ยอดการส่งออกสินค้าของไทย ในปี 1927 และ 1928 อันเป็นปีก่อนเกิดปัญหา เศร การแปล - ยอดการส่งออกสินค้าของไทย ในปี 1927 และ 1928 อันเป็นปีก่อนเกิดปัญหา เศร อังกฤษ วิธีการพูด

ยอดการส่งออกสินค้าของไทย ในปี 1927

ยอดการส่งออกสินค้าของไทย ในปี 1927 และ 1928 อันเป็นปีก่อนเกิดปัญหา เศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ มีมูลค่า 276.06 ล้านบาท และ 252.43 ล้านบาทตามลำดับ แต่พอหลังปี 1929 ซึ่งตลาดหุ้นในวอลสตรีท “แตก” ยอดการส่งออกสินค้าของไทยลดเหลือ 127.79 ล้านบาท ในปี 1930 และลดลงต่อไปอีกเหลือ 116.91 ล้านบาท และ 129.23 ล้านบาท ในปี 1931 และ 1932 ตามลำดับ หลังจากนั้น การส่งออกจึงเริ่มกระเตื้องตัวขึ้นใหม่ แต่กว่าที่ระดับการส่งออก จะคืนสู่ระดับใกล้เคียงกับปี 1927 ก็ใช้เวลาอีกกว่า 10 ปีหลังจากนั้น (ปี 1941 มูลค่าการส่งออกของไทยเท่ากับ 290 ล้านบาท)
ส่วนในด้านการนำเข้า ปรากฎว่าในปี 1927 และ 1928 ไทยนำเข้าสินค้าคิดเป็นมูลค่า 188.68 ล้านบาท และ 180.86 ล้านบาทตามลำดับ แต่พอถึงปี 1930 การนำเข้าชะลอตัวเหลือ 149.46 ล้านบาท และ “จมวูบ” เหลือเพียง 97.18 ล้านบาท และ 87.69 ล้านบาท ในปี 1931 และปี 1932 ตามลำดับ
ข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นว่า การค้าระหว่างประเทศของไทย ในช่วงหลังเกิดวิกฤตการณ์ตลาดหุ้นวอลสตรีทในสหรัฐฯ นั้น ได้วูบหายไปครึ่งต่อครึ่ง เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในแผ่นดินพญาอินทรีเอง
รูปธรรมต่อมาซึ่งแสดงให้เห็นถึงปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำขนานใหญ่ ที่กระทบต่อไทยก็คือ ราคาข้าว ที่ชาวนาไทยขายได้ ซึ่งได้ลดต่ำลงเป็นอันมากเช่นกัน กล่าวคือในปี 1927 และ 1928 ชาวนาไทย ยังขายข้าวเปลือกได้ในราคา 54 บาท และ 56 บาทต่อเกวียน แต่พอถึงปี 1930 และ 1931 ราคาข้าวเปลือกดังกล่าว ก็ได้ลดลงเหลือ 30 และ 20 บาทต่อเกวียน ตามลำดับ เรียกว่าวูบหายไปครึ่งต่อครึ่ง หรือมากกว่าเช่นกัน
ในช่วงเวลาดังกล่าว ไม่เพียงเฉพาะข้าวเท่านั้น ที่มีราคาวูบต่ำจนน่าใจหายในช่วงหลังเกิดเหตุการณ์เศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ โดยมีสหรัฐฯ เป็นผู้ “เขี่ยลูก” หากแต่ราคาสินค้าส่งออกอื่นๆ ของไทย ต่างมีอาการ “วูบ” ตามไปด้วย ตัวอย่างเช่น ดีบุก ซึ่งในช่วงปี1927 และ 1928 ราคาส่งออกอยู่ที่ตันละ 3,273 บาท และ 3,016 บาทตามลำดับ แต่พอถึงปี 1930 และ 1931 ราคาส่งออกก็เหลือเพียงตันละ 2,278 บาท และ 1,524 บาท และวูบต่อไปจนเหลือ 1,079 บาทในปี 1932 อันเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง “พ.ศ. 2475” ของไทย
ในภาคตัวเมืองเอง ค่าจ้างกรรมกรของแรงงาน ซึ่งจำนวนมากก็คือ กุลี เชื้อสายจีน ก็ลดลงในลักษณะ “ครึ่งต่อครึ่ง” เช่นกัน ในช่วงเวลาดังกล่าว
อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นพม่า มาลายู ฯลฯ ซึ่งตกเป็นอาณานิคมของตะวันตก ซึ่งมีลำดับขั้นของการพัฒนาระบบทุนนิยม และมีความเป็นเศรษฐกิจแบบตลาด (Market Economy) ที่มากกว่าไทยแล้ว ปรากฎว่าผลกระทบจากเหตุการณ์เศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ทั่วโลก ต่อประเทศเหล่านั้น จะรุนแรงกว่าที่ไทยถูกกระทบ เพราะไทยในขณะนั้น ยังมีระบบเศรษฐกิจแบบยังชีพ และการพึ่งตัวเองเป็น “หลังอิง” ที่มากกว่า

ตลาดวอลสตรีท (Wall Street) “แตก” ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปี ค.ศ.1929 (2472) คือจุดเริ่มต้นของวิกฤตที่นำไปสู่เหตุการณ์เศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (The Great Depression) ทั่วโลก ซึ่งได้ส่งผลกระทบไม่เฉพาะเรื่องเศรษฐกิจเท่านั้น หากแต่สังคมและการเมืองของประเทศต่างๆ ก็มีอันต้องเสียศูนย์วูบไหวตามไปด้วย
