สมเด็จพระนเรศวรให้โหราดูฤกษ์ยามเพื่อจะยกทัพไปรบ โหราบอกสมเด็จพระนเรศวรจะได้ จตุรงคโชคและได้ฤกษ์ ในวันอาทิตย์ขึ้น 11 ค่ำ 8 นาฬิกา 30 นาที นับเป็นฤกษ์มงคลได้เตรียมการเคลื่อนทัพไปทางป่าโมก พอถึงฤกษ์ยามงามดี พระนเรศวรและสมเด็จพระเอกาทศรถได้อาบน้ำ และใส่น้ำหอมและแต่งตัวด้วยเครื่องประดับสวยงาม และเครื่องประดับส่องแสงงดงาม เมื่อได้ฤกษ์ออกศึก บรรดาพราหมณ์ก็ เป่าสังข์ ถวายเสียงประสานกันจากนั้นเคลื่อนทัพผ่านโขลนทวาร พระสงฆ์ประพรมน้ำมนต์แก่กองทัพทหารที่เดินทางไปทางน้ำ และมาพักอยู่ที่ตำบลปากโมกสมเด็จพระนเรศวรทรงปรึกษาขุนนางผู้ใหญ่ถึงตี 3 พอถึงตี 4 ก็ฝันว่าเห็นกระแสน้ำไหลเชี่ยว พระองค์มองดูกระแสน้ำ และเดินลุยกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวมีจระเข้ตัวใหญ่โผล่ขึ้นมาจะกัดพระองค์พระองค์ใช้ดาบที่มือต่อสู้กับจระเข้ตัวใหญ่ที่โผล่ขึ้นมาพระองค์สู้กับจระเข้ฟันถูกจระเข้ตาย สายน้ำท่วมป่าก็แห้งหาย พระองค์ตื่นนอนก็คิดจดจอเรื่องที่ฝัน เล่าความฝันให้โหรฟัง โหรทำนายฝัน ว่าความฝันของพระองค์เกิดเพราะเทวดาแสดงให้เห็น น้ำที่ไหลท่วมป่าทางทิศตะวันตก คือกองทัพพม่า จระเข้คือพระมหาอุปราชา สงครามครั้งนี้ใหญ่มากได้มีการทำยุตถหัตถี พระองค์ชนะจระเข้คือ ศัตรูของพระองค์จะต้องตายด้วยน้ำมือของพระองค์ฟันด้วยอาวุธ จะชนะดั่งความฝันของพระองค์ พระนเรศวรตั้งใจฟังคำทำนายของโหรพระองค์ดีใจมาก เพราะโหรได้แก้ข้อสงสัยในความฝัน พระองค์รีบแต่งตัวออกรบทันที พระนเรศวรและพระเอกาทศรถนั่งบทหลังช้างที่ประทับ พร้อมขบวนทหาร ขณะที่ทั้ง 2 พระองค์ รอฤกษ์ยามงามดี พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพระบรมสารีริกธาตุ ส่องแสงเรืองรองมีขนาดเท่าผลส้มเกลี้ยง ลอยมาทางทิศใต้ ลอยวนลอบกองทัพเวียนไปทางขวาสามรอบ เวียนฉวัดเฉวียงกลางฟ้าไปทางทิศเหนือ สมเด็จพระนเรศวรทรงช้างชื่อ ไชยานุภาพ ส่วนพระเอกเทศรถทรงช้างชื่อ ปราบไตรจักร โดยเสด็จนำหน้าพระนเรศวร