Nature of God 10 reasons. THE 10 CHARACTERISTCS OF GOD 1: Sovereignty (existence)God is black is as a rule the universe he GON know heavenly กษัริย์ functions and the Earth. His maximum power and maximum power and control of history. The author of Psalm 83 as the first person's image is an excellent father aka."The one who names himself ' Lord ' is the maximum over all the Earth" (Psalm. 83:18 (b)) and, in the end God will be successful, according to the plan.The will of the father.Heaven is like, "is it in the Earth" (Matthew 6:10)Best son, the father said to him, "we have set our King on his thrown rubbing pure serene;" (Psalm 2:6), and as a God.Lamb of God and the perfect man in every respect (the God-man). Jesus Christ the ultimate confirmation ofHis ' from which Jesus came from Heaven by getting us phapen humans. He is perfect God and perfect man. God in the same body (the God-man), in which he shaped with phapen God-man: a will (Philippians 2:5-11), ' said."All authority in heaven, on Earth, would he give it to us" (Matthew. 28:18; (b) in relation to Philippians 2:11; Revelation 19:6). Although Satan is to rule the world (John 12:31; 16:11 compared with), but the will of God even greater plans.He's completely. Those who believe that everyone should mind that Jesus Christ controls history and ensuring that we have a beautiful future (Psalm 33)As a person who has the highest. God's pure Java distribution shape yokong yaya vi bestowed spiritual "each person [believers] by God himself" (1 Corinthians 12:11). 2: Righteousness (righteousness).Righteousness of God is a good God's wonderful in all respects. Water Affairs decree of rapha thai and he has been consistent with your bargain.Perfect him. The Lord is righteous, and it is not the end (absolute righteousness) as opposed to.Righteousness of man and may not meet the standard of God (relative righteousness). "I like everyone has become an act of righteousness, and of all the fabric I like bloody menstruation [translated from the.Hi Reuben] language "(Isaiah 64:6)พระบิดาได้ตรัสถึงความชอบธรรมของพระองค์ว่า"ความชอบธรรมของเราจะอยู่เป็นนิตย์"(อิสยาห์ 51:8ข)และพระบุตรยืนยันถึงความบริสุทธิ์ของพระบิดา(ลูกา 18:19; ยอห์น 17:25)พระคัมภีร์ได้เขียนถึงพระบุตรว่าพระองค์ทรง"บริสุทธิ์ ปราศจากอุบาย ไร้มลทิน แยกจากคนบาปทั้งปวง"(ฮีบรู 7:26)"ชอบธรรม"(1ยอห์น 2:1) และทรงเป็น"ผู้ทรงไม่มีบาป[ไม่มีธรรมชาติบาป]"(2 โครินธ์ 5:21) [(Sin Nature ธรรมชาติปาบ) มนุษย์ทุกคนมีธรรมชาติปาบอยู่ในเซลล์ของร่างกาย(ยกเว้นแต่ความเป็นมนุษย์ของพระเยซูคริสต์)(โรม 6:6; 7:5; 18) ซึ่งถูกสืบทอดทางอสุจิของผู้ชายในเวลาปฏิสนธิ (ปรฐมการ 5:3)ธรรมชาติบาปเป็นแหล่งการล่อ และผลิตกิเลสตัณหาซึ่ง ทำให้มนุษย์กบฎต่อพระเจ้า พระคัมภีร์ได้เรียกธรรมชาติบาปว่า 