ปรัชญากรีกสมัยเสื่อมโซฟิสต์หลักจากที่จักรพรรคดิยุสติเนียนแห่งโรมได้สั่ การแปล - ปรัชญากรีกสมัยเสื่อมโซฟิสต์หลักจากที่จักรพรรคดิยุสติเนียนแห่งโรมได้สั่ อังกฤษ วิธีการพูด

ปรัชญากรีกสมัยเสื่อมโซฟิสต์หลักจากท

ปรัชญากรีกสมัยเสื่อม
โซฟิสต์



หลักจากที่จักรพรรคดิยุสติเนียนแห่งโรมได้สั่งปิดสำนักปรัชญากรีกที่ไม่นับถือศาสนาคริสต์เมื่อ พ.ศ.1072 ทำให้สำนักปรัชญาอะคาเดมีและลีเซอุมไม่มีการพัฒนาการทางด้านแนวคิดทางปรัชญาแต่อย่างใด ลูกศิษย์ของสำนักเพียงแต่รักษาหลักปรัชญาของอาจารย์ไว้เท่านั้น

นักปรัชญาสมัยนี้มี 5 กลุ่ม และรับแนวคิกทางปรัชญามาจากแหล่งต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. สำนักเอปิคิวเรียนยอมรับทฤษฎีอะตอมหรือปรมณูของเดมอคริตุส
2. สำนักสโตอิกยอมรับทฤษฎีไฟของเฮราคริตุส
3. นักวิมตินิยมได้รับอิทธิพลจากญาณวิทยาของพลาโต้
4. นักสังคหนิยมผสมผสานปรัชญาหลายสำนัก
5. สำนักพลาโต้ใหม่ยอมรับปรัชญาของพลาโต้

เอปิคิวรุส

เอปิคิวรุส เป็นผู้ก่อตั้งสำนักเอปิคิวเรียน ท่านเกิดที่เกาะซามอส ศึกษาปรัชญาของเดมอคริตุสจากครูชื่อนอซิฟาเนส ท่านศึกษาปรัชญาในหลายสำนัก เอปิคิวรุสได้เปิดสอนปรัชญาที่กรุงเอเธนส์โดยใช้สวนของท่านเป็นสถานศึกษา เน้นการสอนศิษย์ให้ท่องจำหลักปรัชญาสำคัญๆ

ศิษย์ของเอปิคิวรุสผู้มีชื่อเสียงโด่งดังคือกวีชาวโรมันชื่อลูเครติอุส เขาได้เขียนอธิบายหลักปรัชญาของเอปิคิวรุสไว้ในกวีนิพนธ์เรื่อง ว่าด้วยธรรมชาติของสรรพสิ่ง

ญาณวิทยา เดมอคริตุสเป็นนักเหตุผลนิยม เพราะเห็นว่าความรู้แท้เกิดจากการใช้เหตุผล ไม่ใช่ประสาทสัมผัส แต่เอปิคิวรุส ก็เป็นนักประสบการณ์นิยม เพราะเสนอทัศนะว่าความรู้แท้เกิดจากสัญชานหรือประสาทสัมผัส

อภิปรัชญา เอปิคิวรุสเป็นนักวัตถุนิยม เพราะเขายอมรับแนวความคิดของเดมอคริตุสที่ว่า สรรพสิ่งเกิดจาการรวมตัวของปรมณู แม้วิญญาณก็เกิดจากปรมณู เมื่อมนุษย์ถึงแก่ความตาย วิญญาณก็ดับสลาย มนุษย์ตายแล้วสูญ ปรัชญาของเอปิคิวรุสเป็นอุจเฉททิฐิ

จริยศาตร์ เอปิคิวรุสมีทัศนะคล้ายกับของโวฟิสต์ที่ว่าไม่มีความดีสากลและความชั่วสากล คุณธรรมไม่ใช่ความดีในตัวเองความแตกต่างของทัศนะทั้งสองอยู่ตรงที่ว่า ขณะที่โซฟิสต์เห็นว่าความมีประโยชน์เป็นเกณฑ์ตัดสินความดี แต่เอปิคิวรุสเห็นว่าความสุขหรือความสำราญเป็นเกณฑ์ตัดสินความดี นั่นคือการกระทำที่นำความสุขมาให้เป็นความดี ส่วนการกระทำที่นำความทุกข์มาให้เป็นความชั่ว

