วิวัฒนาการของเครื่องบิน ถ้าพูดถึงเค

วิวัฒนาการของเครื่องบิน
ถ้าพูดถึงเครื่องบินหลายๆ คนคงรู้จักกันเป็นอย่างดีแต่เคยมีใครสงสัยมั๊ยคะว่าเครื่องบินนั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เกิดขึ้นมาตอนไหนและใครเป็นคนสร้าง เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าเครื่องบินมีความเป็นมาและวิวัฒนาการอย่างไรบ้าง


นานมาแล้วที่มนุษย์มีความฝันที่จะบินได้เหมือนนกและความคิดนี้ได้ทำให้มนุษย์พยายามเสาะแสวงหาวิธีการที่จะทำให้มนุษย์บินได้ ในปีค.ศ.1060 บาทหลวงไอส์เมอร์ชาวอังกฤษ เลียนแบบการบินของนกด้วยการติดปีกที่แขนขาของตนเอง แล้วกระโดดลงมาจากยอดอารามในมังเมสบิวรี่ ร่างของเขาหล่นลงมากระแทกพื้นดินจนแขนและขาทั้งสองข้างหักในทันที แต่ความพยายามของมนุษย์ก็ไม่ได้ลดละ จนในที่สุดก็ประสบความสำเร็จเมื่อสองพี่น้องตระกูลมองต์โกลฟิเอร์ ชาวฝรั่งเศสนำบัลลูนขึ้นสุ่ฟากฟ้าได้เป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1783 โดยจุดไฟไว้ด้านล่างเพื่อให้อากาศภายในร้อนทำให้เบากว่าอากาศข้างนอกและสามารถลอยอยู่ในอากาศได้นานถึง 25 นาที


ปี ค.ศ.1853 จอร์จ เคย์ลีย์ วิศวกรชาวอังกฤษเป็นบุคคลแรกที่เห็นว่าการใช้ปีกบินเลียนแบบนกไม่ได้ผล เขาจึงสร้างเครื่องร่อนขึ้นในปี ค.ศ. 1853 และให้คนขับรถม้าเป็นผู้ทดสอบการบินที่แสนโหด จนที่สุดคนขับรถม้าของเขาก็ลาออกด้วยเหตุผลที่ว่า "ผมถูกจ้างมาขับรถ ไม่ใช่มาบิน"

ต่อมาในปี ค.ศ.1891-96 ออตโต ลิเลียนธัล ชาวเยอรมันพยายามพัฒนารูปแบบเครื่องร่อนของเคย์ลีย์ เขาใช้ไม้ประเภทสนุ่นมาเป็นโครงในการยึดผืนผ้าใบ และใช้เนินดินสูงเป็นลานในการบินร่อน ออตโต เพียรทดลองเป็นพันครั้งแต่แล้วเขาก็ต้องจบชีวิตลงในการทดลองครั้งสุดท้าย เมื่อลมกรรโชกทำให้ผืนผ้าใบที่แสนจะบอบบางขาดในที่สุด

ปี ค.ศ.1903 การบินอย่างแท้จริงที่ประสบความสำเร็จครั้งแรกโดยพี่น้องตระกูลไรท์(Wright) ชาวสหรัฐอเมริกาที่เมือง Kitty Hawk ในมลรัฐแคโรไลน่าเหนือ ได้ทำการทดลองกับเครื่องร่อนหลายครั้งเพื่อจะค้นหาวิธีบังคับเครื่องบิน ในที่สุดก็ค้นพบว่าเครื่องบินของเค้าควรมีหางและมีอุปกรณ์ควบคุมอยู่ที่ปลายปีก โดยมีเชือกโยงจากที่นั่งของนักบินไปยังปลายปีกทั้ง 2 ข้าง เพื่อปรับมุมปลายปีกข้างใดข้างหนึ่ง ให้เครื่องบินเลี้ยวได้เช่นเดียวกับนกใช้กล้ามเนื้อปีกของมันในการบินนั่นเอง