เฉพาะในแผ่นดินพญาอินทรีเองนั้น วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ ได้สร้างความเสียหายครั้งเอกอุ และถือเป็น “บทเรียน” ทางประวัติศาสตร์หน้าที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นตลาดเงิน (Money Market) และตลาดทุน (Capital Market) ฯลฯ เอง
บทเรียนทางประวัติศาสตร์ข้างต้น ไม่ได้ทรงคุณค่าทางวิชาการ เฉพาะการเรียนรู้อดีตเท่านั้น หากแต่ยังเป็นประโยชน์ต่อการศึกษา สภาวะโลกาภิวัฒน์ทางการเงิน (Financial Globalization) ซึ่งมีลักษณะครอบงำทางเศรษฐกิจ และสังคมของโลกอยู่ในขณะนี้
หลายสิ่งหลายอย่างที่เราเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ ทำให้เราได้ค้นพบสัจธรรมประการหนึ่งที่ว่า ประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอยมันเองอยู่เสมอๆ ความเสียหายมากมายในช่วงที่ผ่านมา และยังที่เกิดขึ้นเนืองๆ ในปัจจุบัน มีส่วนมาจากการเพิกเฉย และการขาดความหลาบจำของมนุษย์ ที่มีต่อประวัติศาสตร์นั่นเอง
วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจที่ “เขี่ยลูก” โดยการ “ล้ม” ของตลาดหุ้นในวอลสตรีทในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ปี ค.ศ. 1929 ได้นำไปสู่ผลกระทบครั้งยิ่งใหญ่ต่อเศรษฐกิจและสังคมของสหรัฐฯ เอง
รูปธรรมประการแรก ของผลกระทบดังกล่าวก็คือ การลดตัววูบต่ำลงของรายได้ประชาชาติเบื้องต้น (Gross National Product-GNP) ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เอง ซึ่งเมื่อคิดเป็นราคาปัจจุบันขณะนั้น (Current Price) ปรากฎว่า GNP ของพญาอินทรี ได้ลดจากประมาณ 104,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี ค.ศ.1929 เหลือเพียง 65,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 1934 (ปีที่อ้างกันว่าเป็นปีที่รัฐบาลสหรัฐฯ ออกพันธบัตรมูลค่า 25,000 ล้านดอลลาร์ ที่ชุดพบในถ้ำลิเจีย) อันเป็นการหดหายไปของมูลค่า GNP ถึงประมาณหนึ่งในสามเพียงชั่วเวลาประมาณครึ่งทศวรรษ หลังจากเกิดวิกฤตการณ์วอลสตรีท ในปลายปี 1929
ถ้าคิดเป็นมูลค่าคงที่ (Constant Price) โดยให้ปี 1929 เป็นปีฐาน ปรากฎว่า GNP ของสหรัฐฯ ได้ลดจากประมาณ 104,000 ล้านดอลลาร์ เหลือ 74,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 1933 ก็แสดงให้เห็นว่าเพียงชั่วเวลา 3-4 ปี GNP ที่แท้จริงของสหรัฐฯ ได้หดหายไปกว่าหนึ่งในสี่เช่นกัน
การหดหายของ GNP อย่างมากมาย (และเป็นการหดหายมากกว่า GDP ของไทยในช่วงหลังวิกฤตการณ์ “ต้มยำกุ้ง” ในกลางปี 1997 (2540) เป็นต้นมา ซึ่ง GDP ไทยติดลบเพียง 2 ปี คือ ปี 1997 และ 1998 รวมติดลบประมาณ 12% หลังจากนั้น ในปี 1999 และ 2000 GDP ไทย ก็เริ่มขยายตัวที่ 4.2% และ 4.3% ตามลำดับ) ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาตามมามากมาย
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
Total exports of Thai In the years 1927 and 1928 as the year prior to the incident. The economic slump is a big time in the u.s. is worth 276.06 252.43 million million, respectively, but after a year of 1929, the stock market on Wall Street "rupture," he said. The amount of export of Thai discount rest of 127.79 million. In the years 1930 and declined further rest 116.91 million and 129.23 million. In the years 1931 and 1932 respectively. After that, exports started to improve as new, but over that level of exports will return to levels close to the year 1927 was spent 10 years has forced more than then (1941 year export value of Thai is equal to 290 million baht)Best in the field of import, it turns out that in the years 1927 and 1928 Thai import value accounted for 188.68 million 180.86 billion