Shang-tu) in the presence of Kublai Khan's summer trip. overland to China this time. Polo family has traveled through many lands, including Anatolia (Asia Minor), Middle East, Caucasus and Central Asia. Before taking over the plateau Mir (Pamir), which is 5000 meters above the roof as Marco Polo recounted in his memoirs that. While traveling on the plateau took Mir. The fires for cooking are very hard. Because rarely caught fire Birds fly in the sky, it is rare to see. After climbing over the plateau can take Meir successfully. Polo family had traveled across the Gobi Desert. This is the story of the horrors of ghosts. And the rigors of the weather. After you cross the Gobi desert. Key aspects of nature finally succeeded. Polo family was able to travel to the region, China (north), which Marco Polo called Cathay (Cathay), a total distance of over 5,600 miles across the continent in the summer of the year 1275 Polo family traveling to the city of Yichang. Toulon (about 180 miles from Beijing), the summer residence of Kublai Khan. And met Kublai Khan there. Kublai Khan sent a mercy Marco Polo, which at that time was 21 years old, specially made for Marco Polo had the opportunity to work for Kublai Khan. During the Mongol ruled China. Mongol trust foreigners than Chinese people. Later on in China for up to 17 years, the family began polo anxiety about their future. If anything happens to Kublai Khan. Which had more gray hairs (age 80) Polo family was told to Kublai Khan. Request permission to travel back to their hometowns. At first, Kublai Khan in the year 1292, however, did not allow the wife of tycoon R. (Arghun) Khan of Persia. The Mongol princess died Gunnar R. Khan has sent a diplomatic request to Kublai Khan's Mongol princess sent his wife to a new body. Polo family has led volunteer princess Coca Shin (Kokachin) the age of 17 years dedicated to the Khan of Persia. Kublai Khan was so unwilling to allow families to bring polo princess Coca accustomed to the Khan of Persia trip, this time take the boat. By using larger ships, 14 boats carrying 600 passengers traveled through the islands of Japan. Champa Situated in southern Vietnam today Sumatra, Nicobar island in the Indian Ocean to the Persian Gulf. The trip takes up to two years, more than 600 people remaining passengers to their destination only 18 people survived the disease, storm and plunder of pirates. Coca entourage and the princess's journey to Persia in the year 1294 when traveling to realize that later. Gunnar R. Khan had already died. Coca Sek's princess was married to the son of tycoon R. Khan instead. It is unfortunate that Princess Coca Chin has lived in Persia for only two years, and he died. During the polo family residing at the news of the death of the Persian Kublai Khan. After Kublai Khan died in the year 1294 the Mongol empire began to decline sharply in the year 1368 AD the Mongols were expelled from China Polo family had traveled overland from Persia to.

การแปล กรุณารอสักครู่..

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:[สำเนา]

คัดลอก!

Tuesday 29 may 2555

Marco Polo: the great traveler forever
Marco Polo: the great traveler forever

.The travels of Marco Polo (Marco Polo) which stories of incredible and many interesting and in Dan. Which has never been there before. A Western man As the inspiration for the traveler in every period for a long time, more than 700Interested to travel to a faraway land to discover something new. Christopher Columbus discovered America in the 20th century, which 15 was inspired by reading the travel records of square. Polo.A great traveler forever!Marco Polo

.Marco Polo was born in the year 1254 Venice. My father's name is Nicolo Polo (Nicolo Polo) is a merchant like out trading in a foreign land, when Marco. Polo's father and uncle MAF FeO Polo (Maffeo Polo) set out to trade in the Crimean peninsula., which in those days was in the sphere of influence of the Mongol's plunger from Central Asia to Europe, in 1260 was grandson of Genghis Khan 2 war between people. And dad ah of Marco Polo, must travel to Dodge City war Bukharan (Bukhara).Once there, father and uncle of Marco Polo met with ambassadors of Kubilai Khan (Kublai Khan) (C.Prof.1214-1294) which has to persuade them Travel to see Kubilai Khan. Who have a desire to know and study the Latin culture of the Latin Nicolo polo and his brother agreed and went to Beijing.Kamba rise. "Cambaluc.") both to Kubilai Khan in C.Professor 1266 Mongol took over China and established the Yuan Dynasty can dominate in 1975.1264 Kubilai Khan's grandsons of Genghis Khan. In those days the kingdom of Mongolian has spread out, as vast. Kubilai Khan who interested and curious stories and beliefs of the Europeans. Therefore asked Nicolo polo.To see the Pope and ask them to send 100 knowledgeable people. And the holy oil, from the temple in the city of Jerusalem The Holy Sepulchre back unto thee
.Nicolo polo and his brother returned to homeland the Venetian in 1975.1269 Marco Polo at that time was 15 years. To meet his father for the first time, the mother of Marco Polo died before the father of Marco. Polo will travel back home a little in 1999.1271 Marco Polo, which at that time was 17 years. Ask travel track and father ah back to China. Along with the letter from Pope Gregory the 10 (Pope Gregory X) holy oil with the 2 figure.

the family Polo both 3 people leave from the city of Jerusalem in A.D.1272 trips and spent almost a year and a half 3 is to arrive at the city Chang Tu (Shang-tu) stamped in the summer of Kubilai Khan travel land to China at this time. Polo family travel through the territories including Anatolia.

การแปล กรุณารอสักครู่..

ภาษาอื่น ๆ

การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.