'คนเก่า'(เอเฟชัส 4:22) เนื้อหนังแห่งบาป(โรม 8:3-4) อาจารย์เปาโลได้เขียนถึงหลักการของบาป การรับธรรมชาติบาป และการตายฝ่ายวิญญาณของมนุษย์ในพระธรรม โรม 7:8-20 และการที่ผู้เชื่อไม่ได้เป็นทาสต่อธรรมชาติบาปใน โรม 8:2-9]และในอนาคตคนทั้งปวงจะทรงเรียกพระองค์ด้วยพระนามว่า"พระผู้เป็นเจ้า ความชอบของเรา"(เยเรมีย์ 23:6) การที่พระวิญญาณทรงพระนามว่า"บริสุทธิ์"ได้เล็งถึงความชอบธรรมอันสมบูรณ์แบบของพระองค์ 3:Justice (ความยุติธรรม)เนื่องจากพระเจ้าทรงยุตธรรมอย่างสมบูรณ์แบบ พระองค์ไม่อาจกระทำต่อผู้ใดด้วยการอธรรม พระเจ้าทรงสัมพันธ์กับมนุษย์ผ่านความยุติธรรมของพระองค์ ด้วยว่า พระองค์จะทรงอวยพรหรือจะพิพากษาลงโทษมนุษย์ก็ขึ้นอยู่กับยุติธรรมของพระองค์ สิ่งใดที่ผิดกับความชอบธรรมของพระเจ้า เช่น บาปส่วนตัวของเรา ความยุติธรรมของพระองค์จำต้องจำต้องลงโทษ สิ่งใดที่ถูกกับความชอบธรรมของพระองค์ เช่น การที่ผู้เชื่อได้รับความชอบธรรมของพระเจ้าเพราะความเชื่อในพระเยซูคริสต์(1โครินธ์ 1:30)ความยุติธรรมของพระองค์ก็จำต้องอวยพรความยุติธรรมและความชอบธรรมของพระเจ้า เมื่อรวมด้วยความรักของพระองค์ ก็กลายเป็นคุณธรรมของพระองค์พระบิดาทรงชอบธรรมในทุกเรื่องที่พระองค์ทรงกระทำต่อมนุนย์(เฉลยธรรมบัญญัติ 32:4; เนหะมีย์ 9:33) พระบิดาทรงประทานพระบุตรให้รับการพิพากษาลงโทษสำหรับบาปของเราแทนเรา ซึ่งเป็นการพระทัยความยุติธรรมและความชอบธรรมของพระบิดา(ยอห์น 3:16; โรม 3:24-26) พระบิดาก็ยังทรงแต่งตั้งพระบุตรให้ทรงเป็น"ผู้พิพากษาอันชอบธรรม"(2 ทิโมธี 4:8) และทรง"ประทานให้พระบุตรมีสิทธิอำนาจที่จะพิพากษด้วย"(ยอห์น 5:27)พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสำแดงความยุติธรรมของพระเจ้าด้วยพันธกิจในการให้โลกรู้แจ้ง"ถึงความผิดบาป ถึงความชอบธรรม และถึงการพิพากษา"(ยอห์น 16:8-11)พระเจ้าไม่ได้พิพากษาลงโทษใครถึงบึงไฟนรกยกเว้นผู้ที่ได้ปฎิเสธความรอดนิรันดร์ ที่พระองคร์ที่พระองค์ทรงประทานแก่ทุกคนผ่านพระเยซูคริสต์เป็นข้อเสนอที่พระองค์ทรงเสนอให้ชาวโลกได้รับตรอดทั้งชีวิตของเขา 4:Love (ความรัก)พระเจ้าทรงเป็นความรักที่ไม่เปลี่ยนแปลงและดำลงอยู่นิรันดร์(1 ยอห์น4:8ข,16) ความรักของมนุษย์ ซึ่งแปรปรวนและเปลี่ยนแปลงเสมอ ไม่อาจเทียบกับความรักของพระองค์ได้ ความรักของพระเจ้าไม่ได้ถูกชักพาไปด้วยอารมณ์ความรักของพระเจ้าไม่ได้แสวงหาการทดแทน และสามารอยู่ได้โดย
ปราศจากการตอยสนองจากผู้อื่น ความรักของพระองค์สามารถดำลงอยู่โดยปราศจากทูตสวรรค์หรือมนุษย์เพราะพระองค์ ทรงเป็นความรัก และทรงมี
ความรักต่อพระองค์เอง
ความรักของพระองค์ทรงสำแดงออกในสามด้าน
1.ความรักที่พระองค์ทรงมีต่อพระองค์เอง(Divine self love) คือ พระเจ้าทรงรักความชอบธรรมของพระองค์เอง ดังนั้น ความรักนี้
ได้เล็งถึงความชอบธรรมอันสมบูรณ์แบบของแต่ละบุคคลในตรีเอกานุภาพ
2.ความรักส่วนตัวของพระเจ้า(Divine personal love) เป็นความรักที่พระองค์ทรงมีต่อผู้เชื่อทุกคนได้รับความชอบธรรมของ
พระเจ้าแล้ว
3.ความรักไม่ส่วนตัวของพระเจ้า(Divine impersonal love) เป็นความรักที่พระองค์ทรงมีต่อผู้ไม่เชื่อทุกคนในฐานะเป็นคน
บาป(ยอห์น 3:16; โรม 5:8) ความรักไม่ส่วนตัวที่พระเจ้าทรงมีต่อที่ไม่เชื่อตั้งอย
การแปล กรุณารอสักครู่..