ปี ค.ศ.1907 กาเบรียลและชาร์ลส ฟัวซิน แห่งฝรั่วเศสเป็นชาวยุโรปบุคคลแรกที่สร้างเครื่องบินได้สำเร็จ เช่นเดียวกับเครื่องร่อนอื่นในยุคนั้นเครื่องบินปีกสองชั้นของเขาเป็นชนิดใบพัดหลังเครื่อง เฮนรี่ฟาร์แมนวิศวกรนักบินบังคับเครื่องบิน ฟัวซินไปได้ระยะทางมากกว่า 1 กิโลเมตร ในปี ค.ศ.1908

ปี ค.ศ.1909 เบลเลียต ด้วยเงินจากการจำหน่ายไฟและอุปกรณ์รถยนต์ที่เขาประดิษฐ์ขึ้นเอง หลุยส์ เบลเลียต ขาวฝรั่งเศสจึงริเริ่มสร้างเครื่องบินขึ้นบ้าง ผลงานสร้างชื่อเสียงของเขาคือ การบินจาก ฝรั่งเศส ผ่านช่องแคบอังกฤษไปยังเมืองโดเวอร์ ประเทศอังกฤษได้ แสดงให้เห็นว่าเป็นการเดินทางจากทวีปยุโรปสู่สหราชอาณาจักรโดยเครื่องบินอย่างปลอดภัย

เบลเลียต


หลังจากนั้นเครื่องบินก็บินได้นานขึ้นและปลอดภัยขึ้น เมื่อความคิดที่จะบินขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นผลสำเร็จ การสร้างเครื่องบินในเวลาต่อมา ก็กลายเป็นการพัฒนาเครื่องบินเพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป

ปี ค.ศ.1911 เคอร์ติส กับ โฟล์ทพลน เกลน เคอร์ติส ชาวอเมริกันมีความคิดว่า เครื่องบินต้องใช้พื้นที่ดินเปล่าเป็นจำนวนมากในการลงจอด เขาจึงประดิษฐ์เครื่องบินที่สามารถร่อนลงจอดบนผิวน้ำได้ในปี ค.ศ.1911 และเป็นเครื่องบินชนิดแรกที่สามารถบินขึ้นและร่อนลงจอดจากดาดฟ้าเรือได้


ปี ค.ศ.1912 อัฟโฟร 504 อัฟโฟร เป็นชื่อสั้นๆที่นักประดิษฐ์เครื่องบินชาวอังกฤษ เอ.วี.โร เป็นผู้ตั้งให้กับเครื่องบินในบริษัทของเขา อัฟโฟร 504 เป็นรุ่นที่ทรงประสิทธิภาพและถูกผลิตขึ้นถึง 10,000 ลำ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการฝึกบิน และการจู่โจมทางอากาศ

อัฟโฟร 504

ปี ค.ศ.1913 ฟาร์แมน เอฟ 40 เฮนรี ฟาร์แมน มีผลงานสร้างชื่อเสียงอีกครั้งเมื่อเขากับน้องชาย มัวริซ ร่วมกันสร้างเครื่องบิน เอฟ 40 ให้กับกองทัพใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 (ค.ศ.1914-1918) เพื่อลาดตระเวน แต่ต่อมาได้พัฒนามากขึ้น กลายเป็นเครื่องบินสำหรับทิ้งระเบิดเครื่องแรกของโลก


ปี ค.ศ.1918 พ็อคเกอร์ ดี.เซเวน ฟ็อคเกอร์ ฟลุกซัวเวิร์ค ชาวเยอรมัน เป็นบุคคลแรกที่สร้างเครื่องบินรบขึ้น เขาติดตั้งปืนกลที่ใบพัดเครื่อง ดังนั้นกระสุนจึงสาดกระจายไปทุกทิศทาง ดี.เซเวน เครื่องนี้จึงได้ชื่อว่าเป็นเครื่องบินรบที่มีอนุภาพมากที่สุดในยุค 1918



