คนส่วนมากจะพูดกันว่า ทุกศาสนาเหมือน

คนส่วนมากจะพูดกันว่า ทุกศาสนาเหมือนกัน คือสอนให้คนเป็นคนดี อันนี้เป็นเพียงจุดมุ่งหมาย พื้นฐาน แต่ถ้าเราศึกษา จุดมุ่งหมายสูงสุด ของแต่ละศาสนาแล้ว จะไม่เหมือนกัน เช่น

ศาสนาคริสต์ จุดมุ่งหมายสูงสุด คือ การได้อยู่กับพระเจ้า (พระยะโฮวา) ชั่วนิรันดร์ จุดมุ่งหมายของศาสนา

พราหมณ์ คือ การได้เข้าร่วมกับ พระพรหม พระยะโฮวา กับพระพรหม ไม่ใช่องค์เดียวกัน

ศาสนาอิสลาม คือ พระอัลเลาะห์ ก็ไม่ใช่องค์เดียวกัน กับพระยะโฮวา

จุดมุ่งหมายสูงสุด ของศาสนาพุทธ คือ การหมดสิ้นกิเลส ที่เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ คือ นิพพาน ไม่ได้เข้าหาพระเจ้าองค์ใด นิพพาน ไม่ใช่พระเจ้า ไม่ใช่เทพ นิพพานพบได้ในปัจจุบัน ไม่ใช่หลังจากตาย เหมือนกับเทพเจ้า นิพพานคือการหลุดพ้นจากกิเลส จะเห็นว่า แต่ละศาสนามีจุดมุ่งหมายสูงสุด ไม่เหมือนกัน จะเหมือนกันอยู่บ้างก็คือจุดมุ่งหมายพื้นฐาน

ความจริงจุดมุ่งหมายของศาสนาทุกศาสนา ตามความเห็นของผู้จัดทำแล้ว เห็นว่า จะดีกว่า จุดมุ่งหมายของวิทยาศาสตร์เสียด้วยซ้ำ เพราะจุดมุ่งหมายของวิทยาศาสตร์ คือ รู้ความจริงของธรรมชาติ แต่ไม่ได้บอกข้อปฏิบัติไว้ คือ จะปฏิบัติอย่างไรกับธรรมชาติ นี่คือข้อบกพร่อง ของวิทยาศาสตร์ แต่ศาสนาจะบอกข้อปฏิบัติไว้ เพื่อให้เข้าถึงจุดมุ่งหมายของแต่ละศาสนา ส่วนวิทยาศาสตร์ ส่วนมากคนเรา จะเอามาสนองความต้องการของตนเอง คือเอาวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นศาสตร์บริสุทธิ์ ที่นักวิทยาศาสตร์เสนอไว้ให้เข้าใจปรากฏการณ์ ทางธรรมชาติเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกข้อปฏิบัติ ต่อสิ่งเหล่านั้นอย่างไรมาทำเป็นเทคโนโลยี สนองความต้องการของมนุษย์ เลยกลายเป็นว่าเอาความรู้บริสุทธิ์มาทำลายธรรมชาติไป คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าที่โลกเราประสบอยู่ทุกวันนี้ คือ ภาวะโลกร้อน ป่าไม้ถูกทำลาย โลกถูกมนุษย์ทำลายเหล่านี้ ล้วนแต่มนุษย์เอาความรู้ที่บริสุทธิ์ ทางวิทยาศาสตร์มาสนองความต้องการของตนเอง