and, respectively, but the year 1930 the import slowdown remains 149.46 million and "sink to Flash suddenly" only 97.18 billion and 87.69 million baht. In the years 1931 and 1932 respectively.The above information shows that international trade of Thai During the crisis, after the stock market in the u.s., wall to Flash suddenly lost a half per half. Compared with the depressed economy, before major problems occur in the land of Eagles the serpent itself.Subsequent reforms, which demonstrates the economic slump affecting the large Thai rice prices are at Thai farmer selling, which has been dropping as many as well. That is, in the years 1927 and 1928 Thai farmers to sell grain at a price of 54 and 56 baht per cart, but years of 1930 and 1931, the paddy price has reduced 30 and 20 baht per cart, respectively. Called to Flash suddenly lost half or more of the half as well.In such moments, not only with rice prices low to Flash suddenly lost my mind during and after the economic slump happens, big time, with the United States as a "throw away children" but the price of Thai export products abroad to Flash suddenly "Symptoms" accordingly. For example, Tin, which during the years 1927 and 1928 the price per ton is exported and 3273 3016 baht respectively but the year 1930 and 1931, only export prices per ton 2278 and 1524 and continue to Flash suddenly in 1932 until the year 1079 rest as years of rule has been changed. "2475 (1932)" of Thaiในภาคตัวเมืองเอง ค่าจ้างกรรมกรของแรงงาน ซึ่งจำนวนมากก็คือ กุลี เชื้อสายจีน ก็ลดลงในลักษณะ “ครึ่งต่อครึ่ง” เช่นกัน ในช่วงเวลาดังกล่าวอย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นพม่า มาลายู ฯลฯ ซึ่งตกเป็นอาณานิคมของตะวันตก ซึ่งมีลำดับขั้นของการพัฒนาระบบทุนนิยม และมีความเป็นเศรษฐกิจแบบตลาด (Market Economy) ที่มากกว่าไทยแล้ว ปรากฎว่าผลกระทบจากเหตุการณ์เศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ทั่วโลก ต่อประเทศเหล่านั้น จะรุนแรงกว่าที่ไทยถูกกระทบ เพราะไทยในขณะนั้น ยังมีระบบเศรษฐกิจแบบยังชีพ และการพึ่งตัวเองเป็น “หลังอิง” ที่มากกว่าตลาดวอลสตรีท (Wall Street) “แตก” ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปี ค.ศ.1929 (2472) คือจุดเริ่มต้นของวิกฤตที่นำไปสู่เหตุการณ์เศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (The Great Depression) ทั่วโลก ซึ่งได้ส่งผลกระทบไม่เฉพาะเรื่องเศรษฐกิจเท่านั้น หากแต่สังคมและการเมืองของประเทศต่างๆ ก็มีอันต้องเสียศูนย์วูบไหวตามไปด้วยเฉพาะในแผ่นดินพญาอินทรีเองนั้น วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ ได้สร้างความเสียหายครั้งเอกอุ และถือเป็น “บทเรียน” ทางประวัติศาสตร์หน้าที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นตลาดเงิน (Money Market) และตลาดทุน (Capital Market) ฯลฯ เองบทเรียนทางประวัติศาสตร์ข้างต้น ไม่ได้ทรงคุณค่าทางวิชาการ เฉพาะการเรียนรู้อดีตเท่านั้น หากแต่ยังเป็นประโยชน์ต่อการศึกษา สภาวะโลกาภิวัฒน์ทางการเงิน (Financial Globalization) ซึ่งมีลักษณะครอบงำทางเศรษฐกิจ และสังคมของโลกอยู่ในขณะนี้หลายสิ่งหลายอย่างที่เราเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ ทำให้เราได้ค้นพบสัจธรรมประการหนึ่งที่ว่า ประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอยมันเองอยู่เสมอๆ ความเสียหายมากมายในช่วงที่ผ่านมา และยังที่เกิดขึ้นเนืองๆ ในปัจจุบัน มีส่วนมาจากการเพิกเฉย และการขาดความหลาบจำของมนุษย์ ที่มีต่อประวัติศาสตร์นั่นเองวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจที่ “เขี่ยลูก” โดยการ “ล้ม” ของตลาดหุ้นในวอลสตรีทในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ปี ค.