ผมชื่อ ณรงค์ฤทธิ์ ขันธวิชัย ชื่อเล่น หนุ่ย เกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2541 ตอนนี้อายุ 18 ปี ปัจจุบัน อาศัยอยู่ บ้านเลขที่ 87 หมู่ที่ 12 บ้านนาถ่อน ตำบลบงเหนือ อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร ผมมีพี่น้อง 2 คน เป็นผู้ชายทั้งสองคน ผมเป็นลูกคนแรก ประวัติทางการศึกษา ในระดับประถมศึกษา ผมศึกษาอยู่โรงเรียนบ้านจำปานาถ่อน และในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นศึกษาอยู่โรงเรียนสว่างแดนดิน ปัจจุบันศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผมชื่อชอบและหลงใหลในการเล่นกีฬามากว่าการเรียน แต่การเรียนก็ไม่ละทิ้ง ผมหลงใหลในกีฬาเซปักตะกร้อมาตั้งแต่เด็ก จนมาถึงตอนนี้ ผมรู้สึกว่าผมขาดกีฬาชนิดนี้ไม่ได้ มันเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง ผมเล่นและติดตามข่าวสารตะกร้อ มากกว่าการเรียนของผมซะอีก จนผมใฝ่ฝันที่จะพัฒนาตัวเองจนติดทีมชาติให้ได้ และคิดที่จะเล่นกีฬาชนิดนี้เป็นอาชีพอย่างจริงจัง และอีกอาชีพที่ผมใฝ่ฝันอยากเป็นคืออาชีพทหาร ผมถูกปลูกฝังเรื่องอุดมการณ์ทหารมาตั้งแต่เด็ก จนทำให้ผมหลงรักอาชีพนี้ไปแล้ว ส่วนในด้านของนิสัยของผมนั้น ผมเป็นคนที่อยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเอง ผมไม่ค่อยพูด ชอบธรรมชาติ ผมชอบอยู่ในสถานที่ที่เงียบๆ และอยู่กับธรรมชาติ เพราะมันทำให้เราสบายใจมากกว่าที่จะอยู่กับสิ่งที่มันวุ่นวาย ที่กล่าวมานี้นี่แหล่ะคือตัวของผม
ครอบครัวของผมมีสมาชิกด้วยกัน 6 คน มี ตา ยาย พ่อ แม่ ผม และน้องชายของผม ครอบครัวของผมเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาก ครอบครัวของผมเป็นครอบครัวของเกษตรกร แม่ของผมต้องตื่นแต่เช้า เพื่อมาทำกับข้าวให้ใส่บาตรและให้ยายไปวัด ตอนเช้าแม่จะปลุกผมและน้องไปใส่บาตรในตอนเช้าของทุกๆวัน หลังจากใส่บาตรเสร็จผมก็จะต้องไปส่งยายไปวัด หลังจากนั้นผมและพ่อแม่ก็จะไปทำงานที่ไร่ ตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำทำแบบนี้ทุกวันในวันที่ผมหยุดเรียน ในวันจันทร์ถึงวันศุกร์ พ่อกับแม่ก็จะไปกัน 2 คน เรียกได้ว่าเป็นครอบครัวที่หาเช้ากินค่ำอีกครอบครัวหนึ่งก็ว่าได้ หลังจากกลับมาจากทำงาน ก็จะกลับมากินข้าวเย็นด้วยกัน แล้วก็พูดคุยถึงเรื่องในแต่ละวันกันอย่างสนุกสนาน ครอบครัวของผมถึงจะเป็นแค่ครอบครัวของเกษตรกรชาวนาชาวไร่ธรรมดา แต่ผมก็ไม่เคยอายใคร แต่ดีใจด้วยซ้ำที่ได้เกิดมาในครอบครัวนี้ เพราะครอบครัวนี้สอนอะไรผมได้มากมาย ทั้งให้ความรู้ ความอบอุ่น ให้ความรัก ความเอาใจใส่และครอบครัวนี้ได้สอนผมเสมอว่า ถึงเราจะไม่มีอะไรเท่าคนอื่นก็อย่าไปสนใจ พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี ถึงจะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่หรูหราเท่ากับครอบครัวของใครหลายๆคน แต่ครอบครัวของผมก็สามารถมีความสุขได้บนพื้นฐานของความพอมีพอกิน ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้ครอบครัวของผมอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ ด้วยความรักและความดูแลเอาใจใส่ของคนในครอบครัว จึงทำให้ผมก็รักครอบครัวของผมมาก
ในด้านสังคมที่ผมอยู่นั้นเชื่อ หมู่บ้านนาถ่อน เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่พอสมควร มีจำนวนบ้านกว่า 400 หลัง แบ่งออกเป็น 2 หมู่บ้าน คือ หมู่ที่ 7 และหมู่ที่ 12 ถึงแม้จะแบ่งหมู่บ้านออกเป็น 2 หมู่บ้าน แต่ประชากรในหมู่บ้านก็ยังช่วยเหลือกันอย่างญาติพี่น้องเหมือนแต่ก่อน ทุกคนในหมู่บ้านรู้จักกันเกือบทุกหลัง ทำให้หมู่บ้านของผมปลอดภัยเพราะมียามข้างบ้าน คือ มีเพื่อนบ้านช่วยกันดูแลบ้านให้กันและกัน ทำให้เกิดความสามัคคีกันในหมู่บ้าน และทำให้หมู่บ้านมีความมั่นคงเพิ่มมากขึ้นด้วย ส่วนในเรื่องของภูมิศาสตร์ตามหมู่บ้านนั้น ถือว่าดีมาก เหมาะสำหรับพักผ่อนหรือออกกำลังกาย มีต้นไม้ใหญ่จำนวนมาก ทำให้อากาศในหมู่บ้านบริสุทธิ์ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านของผมนั้นแข็งแรง และอายุยืนเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นก็รวมตัวผมด้วย การที่ผมแข็งแรงไม่เจ็บป่วยง่าย อากาศที่บริสุทธิ์ในหมู่บ้านก็เป็นส่วนหนึ่งประกอบกับการมีสถานที่ออกกำลังกายที่เหมาะสม ทำให้ได้รับอากาศที่บริสุทธิ์อย่างเต็มปอดจึงทำให้ผมแข็งแรงและสามารถต้านทานโรคได้