สำนักสโตอิก

เซโนแห่งคิติอุมเป็นนักปรัชญาผู้ก่อตั้งสำนักสโตอิก เซโนได้ศึกษาปรัชญาของเฮราคลีตุสอย่างจริงจัง หลังจากศึกษาปรัชญาอยู่หลายปี เซโนได้ตั้งสำนักปรัชญาของตนขึ้น โดยใช้บริเวณระเบียงของซุ้มประตูเมืองเป็นที่สอนปรัชญา คำว่า “สโตอา” ในภาษากรีกแปลว่า “ประตูเมือง” เหตุนั้นสำนักนี้จึงมีชื่อว่า “สโตอิก” แปลว่าสำนักประตูเมือง ศิษย์ของเซโนมาจากทุกชั้นวรรณะ มีทั้งคนจนและคนมั่งมี เซโนไม่นิยมรับเด็กหนุ่มเป็นศิษย์ เพราะถือว่าคนมีอายุและวุฒิภาวะเหมาะสมเท่านั้นจะสามารถเรียนรู้ปรัชญา

เซโนถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ.379 ภายหลังมรณกรรมของเซโนสำนักสโตอิกยังคงรุ่งเรืองต่อมาอีกหลายศตวรรษ พัฒนาการของสำนักนี้แบ่งออกเป็น 3 ยุค ดังนี้

1. สำนักสโตอิกเก่า มีนักปรัชญาสำคัญคือ เซโนแห่งคิติอุม เคลอันรีส และครีซิปปุส
2. สำนักสโตอิกกลาง มีนักปรัชญาสำคัญคือ ปาเนติอุสและโปเซอีโดนีอุส
3. สำนักาสโตอิกใหม่ มีนักปรัชญาสัญคือ อันเนอุส เซเนคา เอปิคเตตุสและจักรพรรดิมาร์คุส เอาเรลีอุส

ปรัชญาสำนักสโตอิก

ปรัชญาสำนักสโตอิกแบ่งเป็น 3 สาขา คือตรรกศาสตร์ อภิปรัชญา และจริยศาสตร์ พวกสโตอิกถือว่าเป้าหมายของปรัชญาอยู่ที่การแสวงหารากฐานให้กับจริยศาสตร์

ตรรกศาสตร์

สโตอิกเหมือนกับตรรกศาสตร์ของอาริสโตเติล ต่างกันคือประเด็นว่า ประโยคเท่านั้นที่เราบอกว่าจริงหรือเท็จ ประโยคจึงเป็นพื้นฐานของเหตุผล หาใช่คำ ดังที่อาริสโตเติลเสนอ คำเป็นเพียงองค์ประกอบของประโยค ตัดสินความสมเหตุสมผลกันที่ประโยคต่างหาก ทัศนะนี้ทำให้ครีซิปบุสได้ชื่อว่าเป็นผู้ค้นพบตรรกศาสตร์แห่งประโยค ซึ่งต่อมากลายมาเป็นตรรกศาสตร์สัญลักษณ์

เรื่องทฤษฎีความรู้ที่พวกสโตอิกจัดเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตรรกศาสตร์ ประเด็นที่เกี่ยวกับทฤษฎีความรู้ บ่อเกิกดของความรู้และเกณฑ์ตัดสินความจริง เสนอมติว่า สัญชานเป็นบ่อเกิดของความรู้

สโตอิกปฏิเสธทฤษฎีมโนคติหรือแบบของพลาโต้และอริสโตเติล เขาเห็นว่าไม่มีสิ่งสากลอยู่ในโลกแห่งมโนคติ ทั้งไม่มีสิ่งสากลแทรกสถิตอยู่ภายในสิ่งเฉพาะ สิ่งเฉพาะเท่านั้นที่มีอยู่จริง สิ่งสากลไม่มีจริง

