IntroductionThe problem of drugs in Thailand In the current rate of Thailand, this social addiction more. In many ways, the story factor derived from chueng and impact in many ways is the history of drugs. The category of drugs. The cause of the drug effects Guidelines to prevent and correct or contend with related agencies as the main points about chueng report of Thailand's drug problem today has an interesting detail in many areas to study in teaching, and benefits for education and drug abuse.There will be many problems with teenagers because teenagers are as curious a try and this is during the adolescent friends rather than just adults or parents. Drug abuse is a problem that is difficult to resolve, and because drugs were widespread and their teenagers who abuse or are often obscure. Because of the fear of a mistake that they made and do not dare to tell the adults or parents help each other fix. Because of their young adolescent kakap is curious teens try and trust your friends. The history of drugs. Medications or substances that have been used to trump or drug sample. There is a long history of human discovery from the start. Plants that consume and make sense of a level. Changes in ancient medicine or chemicals are often used in religious ceremonies, such as those of India, religious ceremony, red in Central America.ใช้ต้นไม้จำพวกกระบองเพชรซึ่งมีสารหลอนประสาท ทำให้ เกิดอาการประสาทหลอนเห็นภาพ ต่าง ๆ และเข้าใจว่าตนสามารถติดต่อกับวิญญาณหรือเทพเจ้าได้ ชาวอินเดียนแดง เผ่าอินคา (Incas) ในอเมริกาใต้เคี้ยวใบโคคา (COCA) ซึ่งมีโคเคน โดยถือว่าเป็นของขวัญ ที่พระเจ้า ประทานให้ แต่แรกใบโคคานี้ใช้เฉพาะในหมู่พวกกษัตริย์ของเผ่า แต่ต่อมาเมื่อประเทศสเปน เข้าครอบครองชนเหล่านี้ ใบโคคา ก็ถูกนำมาใช้ในหมู่ชาวอินเดียนแดงทั่วไปเพื่อช่วยให้พวกเขามีกำลังทำงานหนักรับใช้ชาวสเปนได้ เมื่อวิทยาศาสตร์เจริญ ก้าวหน้าขึ้นยาหรือสารเสพติด ก็เพิ่มปริมาณและชนิดขึ้นและมี การนำมาใช้อย่างผิด ๆ หรือเสพติดกันมาก ตัวอย่างเช่น ฝิ่นเป็นที่รู้จักและจำหน่ายมาตั้งแต่สมัยก่อนคริสตกาลโดยชาว เมโสโปเตเมีย (๕,๐๐๐ ปีก่อนคริสต ศักราช) และแพร่หลาย และรักษาโรคบางอย่าง เช่น โรคบิด โรคติดสุรา ฯลฯ ได้ นานทีเดียวกว่าอังกฤษจะรู้ฤทธิ์ในการเสพติดของฝิ่น และ เมื่อนั้นฝิ่นก็ถูกนำไปใช้ เพื่อ การเสพติด โดยอังกฤษพยายามนำ เอาไปแพร่ ในเมืองจีนเพื่อให้ชาวจีนติดฝิ่นและตนเอง ผูกการค้า ฝิ่นแต่ผู้เดียว จนกระทั่งเกิดสงคราม ฝิ่นกับประเทศจีนในปี ค.ศ.๑๘๓๙ - ๑๘๔๒ ประเทศไทยก็มีประวัติการเสพฝิ่นมา ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ แห่งกรุงศรีอยุธยา(พระเจ้าอู่ทอง) ประมาณ ๖๐๐ ปีเศษมาแล้ว ในสมัยนั้นก็มี หลักฐานว่าพระมหากษัตริย์ทรง เล็งเห็นโทษของการเสพฝิ่น และทรงลงโทษผู้เสพติดเช่นกัน ระหว่างสงครามกลางเมืองของสหรัฐอเมริกา (American civil war) ค.