ปี ค.ศ.1919 อัลค็อค และบราวน์ นักบินชาวอังกฤษ จอห์น วิลเลียม และ อาร์เธอร์ ไวท์เทน บราวน์ คือนักบินคู่แรกที่บินข้ามหาสมุทรแอตแลนติก ได้โดยไม่หยุดพักเลยในปี ค.ศ.1919 เขาใช้เวลาในการเดินทางครั้งนั้น 4 วัน กับอีก 16.5 ชั่วโมง นับเป็นการบินระยะไกลที่สุดเท่าที่เคยมีมา

เครื่องบินที่อัลค็อคและบราวน์ใช้บินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกโดยไม่หยุดพักเป็นครั้งแรก

ปี ค.ศ.1927 ล็อกฮีด เวกา ล็อกฮีด เวกา เครื่องบินโดยสารสัญชาติอเมริกันถูกสร้างขึ้นในปี 1927 มันมีความเร็ว 177 กิโลเมตร/ชั่วโมง บรรทุกผู้โดยสารได้ 6 คน และไปได้ไกลถึง 885 กิโลเมตร (550 ไมล์) ด้วยปีกที่สร้างขึ้นสูงกว่าส่วนลำตัวเครื่องบินที่เพรียวลมทำให้รูปทรงมันคล้ายเครื่องบินโดยสารยุคปัจจุบัน

ปี ค.ศ.1927 ชาร์ล ออกัสตุส ลินเบิร์ก วัย 25 ปี ผู้เป็นนักบินคนแรกที่บินเดี่ยวโดยไม่หยุดพัก ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก จากนครนิวยอร์กไปยังปารีส โดยใช้เครื่องบินใบพัด ปีกชั้นเดียว ชื่อ สปิริตออฟเซนต์หลุยส์ เมื่อวันที่ 20-21 ค.ศ.1927

ปี ค.ศ.1930 จังเกอร์ส 52 ในช่วงระหว่างสงครามโลกทั้งสองครั้ง อากาศยานทุกประเภทถูกพัฒนาให้เจริญเติบโตขึ้น รวมทั้งอำนวยความสะดวกสลายในการเดินทางมากยิ่งขึ้น บริษัท จังเกอร์ แห่งประเทศเยอรมันนี ได้สร้างเครื่องบินขนาด 3 เครื่องยนต์ซึ่งเป็นเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ขึ้น ต่อมาจึงได้มีการสร้าง รุ่น 52 เอส และ เจยู 52/3 เอ็มเอสขึ้นตามลำดับ

ปี ค.ศ.1933 โบอิ้ง 247 ได้ถือกำเนิดขึ้นแทนที่จะใช้ผ้าใบหรือกรอบไม้ในการประกอบตัวถังเครื่องบินอย่างที่แล้วมา โบอิ้ง 247 คือเครื่องบินที่แข็งแกร่งเพราะสร้างขึ้นจากเหล็ก นับว่าเป็นยุดสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจังและถือเป็นต้นกำเนิดเครื่องบินโดยสารในปัจจุบันด้วย

โบอิ้ง 247

ปี ค.ศ.1931 ซูเปอร์มารีน เอส 6 บี ในการแข่งขันคว

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

The evolution of the aircraft. If talking about their aircraft, known as well, but never has anyone doubt right know that aircraft happens to come? Past episodes where and who created us together better than that of the airplane is coming and evolution? A man with a dream to fly like a bird, and this idea of men trying to searching how to make humans fly. In some British critics bishops 1060 Mimic the flight of a bird with a wing-mounted limbs of ourselves. The popular adidas laeokradot RAM in the Memphis business south of Mangalore. His body is very rathaek the ground until a broken arm and leg, but human effort, it is not kept, until finally succeeded when the two brothers as well as Gu ongklofi air just. The people of France brought up the skies as su banlun first time in 1783. By a fire below, so that the hot air inside cause lighter than the air outside, and you can float in the air for a long time to 25 minutes. In 1853 George Kay map The first British engineer is a person who sees the use of simulated flight bird wings. He created the glider in 1853, and the people driving the horse as a test which the poorest people is cruel, driving his horse suddenly resigned for reasons that "I was not driving a hired plane". In the years 1891-96, Otto Lilian than The German attempt to develop a model glider of Boracay map. They use wood supports in principle comes into the canvas, and use the Hill as a yard high in clay to fly Ron Otto. The trial is a thousand times but then phian, they must end their lives down in the last trial. When the wind makes the canvas to threaten the fragile is missing. In 1903 Flying truly succeeded for the first time by the brothers as well as Gu larai (Wright). Kitty Hawk, in the United States that the people of the city state of North Carolina have made an experiment with the glider many times in order to find out how air force. Finally, it was found that the plane's tail, and should have a layout control wing. With a rope tied from the pilot's seat to the end of the wings on both sides to adjust the angle of the end of the wings on either side. Turning to the plane, as well as the birds take wing, it's muscle to fly themselves. In 1907 Gabriel and Charles foie Xin Farua property is set, the first person to create a European plane. As with other glider airplane wings, then two layers of his propeller-type a. Henry farm is a mandatory pilot flight engineer man foie SI napai have more than 1 km distance in year 1908. In 1909, with money from the Belle Italia. dealers and car accessories that he fabricated a custom Louis Belle Italia White Watch, it's creating initiatives Air France.? His famous work is to fly from France via the English Channel Dover, England to the town. Suggests that a journey from Europe to the United Kingdom by the plane safely.Bella Italia.After that, the plane was flying for a long time, and safety. Once thought to be flying up to the sky is a success. The creation of the plane subsequently became development aircraft for a purpose. 1911 Curtis, with American troops from mountain Glen Curtis fot is the idea that the plane must land a lot of empty space in the landing. His invention of the plane can be landed on the surface of the water landing was in 1911 and was the first type of aircraft that can fly and glide landing from the deck. In 1912 the name Afro Afro 504 is a short British airplane inventors. A. v is set to roll. the plane in his company. Afro is powerful and 504 were produced up to 10000 ships intended to be used in flight training and air attacks.อัฟโฟร 504 ปี ค.ศ.1913 ฟาร์แมน เอฟ 40 เฮนรี ฟาร์แมน มีผลงานสร้างชื่อเสียงอีกครั้งเมื่อเขากับน้องชาย มัวริซ ร่วมกันสร้างเครื่องบิน เอฟ 40 ให้กับกองทัพใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 (ค.ศ.1914-1918) เพื่อลาดตระเวน แต่ต่อมาได้พัฒนามากขึ้น กลายเป็นเครื่องบินสำหรับทิ้งระเบิดเครื่องแรกของโลก ปี ค.ศ.1918 พ็อคเกอร์ ดี.เซเวน ฟ็อคเกอร์ ฟลุกซัวเวิร์ค ชาวเยอรมัน เป็นบุคคลแรกที่สร้างเครื่องบินรบขึ้น เขาติดตั้งปืนกลที่ใบพัดเครื่อง ดังนั้นกระสุนจึงสาดกระจายไปทุกทิศทาง ดี.เซเวน เครื่องนี้จึงได้ชื่อว่าเป็นเครื่องบินรบที่มีอนุภาพมากที่สุดในยุค 1918 ปี ค.ศ.1919 อัลค็อค และบราวน์ นักบินชาวอังกฤษ จอห์น วิลเลียม และ อาร์เธอร์ ไวท์เทน บราวน์ คือนักบินคู่แรกที่บินข้ามหาสมุทรแอตแลนติก ได้โดยไม่หยุดพักเลยในปี ค.ศ.1919 เขาใช้เวลาในการเดินทางครั้งนั้น 4 วัน กับอีก 16.5 ชั่วโมง นับเป็นการบินระยะไกลที่สุดเท่าที่เคยมีมาเครื่องบินที่อัลค็อคและบราวน์ใช้บินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกโดยไม่หยุดพักเป็นครั้งแรก ปี ค.ศ.1927 ล็อกฮีด เวกา ล็อกฮีด เวกา เครื่องบินโดยสารสัญชาติอเมริกันถูกสร้างขึ้นในปี 1927 มันมีความเร็ว 177 กิโลเมตร/ชั่วโมง บรรทุกผู้โดยสารได้ 6 คน และไปได้ไกลถึง 885 กิโลเมตร (550 ไมล์) ด้วยปีกที่สร้างขึ้นสูงกว่าส่วนลำตัวเครื่องบินที่เพรียวลมทำให้รูปทรงมันคล้ายเครื่องบินโดยสารยุคปัจจุบัน ปี ค.ศ.1927 ชาร์ล ออกัสตุส ลินเบิร์ก วัย 25 ปี ผู้เป็นนักบินคนแรกที่บินเดี่ยวโดยไม่หยุดพัก ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก จากนครนิวยอร์กไปยังปารีส โดยใช้เครื่องบินใบพัด ปีกชั้นเดียว ชื่อ สปิริตออฟเซนต์หลุยส์ เมื่อวันที่ 20-21 ค.ศ.1927 ปี ค.ศ.1930 จังเกอร์ส 52 ในช่วงระหว่างสงครามโลกทั้งสองครั้ง อากาศยานทุกประเภทถูกพัฒนาให้เจริญเติบโตขึ้น รวมทั้งอำนวยความสะดวกสลายในการเดินทางมากยิ่งขึ้น บริษัท จังเกอร์ แห่งประเทศเยอรมันนี ได้สร้างเครื่องบินขนาด 3 เครื่องยนต์ซึ่งเป็นเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ขึ้น ต่อมาจึงได้มีการสร้าง รุ่น 52 เอส และ เจยู 52/3 เอ็มเอสขึ้นตามลำดับ ปี ค.ศ.1933 โบอิ้ง 247 ได้ถือกำเนิดขึ้นแทนที่จะใช้ผ้าใบหรือกรอบไม้ในการประกอบตัวถังเครื่องบินอย่างที่แล้วมา โบอิ้ง 247 คือเครื่องบินที่แข็งแกร่งเพราะสร้างขึ้นจากเหล็ก นับว่าเป็นยุดสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจังและถือเป็นต้นกำเนิดเครื่องบินโดยสารในปัจจุบันด้วย
โบอิ้ง 247

ปี ค.ศ.1931 ซูเปอร์มารีน เอส 6 บี ในการแข่งขันคว

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

The evolution of the plane
.If talking about several aircraft. People will know each other well, but has anyone ever wonder what happened to that plane? Occurs when, where and who built.

so long ago that humans have a dream to fly like a bird, and this idea makes human beings try to seek seek how to make the human fly. In 2001.1060 pastor Kent. British people. Imitate the bird's flight with the winged arm their legs. Jump down from the top of the monastery in bury's Mace His body fell on the ground until the impact arm and both legs broken immediately.He finally succeeded when the brothers the Mont gol filet er. The French brought up to the sky balloon for the first time in years.Professor 1783 by setting a fire below to make lighter than air within the hot air and can floating in the air for a long time to 25 minutes


. Ad1853 George Cayley, a British engineer is the first person that the wing imitate birds won't work. He created the glider up in 2009.1853 and coachman is extremely brutal, flight test The best driver until his horse resigned for reasons that "I was hired to drive, not fly"

later in the year.1891-96 Otto Lilienthal glider, the German tried to develop a model of the Cayley. He used the wood type willow a project to capture the canvas. And the use of high slope in gliding flight is the Otto.When the wind gusts to canvas extremely subtle lack eventually
.