ศ. 1929 ได้นำไปสู่ผลกระทบครั้งยิ่งใหญ่ต่อเศรษฐกิจและสังคมของสหรัฐฯ เองรูปธรรมประการแรก ของผลกระทบดังกล่าวก็คือ การลดตัววูบต่ำลงของรายได้ประชาชาติเบื้องต้น (Gross National Product-GNP) ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เอง ซึ่งเมื่อคิดเป็นราคาปัจจุบันขณะนั้น (Current Price) ปรากฎว่า GNP ของพญาอินทรี ได้ลดจากประมาณ 104,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี ค.ศ.1929 เหลือเพียง 65,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 1934 (ปีที่อ้างกันว่าเป็นปีที่รัฐบาลสหรัฐฯ ออกพันธบัตรมูลค่า 25,000 ล้านดอลลาร์ ที่ชุดพบในถ้ำลิเจีย) อันเป็นการหดหายไปของมูลค่า GNP ถึงประมาณหนึ่งในสามเพียงชั่วเวลาประมาณครึ่งทศวรรษ หลังจากเกิดวิกฤตการณ์วอลสตรีท ในปลายปี 1929 ถ้าคิดเป็นมูลค่าคงที่ (Constant Price) โดยให้ปี 1929 เป็นปีฐาน ปรากฎว่า GNP ของสหรัฐฯ ได้ลดจากประมาณ 104,000 ล้านดอลลาร์ เหลือ 74,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 1933 ก็แสดงให้เห็นว่าเพียงชั่วเวลา 3-4 ปี GNP ที่แท้จริงของสหรัฐฯ ได้หดหายไปกว่าหนึ่งในสี่เช่นกัน
การหดหายของ GNP อย่างมากมาย (และเป็นการหดหายมากกว่า GDP ของไทยในช่วงหลังวิกฤตการณ์ “ต้มยำกุ้ง” ในกลางปี 1997 (2540) เป็นต้นมา ซึ่ง GDP ไทยติดลบเพียง 2 ปี คือ ปี 1997 และ 1998 รวมติดลบประมาณ 12% หลังจากนั้น ในปี 1999 และ 2000 GDP ไทย ก็เริ่มขยายตัวที่ 4.2% และ 4.3% ตามลำดับ) ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาตามมามากมาย
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
Total export in the years before and 1927 1928 problem. Great depression in the United States, it is worth 276.06 million and 252.43 million, respectively, but after years 1929 which stock market on Wall Street. "Broken" exports goods ของไทยลดเหลือ 127.79 million in 1930 and reduced the next left 116.91 million. And the 129.23 million in 1931 1932 and were then exports began to ameliorate the new, more than at the level of exports. To return to levels comparable to years 1927 spent more than 10 years later (year 1941 export value ของไทยเท่ากับ.Million)
.The import appears in 1927 1928 Thai and imported goods worth 188.68 million and 180.86 million, respectively, but by the year 1930 imports slow left 149.46 million. And "sink below the" only 97.18 million and 87.69 million in 1931 and years 1932 respectively
.The information above shows. International trade industry. In the period after the crisis, Wall Street in the U.S., woo lost half and half?Concrete later, which shows the economic recession that affect is big Thai rice price, Thai farmers sell, which has decreased tremendously. That is in 1927 1928 and Thai farmers. Also sell price in the 54 paddy and 56.)But by the year 1930 1931 paddy and such, and reduced to 30 20 per cart, respectively called woo lost half and half? Or more as well
.At such times, not only the rice. With a sudden price so low breathtaking during the blackout Great Depression by the U.S. as a "kick", but other export prices In both a "sudden".For example, tin, which in recent years and 1927 1928 price out the chicken, 3273 baht and 3 016%, respectively, but by the year 1930 1931 and export price is only chicken, 2 278 baht and 1 524 baht, and woo until the rest 1 079 bath in the years 1932, a change of government. "The 2475" in Thailand