ปรัชญาของสโตอิกเป็นประสบการณ์นิยม ประสบการณ์นิยมถือว่าความรู้ทุกอย่างมาจากสัญชาน

สโตอิกให้ความสนใจศึกษษเรื่องเกณฑ์ตัดสินความจริง มีทัศนะว่า ประสาทสัมผัสหรือสัญชานเป็นเกณฑ์มาตรฐานสำหรับตัดสินความจริง สโตอิกเพิ่มเติมว่า สัญชานใดจะให้ความรู้แท้จริงหรือไม่ นั่นขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ส่า สัญชานนั้นสามารถทำให้จิตมีการปลงใจได้หรือไม การปลงใจก็คืออาการที่จิตยอมรับ ภาพที่เห็นหรือเสียงที่ได้ยิน

อภิปรัชญา

สโตอิกยอมรับทัศนะเรื่องไฟเป็นปฐมธาตุของดลกจากเฮราคลีตุส นำมาผสมผสานกับแนวคิดเรื่องกัตตุภาวะและกัมมภาวะของอาริสโตเติล

สโตอิกมีทัศนะว่าจักรวาลเกิดมาจากหลักการเบื้องต้น 2 ประการ คือกัตตุภาวะที่เป็นฝ่ายเคลื่อนไหวกระทำการและก่อสร้างสรรพสิ่ง และกัมมภาวะที่เป็นฝ่ายถูกเคลื่อนที่ ถูกกระทำและถูกก่อสร้าง กัตตุภาวะหมายถึงพระเจ้าและกัมมภาวะหมายถึงสสาร พระเจ้าและสสารเป็นสิ่งเดียวกัน สโตอิกถือว่าไฟเป็นสิ่งแรกสุดของจักรวาล สรรพสิ่งออกมาจากไฟและกลับไปสู่ไฟ พระเจ้าคือไฟ สสารก็คือไฟ ไฟที่ละเอียดประณีตจัดเป็นพระเจ้า ส่วนไฟที่หยาบจัดเป็นสสาร

วิญญาณมนุษย์เกิดจากไฟคือพระเจ้า วิญญาณมนุษย์มาจากพระเจ้าไม่ได้หมายถึงวิญญาณทุกดวงแต่หมายถึงวิญญาณของมนุษย์คนแรกเท่านั้นที่มาจากพระเจ้า วิญญาณของคนที่ตายทุกคนจะรออยู่จนถึงวันที่ไฟไหม้โลกแล้วจึงกลับไปสู่พระเจ้า

จริยศาสตร์

พัฒนามาจากแนวคิดทางอภิปรัชญา 2 ประการ คือ 1. จักรวาลถูกปกครองด้วยกฎเหตุผลที่ตายตัว และ 2. ธรรมชาติอันเป็นแก่นแท้ของมนุษย์ คืการคิดอย่างมีเหตุผลที่ตระหนักรู้กฏธรรมชาติและพร้อมที่จะปฏิบัติตามกฎเหล่านั้น วิธีดำเนินชีวิตที่ดีในทัศนะของพวกสโตอิกก็คือ “มีชีวิตอยู่ตามธรรมชาติ” หมายความว่า มนุษย์ควรย่อมรับและปฏิบัติตามกฎเหตุผลในธรรมชาติโดยไม่ฝ่าฝืนหรือหลีกเลี่ยงแต่ประการใด