ส่วนศาสนาไม่เคยสอนให้ทำลายธรรมชาติมีแต่ให้อนุรักษ์ เช่น ท่านจะสอนว่า ในต้นไม้มีเทพเจ้าสิงสถิตย์อยู่ คนก็ไม่กล้าทำลายป่าไม้ ไม่ทำลายธรรมชาติ ไม่ดูถูกดูหมิ่นธรรมชาติ เป็นต้น เพราะมนุษย์ต้องอาศัยธรรมชาติ เมื่อธรรมชาติสูญสิ้น มนุษยชาติย่อมสูญสิ้นไปด้วย ดังที่มนุษย์เรากลัวกันอยู่ในปัจจุบัน เช่น กลัวว่า จะถึงวันสิ้นโลก เหมือนที่ศาสนาหรือความเชื่อต่างๆ กล่าวไว้ กลัวว่าน้ำจะท่วมโลก อันเกิดมาจากภาวะโลกร้อน ทำให้ก้อนน้ำแข็งที่ขั้วโลกละลาย เป็นต้น ดังนั้น พวกเราควรจะเห็นคุณค่าของความรู้ ของบรรพบุรุษของเรา คือศาสนาให้มาก หรือแม้แต่วิทยาศาสตร์ นั่นแหละ คือ ควรใส่ใจศึกษาทั้งสองด้าน เพราะอย่างที่บอกแล้ว คนเรามีประสาทสัมผัส 6 อย่าง คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ (คงไม่มีใครปฏิเสธ ว่า ไม่มีจิตใจ เป็นแต่ปรากฏการณ์ทางสมอง ถึงอย่างไร เขาก็ต้องพบกับความทุกข์ ความว้าเหว่ ความเปล่าเปลี่ยว อันเป็นขอบเขตของจิตใจ) วิทยาศาสตร์เป็นขอบเขตของประสาทสัมผัส 5 อย่างแรก ศาสนา เป็นของเขตของประสาทสัมผัสที่ 6 เพราะฉะนั้น ถ้าจะให้รู้ครบ หรือ ศึกษาความเป็นมนุษย์ ให้ครบ ต้องศึกษา ทั้งวิทยาศาสตร์ และศาสนา ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไป ก็เหมือนคนพิการหรือเหมือนคนมีดวงตาข้างเดียว