ศ. ๑๘๖๑ - ๑๘๖๕ เริ่มมีการนำเข็มฉีดยา เข้าใต้ผิวหนังมาใช้ ทำให้มีผู้นำมอร์ฟีนมาใช้ในลักษณะยาเสพติด ต่อมาเมื่อคนรู้จักการฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ เฮโรอีนซึ่งเป็น diethylated form ของมอร์ฟีนก็ถูกนำมาใช้แทนมอร์ฟีนกลางคริสต์ศตวรรษที่ ๑๙ มีการนำเอาโบรไมด์ (Bromide) มาใช้เป็นยาสงบประสาท และรักษาโรคลมชัก ซึ่งได้รับความนิยมมากพอ ๆ กับยา วาเลียม (Valium) และยาริเบรียม (Librium) ในปัจจุบัน แต่โบรไมด์สำสมในร่างกาย ทำให้เกิดอาการวิกลจริต และลายสมอง อย่างถาวรด้วย ในระยะใกล้เกียงกันก็มีผู้ผลิตยาบาร์บิทุเรท (Barbiturate) และยาสงบ ประสาทตัวอื่น ๆ และได้รับความนิยมใช้อย่าง แพร่หลายเช่นกัน โดยผู้ใช้ไม่ทราบถึง ฤทธิ์ใน การเสพติดของยาเหล่านี้ ปลายคริสตศตวรรษที่ ๑๙ มีผู้พบโคเคนและกัญชาซึ่งมีฤทธิ์ ทำให้
จิตใจสบาย โคเคนพบว่า มีประโยชน ์ทางการรักษาโรคด้วยโดยใช้เป็นยาชาเฉพาะที่ดังนั้น โคเคน จึงเป็ฯที่นิยมใช้เป็นผลให้มีการเสพติดโคเคน ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒
แอมเฟตามีนถูกนำมาใช้ในกองทหารญี่ปุ่น เยอรมัน อเมริกัน และอังกฤษ เพื่อให้ร่างกายมีกำลัง กระฉับกระเฉงอยู่ตลอดเวลา พอหลังสงครามยา ซึ่งกองทัพญี่ปุ่นกักตุน ไว้มาก็ทะลักสู่ตลาด ทำให้ประชาชนชาวญี่ปุ่น ใช้ยากันมาก ในปี ค.ศ.๑๙๕๕ คาดว่ามีชาวญี่ปุ่นติดแอมเฟตามีนราว
ร้อยละ ๑ ระหว่าง ค.ศ.๑๙๖๐ - ๑๙๗๐ ในประเทศสวีเดนมีการใช้ยา Phenmetrazine (Preludin) ซึ่งคล้ายแอมเฟตามีน ฉีดเข้าหลอดเลือด ดำด้วย ในสหรัฐเมริกาพวกฮิปปี้ซึ่งเคย นิยมใช้ แอลเอสดี (LSD) หรือ Lysergic Acid Diethylamide) ก็ค่อย ๆ หันมาใช้
แ อมเฟตามีน ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ เช่นกัน ระหว่างปี ค.ศ. ๑๙๖๐ - ๑๙๗๐ ยาหลอนประสาท
เริ่มถูกนำมาใช้และใช้มากหลัง ค.ศ. ๑๙๗๐ ผู้เสพส่วนใหญ่เป็นชาวอเมริกันวัยรุ่นที่มีฐานะทาง เศรษฐกิจปานกลางโดยเริ่มจาก แอลเอสดี ซึ่ง Hofmann เป็นผู้ค้นพบในปี ค.ศ.๑๙๕๓ เนื่องจากแอลเอสดีทำให้เกิดอาการล้าย วิกลจริต จึงมีนักจิตวิเคราะห์บางคนนำมาใช้เพื่อ การรักษาผู้ป่วนด้วย เพราะคิดว่ายานี้จะช่วยกำจัด "Repression" ให้หมดไป ด้วยเหตุที่ยานี้
ผลิตง่ายปัจจุบันจึงเป็นปัญหามากในเมริกา
เนื่องจากกัญชาซึ่งเป็นยาช่วยให้ผู้เสพรู้สึกเป็นสุขและความรู้สึกไวขึ้น เป็นยาที่หาได้ง่าย จึงมีการลักลอบใช้อย่างผิดกฎหมาย กันมาในเมริกา ตั้งแต่ ปี ค.ศ.๑๙๖๐ เป็นต้นในยุโรป ก็เช่นกันเพิ่งจะมีการใช้กัญชาในเวลาไล่เลี่ยกันนี้โดยทหารของกษัตรย์นโปเลียน เป็นผู้นำมาจาก ประเทศอียิปต์ทั้ง ๆ ที่กัญชาเป็นที่นิยมใช้กันอย่างกว้างขวางในประเทศอินเดีย และประเทศ ในเอเชียตะวันออกกลาง มาก่อนหลานศตวรรษ ในสหรัฐนิยมใช้ในคนบางกลุ่ม เช่น พวกนัก ดนตรีแจ๊สและ พวกเม็กซิกันอพยพมาอยู่ในสหรัฐ ในฝรั่งเศสเป็นที่นิยมใช้ในกลุ่มนักประพันธ์
ถ้าจะนับตามจำนวนผู้เสพติด หรือผู้ใช้ยาอย่าง ๆ ผิด ๆ สุราและบุหรี่ น่าจะเป็น สารสำคัญของ ปัญหานี้ แต่เนื่องจากราคาย่อมเยา สามารถหามาเสพได้ง่ายกว่าและไม่ผิดกฎหมาย ทำให้สาร ๒ ชนิดนี้ ดูจะไม่มีความสำคัญเท่าใดนักแต่กัญชา ยาหลอนประสาท และเฮโรอีน จำนวนผู้ใช้ ละ ผู้เสพติดน้อยกว่ากลับเป็นปัญห สำคัญทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฮโรอีนกำลังเป็นปัญหา มากในประเทศไทย และประเทศเพื่อน
บ้านที่อยู่บนคาบสมุทรอินโดจีน ทั้งนี้เพราะเป็นสารซึ่ง มีราคา แพงและผิดกฎหมาย ทั้งอำนาจในการเสพติดก็สูงและวิธีบางวิธียังอาจทำให้เกิด
อันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพจึงก่อให
การแปล กรุณารอสักครู่..