วิมตินิยมและสังคหนิยม

สิ่งที่ชาวโรมันคือผสมผสานปรัชญากรีกเด่นๆ เข้าด้วยกั
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ปรัชญากรีกสมัยเสื่อมโซฟิสต์หลักจากที่จักรพรรคดิยุสติเนียนแห่งโรมได้สั่งปิดสำนักปรัชญากรีกที่ไม่นับถือศาสนาคริสต์เมื่อ พ.ศ.1072 ทำให้สำนักปรัชญาอะคาเดมีและลีเซอุมไม่มีการพัฒนาการทางด้านแนวคิดทางปรัชญาแต่อย่างใด ลูกศิษย์ของสำนักเพียงแต่รักษาหลักปรัชญาของอาจารย์ไว้เท่านั้น นักปรัชญาสมัยนี้มี 5 กลุ่ม และรับแนวคิกทางปรัชญามาจากแหล่งต่างๆ ดังต่อไปนี้ 1. สำนักเอปิคิวเรียนยอมรับทฤษฎีอะตอมหรือปรมณูของเดมอคริตุส 2. สำนักสโตอิกยอมรับทฤษฎีไฟของเฮราคริตุส 3. นักวิมตินิยมได้รับอิทธิพลจากญาณวิทยาของพลาโต้ 4. นักสังคหนิยมผสมผสานปรัชญาหลายสำนัก 5. สำนักพลาโต้ใหม่ยอมรับปรัชญาของพลาโต้เอปิคิวรุส เอปิคิวรุส เป็นผู้ก่อตั้งสำนักเอปิคิวเรียน ท่านเกิดที่เกาะซามอส ศึกษาปรัชญาของเดมอคริตุสจากครูชื่อนอซิฟาเนส ท่านศึกษาปรัชญาในหลายสำนัก เอปิคิวรุสได้เปิดสอนปรัชญาที่กรุงเอเธนส์โดยใช้สวนของท่านเป็นสถานศึกษา เน้นการสอนศิษย์ให้ท่องจำหลักปรัชญาสำคัญๆ ศิษย์ของเอปิคิวรุสผู้มีชื่อเสียงโด่งดังคือกวีชาวโรมันชื่อลูเครติอุส เขาได้เขียนอธิบายหลักปรัชญาของเอปิคิวรุสไว้ในกวีนิพนธ์เรื่อง ว่าด้วยธรรมชาติของสรรพสิ่ง ญาณวิทยา เดมอคริตุสเป็นนักเหตุผลนิยม เพราะเห็นว่าความรู้แท้เกิดจากการใช้เหตุผล ไม่ใช่ประสาทสัมผัส แต่เอปิคิวรุส ก็เป็นนักประสบการณ์นิยม เพราะเสนอทัศนะว่าความรู้แท้เกิดจากสัญชานหรือประสาทสัมผัส อภิปรัชญา เอปิคิวรุสเป็นนักวัตถุนิยม เพราะเขายอมรับแนวความคิดของเดมอคริตุสที่ว่า สรรพสิ่งเกิดจาการรวมตัวของปรมณู แม้วิญญาณก็เกิดจากปรมณู เมื่อมนุษย์ถึงแก่ความตาย วิญญาณก็ดับสลาย มนุษย์ตายแล้วสูญ ปรัชญาของเอปิคิวรุสเป็นอุจเฉททิฐิ จริยศาตร์ เอปิคิวรุสมีทัศนะคล้ายกับของโวฟิสต์ที่ว่าไม่มีความดีสากลและความชั่วสากล คุณธรรมไม่ใช่ความดีในตัวเองความแตกต่างของทัศนะทั้งสองอยู่ตรงที่ว่า ขณะที่โซฟิสต์เห็นว่าความมีประโยชน์เป็นเกณฑ์ตัดสินความดี แต่เอปิคิวรุสเห็นว่าความสุขหรือความสำราญเป็นเกณฑ์ตัดสินความดี นั่นคือการกระทำที่นำความสุขมาให้เป็นความดี ส่วนการกระทำที่นำความทุกข์มาให้เป็นความชั่ว สำนักสโตอิก เซโนแห่งคิติอุมเป็นนักปรัชญาผู้ก่อตั้งสำนักสโตอิก เซโนได้ศึกษาปรัชญาของเฮราคลีตุสอย่างจริงจัง หลังจากศึกษาปรัชญาอยู่หลายปี เซโนได้ตั้งสำนักปรัชญาของตนขึ้น โดยใช้บริเวณระเบียงของซุ้มประตูเมืองเป็นที่สอนปรัชญา คำว่า “สโตอา” ในภาษากรีกแปลว่า “ประตูเมือง” เหตุนั้นสำนักนี้จึงมีชื่อว่า “สโตอิก” แปลว่าสำนักประตูเมือง ศิษย์ของเซโนมาจากทุกชั้นวรรณะ มีทั้งคนจนและคนมั่งมี เซโนไม่นิยมรับเด็กหนุ่มเป็นศิษย์ เพราะถือว่าคนมีอายุและวุฒิภาวะเหมาะสมเท่านั้นจะสามารถเรียนรู้ปรัชญา
เซโนถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ.379 ภายหลังมรณกรรมของเซโนสำนักสโตอิกยังคงรุ่งเรืองต่อมาอีกหลายศตวรรษ พัฒนาการของสำนักนี้แบ่งออกเป็น 3 ยุค ดังนี้