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

Most people will say all religions teach people like is good people, this is the only aim. But if we study the basic aim of each religion's highest, are not identical, such as. Christian religion The highest aim is to be with the Lord (Lord yahowa) for eternity. The aim of the religion. A Brahmin is joining with Brahma. Lord Brahma is not with yahowa elements the same. Islam is God Allah is not the same with the yahowa. The highest aim of Buddhism is to end greed that causes suffering is Nirvana has not approached any God. Nirvana is not a Lord, not a deity. Nirvana found in current not after death the same as gods. Nirvana is to break free from passion to see that each religion has the highest aim. Not the same is the same, is it is a fundamental aim. ความจริงจุดมุ่งหมายของศาสนาทุกศาสนา ตามความเห็นของผู้จัดทำแล้ว เห็นว่า จะดีกว่า จุดมุ่งหมายของวิทยาศาสตร์เสียด้วยซ้ำ เพราะจุดมุ่งหมายของวิทยาศาสตร์ คือ รู้ความจริงของธรรมชาติ แต่ไม่ได้บอกข้อปฏิบัติไว้ คือ จะปฏิบัติอย่างไรกับธรรมชาติ นี่คือข้อบกพร่อง ของวิทยาศาสตร์ แต่ศาสนาจะบอกข้อปฏิบัติไว้ เพื่อให้เข้าถึงจุดมุ่งหมายของแต่ละศาสนา ส่วนวิทยาศาสตร์ ส่วนมากคนเรา จะเอามาสนองความต้องการของตนเอง คือเอาวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นศาสตร์บริสุทธิ์ ที่นักวิทยาศาสตร์เสนอไว้ให้เข้าใจปรากฏการณ์ ทางธรรมชาติเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกข้อปฏิบัติ ต่อสิ่งเหล่านั้นอย่างไรมาทำเป็นเทคโนโลยี สนองความต้องการของมนุษย์ เลยกลายเป็นว่าเอาความรู้บริสุทธิ์มาทำลายธรรมชาติไป คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าที่โลกเราประสบอยู่ทุกวันนี้ คือ ภาวะโลกร้อน ป่าไม้ถูกทำลาย โลกถูกมนุษย์ทำลายเหล่านี้ ล้วนแต่มนุษย์เอาความรู้ที่บริสุทธิ์ ทางวิทยาศาสตร์มาสนองความต้องการของตนเอง ส่วนศาสนาไม่เคยสอนให้ทำลายธรรมชาติมีแต่ให้อนุรักษ์ เช่น ท่านจะสอนว่า ในต้นไม้มีเทพเจ้าสิงสถิตย์อยู่ คนก็ไม่กล้าทำลายป่าไม้ ไม่ทำลายธรรมชาติ ไม่ดูถูกดูหมิ่นธรรมชาติ เป็นต้น เพราะมนุษย์ต้องอาศัยธรรมชาติ เมื่อธรรมชาติสูญสิ้น มนุษยชาติย่อมสูญสิ้นไปด้วย ดังที่มนุษย์เรากลัวกันอยู่ในปัจจุบัน เช่น กลัวว่า จะถึงวันสิ้นโลก เหมือนที่ศาสนาหรือความเชื่อต่างๆ กล่าวไว้ กลัวว่าน้ำจะท่วมโลก อันเกิดมาจากภาวะโลกร้อน ทำให้ก้อนน้ำแข็งที่ขั้วโลกละลาย เป็นต้น ดังนั้น พวกเราควรจะเห็นคุณค่าของความรู้ ของบรรพบุรุษของเรา คือศาสนาให้มาก หรือแม้แต่วิทยาศาสตร์ นั่นแหละ คือ ควรใส่ใจศึกษาทั้งสองด้าน เพราะอย่างที่บอกแล้ว คนเรามีประสาทสัมผัส 6 อย่าง คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ (คงไม่มีใครปฏิเสธ ว่า ไม่มีจิตใจ เป็นแต่ปรากฏการณ์ทางสมอง ถึงอย่างไร เขาก็ต้องพบกับความทุกข์ ความว้าเหว่ ความเปล่าเปลี่ยว อันเป็นขอบเขตของจิตใจ) วิทยาศาสตร์เป็นขอบเขตของประสาทสัมผัส 5 อย่างแรก ศาสนา เป็นของเขตของประสาทสัมผัสที่ 6 เพราะฉะนั้น ถ้าจะให้รู้ครบ หรือ ศึกษาความเป็นมนุษย์ ให้ครบ ต้องศึกษา ทั้งวิทยาศาสตร์ และศาสนา ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไป ก็เหมือนคนพิการหรือเหมือนคนมีดวงตาข้างเดียว

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

Most people would say that all religions, too, is to teach people to be good, this is just the aim basic, but if we study the ultimate aim. Each religion, are not the same asChristianity, the ultimate aim is to be with God (Jehovah) forever. Aim of religion.Brahman is to join with Brahma, Jehovah with Brahma, not the same God.Islam is Allah is the same God. To JehovahThe ultimate aim of Buddhism is to put an end to the passion that causes suffering is nirvana. Not approached any God and nirvana. Not God, not God, Nirvana found today. Not after death, like God, พพาน's escape from the passion, you will see that each religion is the ultimate aim. The same will be too little is the fundamental aim.The aim of all religions. According to the opinion of the author, that is better. The aim of science itself. Because the aim of science is the truth of nature, but didn't tell the practices, is what to do with nature, this defect. Of science, but religion will tell the practices. In order to reach the aim of each religion and science, most people will it meet the demands of self is the science, which is a pure science. Scientists proposed to understand natural phenomena, but didn't tell the practice. To those, how be technology, meet the needs of humans. It's all pure knowledge to destroy nature. No one dare deny that the world we experience is today is global warming, forest is destroyed, the human world is destroyed these. All human knowledge is pure To meet the needs of scientific selfThe religion never taught only to destroy nature conservation, such as you have taught that in the tree gods, that lives on. People can't destroy the forest. Don't destroy nature. Don't look down upon nature, etc.