นับจากครั้งอดีตกาล การอาบน้ำและการด

นับจากครั้งอดีตกาล การอาบน้ำและการดูแลผิวพรรณนั้นถือได้ว่าเป็นเรื่องราวอันสุนทรีย์ ซึ่งมิได้จำกัดอยู่แค่จุดประสงค์ในการรักษาสุขอนามัยเท่านั้น ชาวอียิปต์ ชาวโรมันและกรีกโบราณยังได้หยิบยกเรื่องการอาบน้ำชำระล้างร่างกายว่าเป็นศิลปะอันสูงส่ง

จนกระทั่งทุกวันนี้เราก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่าการอาบน้ำก็เป็นความหฤหรรษ์อย่างหนึ่งที่เราสรรหาให้กับชีวิตได้ ในอียิปต์ยุครุ่งเรืองแห่งอดีตนั้น ผู้หญิงทุกคนมีขั้นตอนปฏิบัติในการอาบน้ำอย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่การเลือกอุณหภูมิของน้ำมีทั้งน้ำเย็น น้ำอุ่น กระทั่งถึงน้ำอุ่นจัด ๆ จากนั้นก็จะชโลมทั่วร่างด้วยเครื่องหอมนา ๆ ชนิด และในขั้นสุดท้ายจะเป็นการนวดน้ำมันให้ซึมซาบเข้าสู่ผิวหน้าและผิวกาย ซึ่งน้ำมันที่ช่วยให้นุ่มผิวนี้มีกลิ่นหอมอบอวลมิรู้ลืมทีเดียว

กลิ่นหอมนี้ได้มาจากยางไม้หอมนา ๆ ชนิด รวมทั้งพืชไม้หอมต่าง ๆ หรืออาจได้มาจากผลไม้ หรือไม่ก็ผลไม้เปลือกแข็ง เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีหลักฐานที่แสดงว่ายุคก่อนคริสต์กาลราว 3000 ปี มนุษย์เรารู้จักนำเอาเม็ดโคลนมาใช้เพื่อประทินผิวกันแล้ว ซึ่งเม็ดโคลนนี้ทำมาจากส่วนผสมหลายอย่าง เช่น น้ำดีจากวัวหนุ่ม ไข่นกกระจอกเทศที่นำมาปั่น น้ำมันมะกอก แป้ง เกลือทะเล ยางต้นสนและนมสด ซึ่งให้ผลในการรักษาสิวฝ้าจุดด่างดำ

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีตัวยาที่ใช้แก้รอยเหี่ยวย่นอีกด้วย เป็นตัวยาซึ่งทำมาจากส่วนผสมหลายอย่างเช่นกัน คือ นมที่เคี่ยวจนข้น กำยาน ขี้ผึ้ง น้ำมันมะกอก มูลละมั่งหรือมูลจระเข้ และใบสนบดละเอียด แม้ว่าผู้หญิงชาวกรีกโบราณจะรับเอาแบบอย่างการใช้เครื่องหอมมาจากชาวอียิปต์ก็ตาม แต่อันที่จริงแล้วชนชาติที่สร้างตำนานศิลปะการอาบน้ำให้เป็นที่เลื่องระบือไกลก็คือชาวโรมันนั่นเอง

ในช่วงศตวรรษที่ 2 นั้น โรมันในยุคเรืองอำนาจก็ได้สร้างคอมเพลกซ์ขนาดมหึมาขึ้นสำหรับชายชาตรีโดยเฉพาะ สถานที่แห่งนี้ให้บริการหลายอย่าง มีทั้งสวนตกแต่ง ห้องออกกำลังกาย ร้ายขายของ ห้องสมุด และห้องสังสรรค์ (ซึ่งแตกต่างกันมากหากจะเปรียบเทียบกับสถานบริการความงามและศูนย์สุขภาพในสมัยนี้ เพราะปัจจุบันเรามีรูปแบบการบริการมากมายจนแทบจะจาระไนไม่หมด)

นอกจากนั้นยังมีสถานบริการความงามสำหรับสุภาพสตรี แม้ว่าจะมีความหลากหลายไม่เท่าเทียมกับสถานที่ของบุรุษ แต่เลดี้สาวโรมันก็ยังนิยมที่จะบำรุงความงามที่เคหสถานของเธอเอง โดยมีทาสรับใช้คอยปรนนิบัติให้ ซึ่งภายหลังจากการอาบน้ำแล้ว เธอจะนวดหน้าและแต่งแต้มสีสันบนใบหน้าให้สวยงาม ในขั้นสุดท้ายจึงจะนวดบริเวณลำคอ และช่วงไหล่โดยใช้น้ำมันหอม และชโลมทั้งตัวอีกครั้งด้วยน้ำกุหลาบ และในศตวรรษที่ 2 นี้อีกเช่นกันที่ได้มีผู้คิดค้นครีมถนอมผิวขึ้นเป็นครั้งแรก โดยนายแพทย์เกลัน ซึ่งเป็นแพทย์ชาวกรีกและยังเป็นนักประพันธ์ชื่อเสียงโด่งดัง สูตรครีมถนอมผิวนี้ประกอบด้วยขี้ผึ้งขาวหนึ่งส่วนละลายเข้ากับน้ำมันมะกอกอีกสามส่วน ซึ่งได้มีการบรรยายสรรพคุณไว้ว่าเหมือนดั่งกุหลาบแรกแย้ม ซึมซาบและให้ความอิ่มเอิบแก่ผิว

นายแพทย์เกลันยังได้แนะนำอีกว่าอาจจะใช้ลาโนลินแทนขี้ผึ้งขาวก็ได้ ซึ่งลาโนลินนี้สกัดจากไขมันของขนแกะ และตราบถึงทุกวันนี้ ลาโนลินก็ยังคงนิยมใช้เป็นส่วนผสมในครีมบำรุงผิวกันอย่างแพร่หลายมิมีเสื่อมคลาย ในขณะที่การอาบน้ำชำระล้างร่างกายถือเป็นปกติวิสัยทั่วทั้งอาณาจักรโรมัน แต่ชาวยุโรปทางตอนเหนือนั้นกลับมิได้ให้ความสนใจต่อการอาบน้ำแต่อย่างใด เพราะความเชื่อที่ว่าท่ามกลางอากาศอันหนาวเย็น การอาบน้ำเป็นการบั่นทอนสุขภาพร่างกายและยังเชื่อกันอีกว่าปีศาจร้ายจะจ้องทำลายเนื้อหนังมังสาขณะที่อาบน้ำ ซึ่งนับว่าไม่เป็นผลดีต่อสุขอนามัยอย่างยิ่ง จนในที่สุดโรคร้ายก็เกิดการระบาดทั่วทั้งยุโรป

แต่ความเชื่อเช่นนั้นก็ยังคงฝังรากลึก จนกระทั่วถึงศตวรรษที่ 19 ชาวยุโรปจึงเกิดความเข้าใจว่าการอาบน้ำเป็นวิธีการสำคัญที่จะช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้ หลังจากนั้นการอาบน้ำจึงกลายเป็นเรื่องปกติที่ต้องปฏิบัติกันเป็นกิจวัตรประจำวัน

ปัจจุบันคนรุ่นใหม่ผสมผสานเรื่องของการอาบน้ำและการถนอมผิวพรรณเข้าไว้ด้วยกัน และผลิตภัณฑ์ประทินผิวสมัยใหม่ซึ่งถึงว่าเป็นวิทยาความก้าวหน้านั้น เรากลับพบว่าส่วนผสมบางอย่างที่นำมาใช้นั้นเป็นการย้อนรอยจากยุครุ่งเรืองในอดีตกาลอย่างน่าประหลาดใจ ยิ่งได้ค้นพบนักวิทยาศาสตร์ก็ยิ่งเข้าใจถ่องแท้ว่าเหตุใดเครื่องบำรุงความงามในยุคโบราณนั้นจึงใช้ได้ผลดีและเราก็เพิ่งรู้ความจริงกันว่าตำรับที่ชาวอียิปต์โบราณอาบน้ำนมและชาวโรมันอาบเหล้าไวน์ที่บ่มนานนั้น แท้จริงแล้วบรรพบุรุษเหล่านี้กำลังฟอกผิว และกระตุ้นให้เกิดเซลล์ผิวใหม่ด้วยกรดผลไม้หรือ AHA (alpha hydroxy acid treatment) ซึ่งนักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่เพิ่งค้นพบและเป็นที่ฮือฮากันในยุคปัจจุบันนั่นเอง

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

Counting from this atmospheric ... Bath & skin care is a continuing the stories which are not limited to the purpose of maintaining hygiene only. Nationals of Egypt Romans and Greeks have also raised the matter of bath body wash that is high art. Until today, we could not possibly deny that it is the one that we recruit to rejoice in life. In the era of reconstruction, prosperity in Egypt, then. All women have the procedure is carefully selected from the bath water temperature are both cold water. Hot water hot water to chat then it will put around the body with fragrance such a type, and the final will be a massage oil penetrates into the skin and body. The oil helps skin soft homopuan smell sensation of this once and for all. This scent is derived from aromatic wood such as rubber plant ... or they might have come from the fruit or not, fruit, nuts etc. There is also evidence that the era b.c. 3000 years of human stories we know, bringing mud pellets used to to preserve the skin and mud pellets made from many ingredients, such as bile from young cows, birds eggs, sparrows, the Festival. Olive oil, flour, sea salt The rubber pine trees and fresh milk, which results in the treatment of acne, Melasma age spots. Moreover, there are also drugs that use the solve wrinkles too. Drugs that are made from many ingredients, such as condensed milk, simmer until is incense, wax. Olive oil and the crocodile, Antelope droppings or powdered pine even though the ancient Greeks women will get the example to use the aroma coming from Egypt, however, but the fact that legend art bath, as rabue far is Roman's pupil. During the 19th century, Roman power in the age of 2 is illuminated, it has built up a massive new World Centre for men in particular, valiant. In this place, many services have both garden decorations. A gym, a library, and a sale of the evil family room (which is a very different place if it is compared with the beauty and Wellness Centre in this period because we have many patterns will not charanai). There is also a place of beauty for women, although there are a variety of places are not equal to men. But it's also popular with Roman girl Lady to the urban beauty of her own. By having the slave serve, after bathing, then. She will face massage and colorful on the beautiful face. In the final, and then it will shoulder and neck massage using essential oils, and put both the water and rose again in the 19th century, this same have another who invented first skincare cream. By Dr. Kelan which doctors Greeks and is also a famous composer. This skincare cream formula contains one white wax melts into the other three parts olive oil which has captions explaining that it seemed the first to bloom roses. Absorbing and saturation, skin oep นายแพทย์เกลันยังได้แนะนำอีกว่าอาจจะใช้ลาโนลินแทนขี้ผึ้งขาวก็ได้ ซึ่งลาโนลินนี้สกัดจากไขมันของขนแกะ และตราบถึงทุกวันนี้ ลาโนลินก็ยังคงนิยมใช้เป็นส่วนผสมในครีมบำรุงผิวกันอย่างแพร่หลายมิมีเสื่อมคลาย ในขณะที่การอาบน้ำชำระล้างร่างกายถือเป็นปกติวิสัยทั่วทั้งอาณาจักรโรมัน แต่ชาวยุโรปทางตอนเหนือนั้นกลับมิได้ให้ความสนใจต่อการอาบน้ำแต่อย่างใด เพราะความเชื่อที่ว่าท่ามกลางอากาศอันหนาวเย็น การอาบน้ำเป็นการบั่นทอนสุขภาพร่างกายและยังเชื่อกันอีกว่าปีศาจร้ายจะจ้องทำลายเนื้อหนังมังสาขณะที่อาบน้ำ ซึ่งนับว่าไม่เป็นผลดีต่อสุขอนามัยอย่างยิ่ง จนในที่สุดโรคร้ายก็เกิดการระบาดทั่วทั้งยุโรป But such belief is still deep rooted and thoroughly 19th-century Europeans, therefore, understand that taking a shower is an important method to help prevent diseases. Afterward, bathing becomes normal practice routine is required. ปัจจุบันคนรุ่นใหม่ผสมผสานเรื่องของการอาบน้ำและการถนอมผิวพรรณเข้าไว้ด้วยกัน และผลิตภัณฑ์ประทินผิวสมัยใหม่ซึ่งถึงว่าเป็นวิทยาความก้าวหน้านั้น เรากลับพบว่าส่วนผสมบางอย่างที่นำมาใช้นั้นเป็นการย้อนรอยจากยุครุ่งเรืองในอดีตกาลอย่างน่าประหลาดใจ ยิ่งได้ค้นพบนักวิทยาศาสตร์ก็ยิ่งเข้าใจถ่องแท้ว่าเหตุใดเครื่องบำรุงความงามในยุคโบราณนั้นจึงใช้ได้ผลดีและเราก็เพิ่งรู้ความจริงกันว่าตำรับที่ชาวอียิปต์โบราณอาบน้ำนมและชาวโรมันอาบเหล้าไวน์ที่บ่มนานนั้น แท้จริงแล้วบรรพบุรุษเหล่านี้กำลังฟอกผิว และกระตุ้นให้เกิดเซลล์ผิวใหม่ด้วยกรดผลไม้หรือ AHA (alpha hydroxy acid treatment) ซึ่งนักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่เพิ่งค้นพบและเป็นที่ฮือฮากันในยุคปัจจุบันนั่นเอง

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

From the ancient times. Bathing and skin care is regarded is the story of interest. Which is not confined to the purpose of hygiene, Egyptian, Greek and Roman antique also brought up the subject of the bath cleansing the body as art and lofty.Until today, we can"t deny that the bath is one เราสรรหา e-commerce to life. In Egypt, the glory of the past. Every woman is practical steps in bathing carefully. From the choice of the temperature of the water and cold water, warm water until the water warm. It will then apply throughout the body with incense. Any type. And in the final will be a massage oil to be absorbed into the skin and body. The oil that allows the soft skin, this has rich fragrance not forget.This fragrance is derived from myrrh. Different kinds, including various fragrant plants, or may have come from a fruit or nut, etc. in addition, there is no evidence that the story 3000 years before Christ We human beings know the grain of mud used to skin. The grain of this clone was made from the mixture of many, such as bile from bullock. The ostrich egg used in spinning, olive oil, flour, salt, rubber trees and milk. The results in the treatment of acne spots.Moreover, some drugs used to solve the wrinkles. A drug which made from the mixture of many things too. Is milk and simmer until thick incense, wax, water and olive manure or manure gazelle, crocodile, and the pine leaves finely ground. Although the ancient Greek women to adopt the model using incense from the Egyptians. But in fact, people create a legend art bath as it spread far is the Romans.In the last century 2. The Roman era colonels made the complex huge up for men in particular. This place many services are both garden decoration, gym room, store. Libraries and lounge (which are very different, if be compared with health, beauty and wellness center in this day and age.