1. สำนักสโตอิกเก่า มีนักปรัชญาสำคัญคือ เซโนแห่งคิติอุม เคลอันรีส และครีซิปปุส
2. สำนักสโตอิกกลาง มีนักปรัชญาสำคัญคือ ปาเนติอุสและโปเซอีโดนีอุส
3. สำนักาสโตอิกใหม่ มีนักปรัชญาสัญคือ อันเนอุส เซเนคา เอปิคเตตุสและจักรพรรดิมาร์คุส เอาเรลีอุส

ปรัชญาสำนักสโตอิก

ปรัชญาสำนักสโตอิกแบ่งเป็น 3 สาขา คือตรรกศาสตร์ อภิปรัชญา และจริยศาสตร์ พวกสโตอิกถือว่าเป้าหมายของปรัชญาอยู่ที่การแสวงหารากฐานให้กับจริยศาสตร์

ตรรกศาสตร์

สโตอิกเหมือนกับตรรกศาสตร์ของอาริสโตเติล ต่างกันคือประเด็นว่า ประโยคเท่านั้นที่เราบอกว่าจริงหรือเท็จ ประโยคจึงเป็นพื้นฐานของเหตุผล หาใช่คำ ดังที่อาริสโตเติลเสนอ คำเป็นเพียงองค์ประกอบของประโยค ตัดสินความสมเหตุสมผลกันที่ประโยคต่างหาก ทัศนะนี้ทำให้ครีซิปบุสได้ชื่อว่าเป็นผู้ค้นพบตรรกศาสตร์แห่งประโยค ซึ่งต่อมากลายมาเป็นตรรกศาสตร์สัญลักษณ์

เรื่องทฤษฎีความรู้ที่พวกสโตอิกจัดเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตรรกศาสตร์ ประเด็นที่เกี่ยวกับทฤษฎีความรู้ บ่อเกิกดของความรู้และเกณฑ์ตัดสินความจริง เสนอมติว่า สัญชานเป็นบ่อเกิดของความรู้

สโตอิกปฏิเสธทฤษฎีมโนคติหรือแบบของพลาโต้และอริสโตเติล เขาเห็นว่าไม่มีสิ่งสากลอยู่ในโลกแห่งมโนคติ ทั้งไม่มีสิ่งสากลแทรกสถิตอยู่ภายในสิ่งเฉพาะ สิ่งเฉพาะเท่านั้นที่มีอยู่จริง สิ่งสากลไม่มีจริง

ปรัชญาของสโตอิกเป็นประสบการณ์นิยม ประสบการณ์นิยมถือว่าความรู้ทุกอย่างมาจากสัญชาน

สโตอิกให้ความสนใจศึกษษเรื่องเกณฑ์ตัดสินความจริง มีทัศนะว่า ประสาทสัมผัสหรือสัญชานเป็นเกณฑ์มาตรฐานสำหรับตัดสินความจริง สโตอิกเพิ่มเติมว่า สัญชานใดจะให้ความรู้แท้จริงหรือไม่ นั่นขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ส่า สัญชานนั้นสามารถทำให้จิตมีการปลงใจได้หรือไม การปลงใจก็คืออาการที่จิตยอมรับ ภาพที่เห็นหรือเสียงที่ได้ยิน

อภิปรัชญา

สโตอิกยอมรับทัศนะเรื่องไฟเป็นปฐมธาตุของดลกจากเฮราคลีตุส นำมาผสมผสานกับแนวคิดเรื่องกัตตุภาวะและกัมมภาวะของอาริสโตเติล

สโตอิกมีทัศนะว่าจักรวาลเกิดมาจากหลักการเบื้องต้น 2 ประการ คือกัตตุภาวะที่เป็นฝ่ายเคลื่อนไหวกระทำการและก่อสร้างสรรพสิ่ง และกัมมภาวะที่เป็นฝ่ายถูกเคลื่อนที่ ถูกกระทำและถูกก่อสร้าง กัตตุภาวะหมายถึงพระเจ้าและกัมมภาวะหมายถึงสสาร พระเจ้าและสสารเป็นสิ่งเดียวกัน สโตอิกถือว่าไฟเป็นสิ่งแรกสุดของจักรวาล สรรพสิ่งออกมาจากไฟและกลับไปสู่ไฟ พระเจ้าคือไฟ สสารก็คือไฟ ไฟที่ละเอียดประณีตจัดเป็นพระเจ้า ส่วนไฟที่หยาบจัดเป็นสสาร

วิญญาณมนุษย์เกิดจากไฟคือพระเจ้า วิญญาณมนุษย์มาจากพระเจ้าไม่ได้หมายถึงวิญญาณทุกดวงแต่หมายถึงวิญญาณของมนุษย์คนแรกเท่านั้นที่มาจากพระเจ้า วิญญาณของคนที่ตายทุกคนจะรออยู่จนถึงวันที่ไฟไหม้โลกแล้วจึงกลับไปสู่พระเจ้า

จริยศาสตร์

พัฒนามาจากแนวคิดทางอภิปรัชญา 2 ประการ คือ 1. จักรวาลถูกปกครองด้วยกฎเหตุผลที่ตายตัว และ 2. ธรรมชาติอันเป็นแก่นแท้ของมนุษย์ คืการคิดอย่างมีเหตุผลที่ตระหนักรู้กฏธรรมชาติและพร้อมที่จะปฏิบัติตามกฎเหล่านั้น วิธีดำเนินชีวิตที่ดีในทัศนะของพวกสโตอิกก็คือ “มีชีวิตอยู่ตามธรรมชาติ” หมายความว่า มนุษย์ควรย่อมรับและปฏิบัติตามกฎเหตุผลในธรรมชาติโดยไม่ฝ่าฝืนหรือหลีกเลี่ยงแต่ประการใด

วิมตินิยมและสังคหนิยม

สิ่งที่ชาวโรมันคือผสมผสานปรัชญากรีกเด่นๆ เข้าด้วยกั
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
Greek philosophy from degeneration
sophist



after emperor the Yus Tinian of Rome to the Greek ปรัชญาก not Christian. BC1072 makes the philosophy and the Lyceum academy development performance philosophical concept. The followers of the only treatment philosophy of teacher only

.Philosophers today are 5 group. And get the kick in philosophy from various sources, the following
1 Bureau a table students accept queue atomic theory or parama particle of Notre Dame, RI and
2 Bureau stoick accept fire of RA and critical theory.
3.Much skepticism is influenced by the epistemology of Plato
4. It combines many of philosophy to cheer team seriously
5. The new philosophy of Plato accepted Plato

a table of Rus, queue

.A table of Rus, is the founder of a queue queue class, you were born on the island off Samos. A study of philosophy of Notre Dame, RI and from teacher name is SIF made. He studied philosophy in office.Emphasis on teaching students to memorize the philosophy the
.Disciple of a table
Q Rus celebrity famous Roman poet named Lou is เครติ Deus. He has written to explain the philosophy of a table of Rus in the poetry of the queue On the nature of things

.
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: