ฉันและเพื่อนๆมีทริปจะไปเที่ยวทะเลกันในช่วงวันหยุดยาว ฉันจึงไปจองตั๋วรถกันไว้ก่อนหน้าหลายวัน เรามาถึงตัวเมืองตราด ประมาณตีสี่
แล้วก็นั่งรถสองแถวยิงยาวต่อไปถึงท่าเรือครับ
สภาพรอบๆ ตัวช่วงนั้นท้องฟ้าก็ยังมืดอยู่
แหงนมองดูท้องฟ้าสวยดี และแล้วก็มาถึงท่าเรือ และนั่งเรือเฟอร์รี่
ข้ามฟากไปปั๊บเราก็นั่งสองแถวเข้าไปลงหาดไก่แบ้เพื่อเดินหาที่พักต่อเราได้ห้องติดวิวทะเล ลมโชยมาทีนี่รู้สึกสดชื่นมาก
ห้องที่ได้เป็นห้องพัดลม มีห้องน้ำในตัว ราคาคืนล่ะ 1500.-
ด้านซ้ายของตัวบ้านเป็นที่นั่ง..
นอน ฟังเสียงคลื่น รับลมโกรก
นอกจากมุมนั้นแล้วข้างๆ ยังนั่งทำกิจกรรมเล็กๆ
อย่างเล่นกีตาร์ ร้องเพลงฟัง มองทะเล เพลินๆ ได้อีกด้วย ทะเลใสๆ น่าเล่นมาก
มีต้นไม้ยื่นมาในทะเล พวกเราลงเล่นน้ำกันร่มๆ ตรงนี้นานมาก
จนน้ำเริ่มลดลง เพราะเลยช่วงเที่ยงวันมาแล้ว
หลังจากที่พวกเราเล่นน้ำกันจนเหนื่อย ก็หลับสลบกันจนเย็น
ตกดึกเราเข้าไปเดินดูในตัวเมือง และหาข้าวเย็นทานกัน
ก็ลงเอยที่เนื้อย่าง จากนั้นก็กลับห้องนอน สบายใจ
วันที่สอง
เช้ามาเราก็มาทานอาหารกันที่ "โชคดีรีสอร์ท"
พร้อมกันนั้นก็มาเจอกับพี่ที่ตามมาสมทบอีกสองคน
บรรยากาศวิวบริเวณร้าน
น้ำใส และตื้น ประมาณ เอว
รายการอาหาร ทะเล มาเต็มโต๊ะ และอร่อยมาก
พอทานข้าวกันเสร็จเพื่อนๆก็ลงไปเล่นน้ำต่อ
ส่วนฉันไม่ไหว แดดแรงเกินไปหน่อย ขอเก็บภาพรอบๆ ล่ะกัน
พอเริ่มหิวได้ที่ ก็เดินเลาะชายหาดไปหาอะไรทานกันซึ่งก็จบลงที่ร้านเดิม
พอทานกันอิ่มแล้วก็เดินเลาะชายหาดกลับเช่นเดิม ฉันออกมานั่งฟังเสียงคลื่นอยู่คนเดียวนั่งอยู่สักพัก แล้วถ่ายวิวทะเลตอนกลางคืน ถ่ายยากจริงๆ เพราะมืดมาก
และก็จบไปอีกหนึ่งวัน
วันที่สาม [วันกลับ]
เพื่อนปลุกขึ้นมา ช่วงประมาณ ตีห้าถึงหกโมงเช้า เพราะแสงจันทร์สว่างสวย
จนต้องลุกมานั่งเก็บบรรยากาศไว้ให้เพื่อนๆ ที่นี่ได้มาดูกัน
ฉันนั่งฟังเสียงคลื่นดูเงาสะท้อนของพระจันทร์จนเริ่มเลือนหายไป
จนกระทั่งกลายเป็นแสงสว่างของวันใหม่
เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ทุกอย่างก็กลับมาคล้ายวันแรกที่เรามา
มองไปรอบๆ เก็บภาพเหล่านี้ไว้ แล้วจะมาอีก จะมาอีกแน่ๆ
แบกเป้ขึ้นหลังเดินไปรอรถสองแถวเพื่อไปท่าเรือ
แล้วพวกเราก็กลับถึงบ้านกันประมาณหกโมงเย็น พวกเราประทับใจและมีความสุขกับทริปในครั้งนี้มาก