.In the city itself, wage labor of labor, which is the coolie of Chinese descent, lower style. "Half and half". At such times
.However, when compared to neighbouring countries such as Myanmar, the Malay, etc. which colony of the West. The hierarchy of the development of capitalism. And there is a market economy (Market Economy) rather than Thai.For those countries will be more severe than the Thai hit because at the moment. There are Thai economic system subsistence and self-sufficiency. "Behind." Than
.
the market Wall Street (Wall Street.) "break" in the autumn of the year.1929 (2472) was the beginning of the crisis led to the Great Depression (The Great Depression) all over the world, which has impact not only on the economy. But the society and politics of various countries.Only in the land of an eagle that economic crisis. The damage time license plate and is considered to be "lessons learned" historical function is very important. Whether the money (Money Market) and capital markets (Capital Market) etc. it
.The lessons from the history of the above. Not worthwhile research. Only learning the former only. It is also useful to education. State financial globalization (Financial Globalization) which features economic dominationMany of the things that we learn from history. We have found the one that History always repeats it regularly. A lot of damage in the past, and still occurs from time to time. At present.And the lack of proof of man. On the history that
.Economic crisis. "Kick the ball" by the "fall" of the stock market in the wall street during the season leaves change color. 1990. 1929 has led to a great impact on economy and society of the United States. It
.Concrete firstly, of such effects is. Reducing the sudden drop of basic income (Gross National Product-GNP) of the U.S. economy. The current quoted at that time. (Current Price) showed that GNP Eagle!104.000 million US dollars in 1999. 1929 only, 65 000 million dollars in 1934 (years claimed that the U.S. is years, a government issue, the value 25000 million dollars series found in the cave Lygia) as a contraction of GNP lost value to approximately one-third the only about half a decade. After the crisis, the Wall Street Journal, in late 1929
.If the estimated static (Constant Price) by the year 1929 is ปีฐ. Apparently GNP U.S. has reduced, from about 104 000 million dollars. Left, 74000 million dollars in 1933 show only the 3-4 years GNP real. The U.S. has more than one as well!Contraction of the GNP mighty (and a shrink more than GDP industry in the period after the crisis. "Tom Yum shrimp." in the middle of the year 1997 (2540). The Thai GDP negative only 2 year is the year 1997 1998 include and negative about 12% after that, in 1999 2000 GDP and Thai.4.And 2% 4.3% respectively). Have impact on the economy of the United States come with a lot of
.
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: