Elements of literature? The elements of the literature is divided into 5. Key elements include a naughty naughty or idea (Theme) storyline (Plot) (Character), character and scene (Setting), the view in the narrative (Point of view), in which each element has the details. Is as follows:Naughty naughty story or idea (Theme) Is the main idea in a story, which is an important element in the story to understand the main ideas of traditional narrative might be naughty story about love, morality, human story about the nature of the powers which the subject will be organising varies according to the structure must be present?Naughty stories, there are 4 common types.1. naughty naughty subject matter expressed in most of these offers or displays in light of those social issues continue to tell. Political, religious, or simple as naughty stories for life.2. naughty naughty mood as the story it tells the various emotions that focuses on non-wrenching sad am lonely misery as happy Merry scary vampire wawe sok, etc.3. naughty story shows the behavior aiming at showing the behavior in some aspect or aspects of the character is important. Whether it is the behavior of the characters as a result of the verdict against certain values in the concepts and behaviors as a result of the emotions of the characters themselves.4. naughty naughty photographs and stories are told that it will show some of the conditions or events, some events in a certain part of the character life.The storyline (the Plot).Is the sequence or direction of a story that has been prescribed as a frame of all events in all matters that proceed from start to finish a series of behaviour or any activity one activity. The storyline is a major element of the movie. Usually, it is the sequence of events in a narrative 5 steps:1. to start the story (Exposition) is a narrative directs attention to track stories. With rae brings a character. Scenes or places may be open issues or disclose the conflict to the clues, and invited subject tracking. To start, the story does not need to be sorted in the event may start the story from the middle or back from the end of the story to the beginning of the story.2. development of events (Rising Action) is that the story progresses continuously and reasonable. Clues to problems or conflicts, start multiple concentrations. The characters may be embarrassment, or a situation in which there are difficulties in this matter.3. crisis (Climax) is the most important event of the story occurs when the stories are broken, and the point is in that situation.4. resolving deficiencies (FallingAction) is the State, after the crisis has passed, and then point clue, and the issue has been disclosed or conflict have been excluded to.5. to stop the story (Ending) is to the end of the whole story. The loss could mean the end of may a happy end or end to pondering.Character (Character)คือ ผู้ทำหน้าที่เดินเนื้อหาพาเรื่องราวไปสู่จุดจบของเรื่อง ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งที่เป็นมนุษย์และที่ไม่ใช่มนุษย์ อาจเป็นสัตว์ หรือสิ่งของก็ได้ โดยขึ้นอยู่กับผู้นำเสนอเรื่องต้องการจะนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร นอกจากนี้ยังหมายถึงบุคลิกลักษณะของตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา หรืออุปนิสัยใจคอของตัวละครด้วย โดยตัวละครแต่ละตัวจะต้องมีองค์ประกอบ 2 ส่วนเสมอ นั่นคือ ส่วนที่เป็นความคิด (Conception) และส่วนที่เป็นพฤติกรรม (Presentation) ตัวละครในภาพยนตร์จะเป็นออกเป็น 3 แบบ ได้แก่ ตัวละครเอก ตัวละครร้าย และตัวละครประกอบ มีรายละเอียดดังนี้ตัวละครเอก (Protagonist) จะเป็นศูนย์กลางของโครงเรื่องของภาพยนตร์ทั้งหมด เพราะเป็นตัวละครที่ร้อยเรื่องราวต่างๆเข้าด้วยกันเพื่อแสดงให้เห็นแก่นของเรื่อง ตัวละครร้าย (Antagonist) จะเป็นตัวละคร หรือเป็นสิ่งที่ขู่เข็ญตัวละครเอก และทำให้เกิดความขัดแย้งกับตัวละครเอก ตัวละครร้ายอาจจะเป็นทั้งตัวละครที่เป็นสิ่งมีชีวิต หรือไม่มีชีวิต เช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาติก็ได้ตัวละครประกอบ (Subordinate or Minor character ) จะเป็นตัวละครที่มีบทบาทรองลงไปจากตัวละครเอก เป็นตัวละครที่ทำให้เรื่องราวหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตัวละครเอกเคลื่อนไหวไปสู่จุดหมายปลายทาง ตัวละครประกอบบางตัวอาจมีบทบาทเด่นพอ ๆ กับตัวละครเอกก็ได้ แต่มักจะเป็นฝ่ายตรงกันข้ามกับตัวละครเอกลักษณะนิสัยของตัวละครสังเกตได้จากการกระทำของตัวละครที่โต้ตอบกับสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นจากการพูดคุยกับตัวละครอื่นๆในเรื่อง หรือจากความคิดของตัวละครที่พูดกับตนเอง โดยแย่งออกได้เป็น 2 ลักษณะ ได้แก่1. ตัวละครแบบมีมิติ (Round Character) เป็นตัวละครที่มีหลากหลายคุณสมบัติและอารมณ์มีจุดเด่นจุดด้อย มีความซับซ้อน และมีการเปลี่ยนแปลง 2. ของพฤติกรรม หรือความคิดหลังจากที่ได้ผ่านเหตุการณ์ต่างๆในเรื่อง เป็นลักษณะของตัวละครที่ค่อนข้างมีความสมจริง3. ตัวละครแบบแบน (Flat Character) เป็นตัวละครที่บุคลิกไม่ซับซ้อน อาจมีเพียงมิติเดียว มักใช้เป็นลักษณะของตัวละครประกอบที่ไม่สำคัญบทบาทหรือบุคลิกภาพของตัวละครการกำหนดบทบาทของตัวละครมีอยู่ 2 วิธี คือ 1. ตัวละครที่มีบทบาทคงที่(Static Character)คือตัวละครที่มีบุคลิกคงที่ตลอดเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ ตอนเปิดเรื่องมีลักษณะนิสัยอย่างไร ตอนจบเรื่องก็ยังคงมีลักษณะนิสัยอย่างนั้น 2. ตัวละครที่มีบทบาทไม่คงที่ (Dynamic Character) คือตัวละครที่ปรับเปลี่ยนนิสัย บุคลิกลักษณะ และทัศนคติไปตามประสบการณ์หรือสภาพจิตใจได้เมื่อมีเหตุผลอันสมควร หรืออาจกล่าวได้อีกอย่างหนึ่งว่า สิ่งแวดล้อมเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้บุคลิกภาพของตัวละครเปลี่ยนแปรไป
การแปล กรุณารอสักครู่..